ประกาศกรมสรรพากร
เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ สำหรับเงินที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
_________________________________
ตามที่กรมสรรพากรได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 80) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ สำหรับกรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2543 ซึ่งมีผลให้ลูกจ้างได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้ไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงิน หรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ลูกจ้างผู้นั้นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์และเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ าแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในระหว่างวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2537 ถึงวัน 2 ธันวาคม พ.ศ.2538 และได้ออกจากงานเพราะเกษียณอายุก่อนวัน 2 ธันวาคม พ.ศ.2543 ซึ่งมีระยะเวลาที่ทำงานกับนายจ้างนั้นก่อนเกษียณอายุไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยมีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ.2537 ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ.2538 เป็นต้นไป นั้น
เนื่องจากประกาศอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าว มีผลให้ลูกจ้างที่ได้รับเงิ หรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับจากกองทุน สำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในกรณีนี้ สำหรับปี พ.ศ.2537 ถึงปี พ.ศ.2540 ไม่สามารถใช้สิทธิยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากรภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษี ตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร จึงขยายกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ที่ได้เสียไว้แล้วสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใดๆที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุน สำรองเลี้ยงชีพฯ กรณีเกษียณอายุตามหลักเกณฑ์ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าโดยให้ยื่นคำร้องขอคืน (แบบ ค.10) ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2544
ประกาศ ณ วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2544
ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล
(นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล)
อธิบดีกรมสรรพากร
--บริการสารสรรพากร--
-สศ-
เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ สำหรับเงินที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
_________________________________
ตามที่กรมสรรพากรได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 80) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ สำหรับกรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2543 ซึ่งมีผลให้ลูกจ้างได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้ไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงิน หรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ลูกจ้างผู้นั้นต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์และเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ าแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในระหว่างวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2537 ถึงวัน 2 ธันวาคม พ.ศ.2538 และได้ออกจากงานเพราะเกษียณอายุก่อนวัน 2 ธันวาคม พ.ศ.2543 ซึ่งมีระยะเวลาที่ทำงานกับนายจ้างนั้นก่อนเกษียณอายุไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยมีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำ พ.ศ.2537 ที่จะต้องยื่นรายการใน พ.ศ.2538 เป็นต้นไป นั้น
เนื่องจากประกาศอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าว มีผลให้ลูกจ้างที่ได้รับเงิ หรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับจากกองทุน สำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในกรณีนี้ สำหรับปี พ.ศ.2537 ถึงปี พ.ศ.2540 ไม่สามารถใช้สิทธิยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากรภายในสามปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นรายการภาษี ตามมาตรา 27 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร จึงขยายกำหนดเวลาการยื่นคำร้องขอคืนภาษีเงินได้ที่ได้เสียไว้แล้วสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใดๆที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุน สำรองเลี้ยงชีพฯ กรณีเกษียณอายุตามหลักเกณฑ์ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ฉบับดังกล่าโดยให้ยื่นคำร้องขอคืน (แบบ ค.10) ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2544
ประกาศ ณ วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2544
ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล
(นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล)
อธิบดีกรมสรรพากร
--บริการสารสรรพากร--
-สศ-