ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๒๙) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเร

ข่าวทั่วไป Friday September 27, 2019 13:34 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร

เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๒๙)

เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้า

จากผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร

______________

อาศัยอำนาจตามคว่ามในมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๔) พ.ศ. ๒๕๔๑ อธิบดีกรมสรรพากร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ผู้เดินทางที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว จากการซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

(๑) ไม่เป็นผู้มีสัญชาติไทย

(๒) ไม่เป็นผู้มีภูมิลาเนาในประเทศไทย

(๓) ไม่เป็นนักบินหรือลูกเรือของสายการบินที่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร

(๔) เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ที่มีสำนักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวตั้งอยู่

(๕) ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๙๐) เรื่อง กำหนดคุณลักษณะและหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบการจดทะเบียน ที่ขายสินค้าให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งผู้เดินทาง ออกนอกราชอาณาจักร มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒

(๖) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามประกาศนี้ ข้อ ๒ ผู้เดินทางที่มีคุณสมบัติตามข้อ ๑ มีสิทธิตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร โดยขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงินสดในจำนวน ไม่เกินสามหมื่นบาท

การตั้งตัวแทนตามวรรคหนึ่ง ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ

ตัวแทนที่ผู้เดินทางตามวรรคหนึ่งแต่งตั้งเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร

ข้อ ๓ ผู้มีคว่ามประสงค์จะประกอบกิจการเป็นตัวแทนของผู้เดินทางตามข้อ ๒ วรรคหนึ่ง เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว ต้องยื่นคาขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากร ผ่านหัวหน้ากลุ่มบริหารการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว ตามแบบคาขออนุมัติเป็นผู้ให้บริการเป็นตัวแทน ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ที่แนบท้ายประกาศนี้

ผู้มีสิทธิยื่นคาขออนุมัติตามวรรคหนึ่ง ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

(๑) เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย

(๒) มีทุนจดทะเบียนที่ชาระแล้ว ตั้งแต่ยี่สิบห้าล้านบาทขึ้นไป

(๓) เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งคานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา ๘๒/๓ แห่งประมวลรัษฎากร และไม่เคยมีประวัติเป็นผู้ออกหรือใช้ใบกากับภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

(๔) มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการเป็นตัวแทนของผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร ปรากฏอยู่ในข้อหนึ่งข้อใดที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองนิติบุคคล

(๕) เสนอแผนการดำเนินงาน ซึ่งประกอบไปด้วย

(๕.๑) รายละเอียดของพื้นที่ในการให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร

(๕.๒) รายละเอียดของเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ รวมถึงระบบงานพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ ในการให้บริการเป็นตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร

(๕.๓) รายละเอียดของระบบเชื่อมต่อการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทาง ออกไปนอกราชอาณาจักรกับเครื่องอ่านหนังสือเดินทาง ซึ่งสามารถส่งข้อมูลการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ให้กรมสรรพากรได้ทันที (Real Time)

ข้อ ๔ ตัวแทนที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร สามารถให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรได้ โดยต้องดำเนินการ ดังนี้

(๑) จัดให้มีสถานประกอบการให้บริการ ในพื้นที่ตามที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร

(๒) จัดทาระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อนาส่งข้อมูลการคืนภาษีให้กับกรมสรรพากรแบบ Real Time

(๓) จัดให้มีกล่องรับแบบคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) (Drop Box) ติดตั้งไว้ ณ บริเวณด้านหน้าสำนักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวประจาท่าอากาศยานระหว่างประเทศที่มีสำนักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวตั้งอยู่

ข้อ ๕ ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรแล้ว หากมีคว่ามประสงค์จะเพิ่มพื้นที่ให้บริการให้จัดทาหนังสือ แจ้งคว่ามประสงค์ดังกล่าว พร้อมจัดทาแผนงานตามคว่ามในข้อ ๓ วรรคสอง (๕) เสนอต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านหัวหน้ากลุ่มบริหารการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว

การเพิ่มพื้นที่ให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไป นอกราชอาณาจักรตามวรรคหนึ่งต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร

ข้อ ๖ ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ต้องแจ้งคว่ามประสงค์ที่จะขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแสดงหนังสือเดินทางต่อผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าในวันที่ซื้อสินค้า เพื่อให้จัดทาเอกสาร ดังนี้

(๑) ใบกากับภาษีตามมาตรา ๘๖/๔ หรือมาตรา ๘๖/๖ แห่งประมวลรัษฎากร แล้วแต่กรณี โดยระบุเลขที่หนังสือเดินทางของผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร

(๒) คำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) หรือคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด

ทั้งนี้ ใบกากับภาษีที่ปรากฏในคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) ที่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ได้แต่งตั้งตัวแทนเพื่อขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มตามประกาศ ฉบับนี้แล้ว ไม่สามารถนาไปใช้เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้อีก

ข้อ ๗ สินค้าที่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรมีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามประกาศฉบับนี้ ต้องมีลักษณะดังนี้

(๑) เป็นสินค้าที่นาไปพร้อมกับการเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร

(๒) ไม่เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนาออกนอกราชอาณาจักร อาวุธปืน วัตถุระเบิด หรือสินค้าที่มีลักษณะทานองเดียวกัน อัญมณีที่ยังไม่ได้ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ

กรณีเป็นสินค้าที่สามารถบริโภคได้ในราชอาณาจักร สินค้าดังกล่าวต้องได้รับการบรรจุหีบห่อและปิดผนึก (Seal) ที่มีสัญลักษณ์ของผู้ประกอบการจดทะเบียนในลักษณะมั่นคง และให้มีข้อคว่าม "No Consumption made whilst in Thailand" ลงบนหีบห่อ ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน

(๓) เป็นสินค้าที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้เป็นผู้มีสิทธิจัดทาคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) และมูลค่าการซื้อสินค้าต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าสองพันบาท โดยซื้อจากสถานประกอบการแห่งละจำนวนไม่น้อยกว่า สองพันบาทต่อวัน

(๔) เป็นสินค้าที่ต้องนาออกไปนอกราชอาณาจักร ภายใน ๑๔ วัน นับแต่วันที่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรมีหนังสือแต่งตั้งตัวแทน แต่ไม่เกิน ๖๐ วัน นับแต่วันที่ผู้เดินทางออกไป นอกราชอาณาจักรแจ้งคว่ามประสงค์ตามข้อ ๖

ข้อ ๘ ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว ซึ่งมีมูลค่าการซื้อสินค้าทั้งหมดตั้งแต่ห้าพันบาทขึ้นไป ต้องนาสินค้าตามข้อ ๗ และคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) พร้อมใบกากับภาษีไปแสดงต่อเจ้าพนักงานศุลกากร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ที่มีกล่องรับคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) (Drop Box) ติดตั้งไว้ ในขณะเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร เพื่อให้เจ้าพนักงานศุลกากรประทับรับรองในคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐)

กรณีสินค้าที่ปรากฏข้อคว่าม "Item No. ... must also be presented to Revenue Officer" ในคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) ซึ่งเป็นสินค้าประเภทอัญมณีที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ ทองรูปพรรณ นาฬิกา แว่นตา ปากกา โทรศัพท์แบบพกพาหรือสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แบบพกพา กระเป๋าถือ (ไม่รวมถึงกระเป๋าเดินทาง) เข็มขัด ที่มีมูลค่าการซื้อสินค้าแต่ละชิ้นตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป หรือสินค้าที่สามารถนาติดตัวไปพร้อมกับการเดินทาง ที่มีมูลค่าการซื้อสินค้าต่อชิ้นตั้งแต่ห้าหมื่นบาทขึ้นไป ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรต้องแสดงสินค้าดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานสรรพากร ณ จุดบริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ตั้งอยู่ภายหลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อประทับรับรองการมีสินค้าลงในคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐)

ข้อ ๙ เมื่อได้ปฏิบัติตามข้อ ๘ แล้ว ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร นาส่งคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) พร้อมใบกากับภาษีในกล่องรับคำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) (Drop Box) ที่ตั้งอยู่ ณ บริเวณด้านหน้าสำนักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้นักท่องเที่ยวประจาท่าอากาศยานระหว่างประเทศ

ข้อ ๑๐ เมื่อผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของประกาศนี้ กรมสรรพากรจะคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้มีสิทธิดังกล่าวผ่านตัวแทนที่อธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติ

เอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามวรรคหนึ่ง มีดังนี้

(๑) รายงานการให้บริการเป็นตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ประกอบเอกสารหลักฐานการตั้งตัวแทน

(๒) คำร้องขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับนักท่องเที่ยว (ภ.พ.๑๐) และใบกากับภาษี ตามมาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร หรือมาตรา ๘๖/๖ แห่งประมวลรัษฎากร ของผู้มีสิทธิตามประกาศนี้

ข้อ ๑๑ ตัวแทนที่อธิบดีกรมสรรพากรได้อนุมัติให้เป็นผู้ให้บริการเป็นตัวแทนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับ ให้ถือว่าเป็นตัวแทนที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรและสามารถให้บริการเป็นตัวแทนตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับนี้ ได้โดยมิต้องยื่นคาขออีก

ข้อ ๑๒ ในกรณีตัวแทนที่อธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติตามประกาศนี้ หรือตัวแทนตามข้อ ๑๑ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามประกาศนี้ อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจเพิกถอน การอนุมัติตามข้อ ๒ ได้ และให้ตัวแทนที่ถูกเพิกถอนดังกล่าวยุติการให้บริการนับแต่วันที่อธิบดีกรมสรรพากร มีหนังสือเพิกถอนเป็นต้นไป

ข้อ ๑๓ ประกาศนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ

(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)

อธิบดีกรมสรรพากร

ที่มา: http://www.rd.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ