ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๓๓๓) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ

ข่าวทั่วไป Friday December 21, 2018 14:14 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๓๓๓)

เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีเงินได้

สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ

_______________

อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๔๑ (พ.ศ. ๒๕๖๑) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ สำหรับการซื้อสินค้าหรือรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

(๑) ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องมิใช่ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล โดยให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท

(๒) กรณีสามีหรือภริยามีเงินได้ฝ่ายเดียว ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่สามีหรือภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท

(๓) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้

(ก) ถ้าต่างฝ่ายต่างยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับ หรือแยกยื่นรายการและเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร โดยไม่ถือเป็นเงินได้ของอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา ๕๗ ฉ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท

(ข) ถ้าสามีภริยาตกลงยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน โดยถือเอาเงินได้พึงประเมินของตนเป็นเงินได้ของสามีหรือภริยาอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา ๕๗ ฉ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ผู้มีเงินได้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท และให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนของสามีหรือภริยาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท

ข้อ ๒ ผู้มีเงินได้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ ต้องซื้อสินค้าหรือรับบริการ และชำระราคาค่าสินค้าหรือค่าบริการ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

(๑) กรณีการจ่ายค่าซื้อยางรถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ หรือยางรถจักรยาน ต้องเป็นการจ่ายให้แก่ผู้ขายซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมทั้งหลักฐานคูปองที่แสดงประเภทของยางที่ซื้อจากผู้ขาย ซึ่งเป็นหลักฐานที่การยางแห่งประเทศไทยรับรองว่า ยางดังกล่าวผลิตโดยผู้ผลิตที่ซื้อวัตถุดิบจากการยางแห่งประเทศไทย

ยางรถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ หรือยางรถจักรยานตามวรรคหนึ่ง ต้องไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน

หลักฐานคูปองจากผู้ขายตามวรรคหนึ่งต้องปรากฏชื่อหรือตราประทับของผู้ขาย และผู้มีเงินได้ต้องมีจำนวนคูปองมาแสดงเท่ากับจำนวนยางที่ซื้อ

(๒) กรณีการจ่ายค่าซื้อหนังสือแต่ไม่รวมถึงหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ต้องเป็นการจ่ายให้แก่ผู้ขายที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และได้รับใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ในกรณีที่ผู้ขายเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือได้รับใบรับซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา ๑๐๕ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อ และนามสกุลของผู้มีเงินได้ ในกรณีที่ผู้ขายมิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

(๓) กรณีการจ่ายค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต แต่ไม่รวมถึงหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ต้องเป็นการจ่ายให้แก่ผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และได้รับใบรับซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา ๑๐๕ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อ และนามสกุลของผู้มีเงินได้

(๔) กรณีการจ่ายค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ สินค้าดังกล่าวต้องเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว และได้รับใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร จากผู้ขาย ในกรณีที่ผู้ขายเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือได้รับใบรับซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา ๑๐๕ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อ และนามสกุลของผู้มีเงินได้ ในกรณีที่ผู้ขายมิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยในการจัดทารายการชื่อ ชนิด และประเภทของสินค้าในใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ (๕) แห่งประมวลรัษฎากร หรือในใบรับนั้น ผู้ขายต้องปฏิบัติ ดังนี้

(ก) ต องระบุข้อความที่แสดงว่าสินค้านั้น เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในแต่ละรายการสินค้า หรือจัดทาเครื่องหมายแสดงในแต่ละรายการสินค้าที่เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และมีข้อความที่แสดงว่าเครื่องหมายนั้นหมายถึงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ไว้ในใบกำกับภาษีหรือใบรับ เช่น "OTOP" "โอทอป" หรือ "One Tambon One Product" เป็นต้น

(ข) กรณีที่สินค้าทุกรายการในใบกำกับภาษีหรือใบรับนั้น เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมด จะไม่ระบุข้อความหรือเครื่องหมายที่แสดงว่า สินค้าแต่ละรายการเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ตาม (ก) ก็ได้ โดยให้ผู้ขายสินค้าซึ่งเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีหรือใบรับ ประทับด้วยตรายางที่มีชื่อการค้า หรือเครื่องหมายการค้าของผู้ขายสินค้านั้น และให้ระบุข้อความว่า "สินค้าทุกรายการเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์" หรือข้อความอื่นในลักษณะทานองเดียวกันในใบกำกับภาษีหรือใบรับฉบับนั้นด้วย

การออกใบกำกับภาษีหรือใบรับตามวรรคหนึ่งที่ผู้ขายหรือผู้ให้บริการออกด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ขายหรือผู้ให้บริการต้องปฏิบัติตามระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการจัดทา ส่งมอบ และเก็บรักษาใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือระเบียบกรมสรรพากรว่าด้วยการจัดทา ส่งมอบ และเก็บรักษาใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice by Email พ.ศ. ๒๕๖๐

ข้อ ๓ กรณีที่ผู้มีเงินได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้นาภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีไปหักจากภาษีขายในการคานวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๒/๓ แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ผู้มีเงินได้ไม่มีสิทธินาค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามใบกำกับภาษีนั้นมาใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้

ข้อ ๔ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธินาเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไปคานวณหักจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร หลังจากหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว

ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ

(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)

อธิบดีกรมสรรพากร

ที่มา: http://www.rd.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ