เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการหักเงินได้พึงประเมินเพื่อชำระเงินกู้ยืมคืน
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐
(ฉบับที่ ๒)
______________
อาศัยอำนาจตามความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืม เพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ให้พนักงานหรือลูกจ้างซึ่งเป็นผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หักเงินได้พึงประเมินเพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนให้กองทุน ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
"กองทุน" หมายความว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐
"เงินกู้ยืม" หมายความว่า เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐
"หน่วยงาน" หมายความว่า (๑) กระทรวง ทบวง กรม สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
(๒) หน่วยงานของรัฐอื่นใดนอกจากหน่วยงานตาม (๑) และ (๓) หน่วยงานเอกชน ที่เป็นบุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคล "ผู้กู้ยืมเงิน" หมายความว่า (๑) พนักงานราชการหรือลูกจ้างชั่วคราวของกระทรวง ทบวง กรม สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่เป็นผู้กู้ยืมเงิน จากกองทุน
(๒) พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐอื่นใดที่มิใช่กระทรวง ทบวง กรม สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ที่เป็นผู้กู้ยืมเงิน จากกองทุน และ
(๓) พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานเอกชน ที่เป็นผู้กู้ยืมเงินจากกองทุน "ระบบ e-PaySLF"
หมายความว่า ระบบรับชำระเงินกู้ยืมคืนกองทุนผ่านกรมสรรพากร ข้อ ๒ ให้หน่วยงานซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้กู้ยืมเงิน มีหน้าที่หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินตามมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้เข้าใช้ระบบ e-PaySLF และให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีที่หน่วยงานยังไม่มีหมายเลขผู้ใช้ (User ID) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อเข้าสู่ระบบการยื่นแบบแสดงรายการผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร หรือระบบบริการ Tax Single Sign On ของกระทรวงการคลัง ให้ดำเนินการ ดังนี้
(ก) กรอกคำขอยื่นแบบแสดงรายการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากร (ภ.อ.๐๑) พร้อมพิมพ์แบบ ภ.อ.๐๑ และแบบข้อตกลงในการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตออกจากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต พร้อมลงลายมือชื่อของผู้มีอำนาจลงนามผูกพันและประทับตรานิติบุคคล (ถ้ามี) มายื่นต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือที่กองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ กรณีที่หน่วยงานมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายื่นเอกสารหลักฐานแทน ให้มีหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจาตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องมาแสดงด้วย หรือ
(ข) กรอกคำขอยื่นใช้ระบบบริการ Tax Single Sign On ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกระทรวงการคลัง แล้วพิมพ์ออกจากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มายื่นต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือที่กองบริหารการเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่กรมสรรพสามิต ทั้งนี้ กรณีที่หน่วยงานมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายื่นเอกสารหลักฐานแทน ให้มีหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจาตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องมาแสดงด้วย
(๒) กรณีที่หน่วยงานมีหมายเลขผู้ใช้ (User ID) และรหัสผ่าน (Password) สำหรับเข้าสู่ระบบการยื่นแบบแสดงรายการผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของกรมสรรพากรแล้ว แต่ยังมิได้ขอเพิ่มประเภทกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ให้ยื่นคำขอนาส่งเงินกู้ยืมคืนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ตามแบบคำขอเพิ่ม/ลดประเภท แบบแสดงรายการยื่นผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ภ.อ.๐๒)
ข้อ ๓ กรณีที่หน่วยงานได้ดำเนินการตามข้อ ๒ แล้ว ให้หน่วยงานซึ่งได้รับแจ้งจานวนเงินกู้ยืมและรายชื่อผู้กู้ยืมเงินจากกองทุน เข้าสู่ระบบ e-PaySLF ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th และตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อผู้กู้ยืมเงินตามที่กองทุนแจ้งให้ทราบ
กรณีที่ผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนตามรายชื่อที่กองทุนแจ้งให้ทราบ ไม่ได้อยู่ในสังกัด ของหน่วยงาน ให้หน่วยงานแจ้งยกเลิกรายชื่อดังกล่าวผ่านระบบ e-PaySLF โดยดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) ดาวน์โหลด (Download) ไฟล์รายการข้อมูลรายชื่อผู้กู้ยืมเงินตามที่กองทุนแจ้งให้ทราบจากระบบ e-PaySLF และดำเนินการแก้ไขรายการข้อมูลรายชื่อผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ในสังกัดให้ถูกต้อง ทั้งนี้ ต้องระบุเหตุผลการแก้ไข และอัปโหลด (Upload) ไฟล์รายการข้อมูลรายชื่อผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ในสังกัดที่ได้แก้ไขให้ถูกต้องแล้วเข้าสู่ระบบ e-PaySLF โดยต้องดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๕ วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่หน่วยงานได้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้กู้ยืมเงิน ที่อยู่ในสังกัด หรือ
(๒) ให้ยกเลิกรายชื่อผู้กู้ยืมเงินที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดของหน่วยงาน ในรายการข้อมูลรายชื่อ ผู้กู้ยืมเงินผ่านระบบ e-PaySLF โดยตรง ทั้งนี้ ต้องระบุเหตุผลการยกเลิก โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๕ วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่หน่วยงานได้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ในสังกัด
ข้อ ๔ เมื่อหน่วยงานได้ตรวจสอบรายชื่อผู้กู้ยืมเงินจากกองทุน ว่าถูกต้องตามข้อ ๓ แล้ว ต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) หักเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้กู้ยืมเงิน เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนกองทุนตามมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามจานวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ
(๒) ทำการยืนยันรายการข้อมูลรายชื่อผู้กู้ยืมเงินดังกล่าวบนระบบ e-PaySLF และ
(๓) พิมพ์ชุดชำระเงิน (Pay-in Slip) ออกจากระบบ e-PaySLF พร้อมนาเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ในสังกัดซึ่งถูกหักไว้ตาม (๑) มาชำระตามช่องทางที่ปรากฏในชุดชำระเงิน (Pay-in Slip) ภายในกำหนดเวลานาส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยต้องเป็นช่องทาง การชำระเงิน ดังต่อไปนี้
(ก) ชำระเป็นเงินสด เข้าบัญชีชื่อ "กรมสรรพากร ๒ เพื่อรับชำระเงินคืนกองทุน เงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา"
(ข) ชำระด้วยเช็ค ซึ่งเป็นเช็คธนาคารและสาขาที่หน่วยงานเปิดบัญชี ไปชำระ ณ สาขาของธนาคารนั้น ๆ โดยระบุผู้รับเงิน คือ "กรมสรรพากร ๒ เพื่อรับชำระเงินคืนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา"
(ค) ชำระด้วยแคชเชียร์เช็ค (Cashier Cheque) ซึ่งเป็นแคชเชียร์เช็คของทุกธนาคาร สาขาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไปชำระ ณ สาขาของธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยระบุผู้รับเงิน คือ "กรมสรรพากร ๒ เพื่อรับชำระเงินคืนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา" ก่อนเวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา หรือ
(ง) ชำระด้วยตั๋วแลกเงิน (Draft) ซึ่งเป็นตั๋วแลกเงินของทุกธนาคาร สาขาในต่างจังหวัด ไปชำระ ณ สาขาของธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) ในเขตจังหวัดเดียวกัน โดยระบุผู้รับเงิน คือ "กรมสรรพากร ๒ เพื่อรับชำระเงินคืนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา" ก่อนเวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา
ข้อ ๕ เมื่อหน่วยงานได้ดำเนินการตามข้อ ๔ แล้ว ให้กองทุนตรวจสอบความถูกต้องและจัดทาใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่หน่วยงานดังกล่าวภายใน ๑๐ วันทำการ นับจากวันที่หน่วยงาน ได้นาเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้กู้ยืมเงินซึ่งถูกหักไว้ตามจานวน ที่กองทุนแจ้งให้ทราบ มาชำระตามช่องทางที่ปรากฏในชุดชำระเงิน (Pay-in Slip)
ทั้งนี้ หน่วยงานต้องจัดเก็บใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ไว้เป็นหลักฐานการหักเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้กู้ยืมเงินจากกองทุน และเป็นหลักฐาน การชำระเงินตามข้อ ๔ (๓) แล้ว
ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร
ที่มา: http://www.rd.go.th