เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๒๓๑)
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร
ที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร
______________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๔) พ.ศ. ๒๕๔๑ อธิบดีกรมสรรพากร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียน เพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน ๒.๓ ของข้อ ๒ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๙๑) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"๒.๓ มูลค่าการซื้อสินค้าต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ บาท โดยซื้อจากสถานประกอบการแห่งละจำนวนไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐ บาท ต่อวัน"
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๓ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๙๑) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ ๓ ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียน และมีความประสงค์จะขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้แจ้งต่อผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้า พร้อมแสดงหนังสือเดินทาง เพื่อจัดทำคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.๑๐) ในวันที่ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรซื้อสินค้า"
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๔ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๙๑) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ ๔ ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่มีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้ว ซึ่งมีมูลค่าการซื้อสินค้าทั้งหมดตั้งแต่ห้าพันบาทขึ้นไป ต้องนาสินค้าตามข้อ ๒ และคำร้องขอคืน
ภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมใบกำกับภาษีไปแสดงต่อเจ้าพนักงานศุลกากร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ในขณะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อให้เจ้าพนักงานศุลกากรประทับรับรองในคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ในกรณีที่สินค้าที่ผู้เดินทางออกนอกราชอาญาจักรขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น อัญมณีที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือน หรือของรูปพรรณ ทองรูปพรรณ นาฬิกา แว่นตา ปากกา โทรศัพท์แบบพกพาหรือสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แบบพกพา กระเป๋าถือ (ไม่รวมถึงกระเป๋าเดินทาง) เข็มขัด ที่มีมูลค่าการซื้อสินค้า แต่ละชิ้นตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป หรือสินค้าที่สามารถนาติดตัวไปพร้อมกับการเดินทางที่มีมูลค่า การซื้อสินค้าต่อชิ้นตั้งแต่ห้าหมื่นบาทขึ้นไป ให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรแสดงสินค้าดังกล่าว ต่อเจ้าพนักงานสรรพากร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศขณะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรด้วย
เมื่อผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรปฏิบัติตามวรรคหนึ่งและวรรคสองแล้ว ให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรขอรับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานสรรพากรหรือตัวแทน ที่ได้รับแต่งตั้ง ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศขณะเดินทางออกนอกราชอาณาจักร หรือส่งคำร้องดังกล่าวให้เจ้าพนักงานสรรพากรหรือตัวแทนที่ได้รับแต่งตั้งทางไปรษณีย์ ภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่ซื้อสินค้าเป็นวันแรก"
ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๖ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๙๑) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรที่ซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการจดทะเบียนเพื่อนาออกไปนอกราชอาณาจักร ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วได้ ตามมาตรา ๘๔/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ ๖ ในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้เจ้าพนักงานสรรพากรหรือตัวแทนที่ได้รับแต่งตั้งหักค่าใช้จ่ายในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม และคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตรา ที่อธิบดีกำหนดท้ายประกาศนี้ ในกรณีที่ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ถูกเรียกเก็บไว้แล้วเป็นจำนวนไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ให้เจ้าพนักงานสรรพากรหรือตัวแทนที่ได้รับแต่งตั้งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานที่เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ โดยคืนเป็นเงินสด ตั๋วแลกเงินผ่านทางไปรษณีย์ หรือผ่านระบบการชาระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
ในกรณีที่จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องคืนให้ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร มีจำนวนเกินกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท ขึ้นไป ให้เจ้าพนักงานสรรพากรหรือตัวแทนที่ได้รับแต่งตั้งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเป็นตั๋วแลกเงินผ่านทางไปรษณีย์ หรือผ่านระบบการชาระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร
ที่มา: http://www.rd.go.th