เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๒๖)
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้า
จากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืน
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร
_______________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๔) พ.ศ. ๒๕๔๑ อธิบดีกรมสรรพากร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้า จากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ผู้เดินทางที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว จากการซื้อสินค้า กับผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) ไม่เป็นผู้มีสัญชาติไทย
(๒) ไม่เป็นผู้มีภูมิลาเนาในประเทศไทย
(๓) ไม่เป็นนักบินหรือลูกเรือของสายการบินที่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
(๔) เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ๒ แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
(๕) ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๙๐) เรื่อง กำหนดคุณลักษณะและหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบการจดทะเบียน ที่ขายสินค้าให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
(๖) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามประกาศนี้
ข้อ ๒ ผู้เดินทางที่มีคุณสมบัติตามข้อ ๑ มีสิทธิตั้งตัวแทนได้ในระหว่างวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร โดยขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดในจำนวนไม่เกิน หนึ่งหมื่นสองพันบาท
การตั้งตัวแทนตามวรรคหนึ่ง ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ตัวแทนที่ผู้เดินทางตามวรรคหนึ่งแต่งตั้งเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว ต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร
ข้อ ๓ ผู้มีความประสงค์จะประกอบกิจการเป็นตัวแทนของผู้เดินทางตามข้อ ๒ วรรคหนึ่ง เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว ต้องยื่นคำขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากร ผ่านหัวหน้ากลุ่มบริหารการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว ตามแบบคำขออนุมัติเป็นผู้ให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมือง ที่แนบท้ายประกาศนี้
ผู้มีสิทธิยื่นคำขออนุมัติตามวรรคหนึ่ง ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
(๒) มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ตั้งแต่ยี่สิบห้าล้านบาทขึ้นไป
(๓) เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งคานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๒/๓ แห่งประมวลรัษฎากร และไม่เคยมีประวัติเป็นผู้ออกหรือใช้ใบกำกับภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(๔) มีวัตถุประสงค์เพื่อดาเนินการเป็นตัวแทนของผู้เดินทางออกไป นอกราชอาณาจักร ในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร ปรากฏอยู่ในข้อหนึ่งข้อใดที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองนิติบุคคล
(๕) เสนอแผนการดาเนินงาน ซึ่งประกอบไปด้วย
(๕.๑) รายละเอียดของพื้นที่ในการให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไม่เกิน ๕ พื้นที่ให้บริการ
ในกรณีของผู้ให้บริการที่ได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ให้บริการตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมืองแล้ว และมีความประสงค์จะเพิ่มพื้นที่ให้บริการ ให้จัดทาหนังสือแจ้งความประสงค์ดังกล่าว เสนออธิบดีกรมสรรพากรผ่านหัวหน้ากลุ่มบริหารการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้อธิบดีกรมสรรพากรพิจารณาอนุมัติเพิ่มพื้นที่ให้บริการตามที่เห็นสมควร แต่รวมกับพื้นที่ให้บริการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ไม่เกิน ๕ พื้นที่ให้บริการ
(๕.๒) รายละเอียดของเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ รวมถึงระบบงานพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ ในการให้บริการเป็นตัวแทน คืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมือง
(๕.๓) รายละเอียดของระบบเชื่อมต่อการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรกับเครื่องอ่านหนังสือเดินทาง ซึ่งสามารถส่งข้อมูลการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ให้กรมสรรพากรได้ทันที (Real Time)
ข้อ ๔ ตัวแทนที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร สามารถให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมืองได้ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ และจะต้องดาเนินการ ดังนี้
(๑) จัดให้มีสถานประกอบการให้บริการ ในพื้นที่ตามที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร
(๒) จัดทาระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมือง เพื่อนำส่งข้อมูลการคืนภาษีให้กับกรมสรรพากรแบบ Real Time
(๓) จัดทากล่องรับคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) (Drop Box) จำนวน ๓ กล่อง ติดตั้งไว้ ณ บริเวณด้านหน้าสานักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวประจาท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิด้านตะวันตกและด้านตะวันออก และบริเวณด้านหน้าสานักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวประจาท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
ข้อ ๕ แม้ว่าจะมีบทบัญญัติในข้อ ๓ (๕) อธิบดีกรมสรรพากรอาจกำหนดให้ตัวแทน ที่ได้รับอนุมัติแล้ว เพิ่มพื้นที่ให้บริการ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดได้ ตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๖ ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมแสดงหนังสือเดินทางต่อผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าในวันที่ซื้อสินค้า เพื่อให้จัดทาเอกสาร ดังนี้
(๑) ใบกำกับภาษี ตามมาตรา ๘๖/๔ หรือมาตรา ๘๖/๖ แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณีโดยระบุเลขที่หนังสือเดินทางของผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร
(๒) คำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) ตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ทั้งนี้ ใบกำกับภาษีที่ปรากฏในคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) ที่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ได้แต่งตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประกาศฉบับนี้แล้ว ไม่สามารถนาไปใช้เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศได้อีก
ข้อ ๗ สินค้าที่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรมีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามประกาศฉบับนี้ ต้องมีลักษณะ ดังนี้
(๑) เป็นสินค้าที่นาไปพร้อมกับการเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร
(๒) ไม่เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำออกนอกราชอาณาจักร อาวุธปืน วัตถุระเบิด หรือสินค้าที่มีลักษณะทานองเดียวกัน อัญมณีที่ยังไม่ได้ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ
กรณีเป็นสินค้าที่สามารถบริโภคได้ในราชอาณาจักร สินค้าดังกล่าวต้องได้รับการบรรจุหีบห่อ และปิดผนึก (Seal) ที่มีสัญลักษณ์ของผู้ประกอบการจดทะเบียนในลักษณะมั่นคง และให้มีข้อความ "No Consumption made whilst in Thailand" ลงบนหีบห่อ ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน
(๓) เป็นสินค้าที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้เป็นผู้มีสิทธิจัดทาคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) และมูลค่าของสินค้าที่ซื้อต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าสองพันบาท โดยซื้อจากสถานประกอบการแห่งละจำนวนไม่น้อยกว่าสองพันบาทต่อวัน
(๔) ต้องนำสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร ภายใน ๑๔ วัน นับแต่วันที่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรมีหนังสือแต่งตั้งตัวแทน แต่ไม่เกิน ๖๐ วัน นับแต่วันที่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรแจ้งความประสงค์ตามข้อ ๖
ข้อ ๘ ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว ต้องนำสินค้าตามข้อ ๗ และคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) พร้อมใบกำกับภาษีไปแสดงต่อ เจ้าพนักงานศุลกากร ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ หรือท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ขณะเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อให้เจ้าพนักงานศุลกากรประทับรับรองในคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐)
กรณีสินค้าที่ปรากฏข้อความ "Item No. ... must also be presented to Revenue Officer" ในคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) ซึ่งเป็นสินค้าประเภทอัญมณีที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ ทองรูปพรรณ นาฬิกา แว่นตา ปากกา โทรศัพท์แบบพกพาหรือสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แบบพกพา กระเป๋า เข็มขัด ที่มีมูลค่าของสินค้าแต่ละชิ้นตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป หรือสินค้าที่สามารถนำติดตัวไปพร้อมกับการเดินทางที่มีมูลค่าของสิ้นค้าต่อชิ้นตั้งแต่ห้าหมื่นบาทขึ้นไป ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรต้องแสดงสินค้าดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานสรรพากร ณ จุดบริการ คืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ตั้งอยู่ภายหลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อประทับรับรองการมีสินค้า ลงในคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐)
ข้อ ๙ เมื่อได้ปฏิบัติตามข้อ ๘ แล้ว ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร นำส่งคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) พร้อมใบกำกับภาษีในกล่องรับแบบคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) (Drop Box) ที่ตั้งอยู่ ณ บริเวณด้านหน้าสานักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวประจาท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิด้านตะวันตกและด้านตะวันออก หรือบริเวณด้านหน้าสานักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวประจาท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
ข้อ ๑๐ เมื่อผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของประกาศนี้ กรมสรรพากรจะคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้มีสิทธิดังกล่าว ผ่านตัวแทนที่อธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติ
เอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มตามวรรคหนึ่ง มีดังนี้
(๑) รายงานการให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไป นอกราชอาณาจักร ประกอบเอกสารหลักฐานการตั้งตัวแทน
(๒) คำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) และใบกำกับภาษี ตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร หรือมาตรา ๘๖/๖ แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้มีสิทธิตามประกาศนี้
ข้อ ๑๑ ตัวแทนที่อธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๒๔) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไป นอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนำออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ถือว่า เป็นตัวแทนที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร และสามารถให้บริการเป็นตัวแทนตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับนี้ ได้โดยมิต้องยื่นคำขออีก
ข้อ ๑๒ ในกรณีตัวแทนที่อธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติตามประกาศนี้ หรือตัวแทนตามข้อ ๑๑ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามประกาศนี้ อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจเพิกถอนการอนุมัติตามข้อ ๒ ได้ และให้ตัวแทนที่ถูกเพิกถอนดังกล่าวยุติการให้บริการนับแต่วันที่ อธิบดีกรมสรรพากร มีหนังสือเพิกถอนเป็นต้นไป
ข้อ ๑๓ ประกาศนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒
ประกาศ ณ วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร
ที่มา: http://www.rd.go.th