คำสั่งกรมสรรพากร
ที่ ท.ป.๓๑๘/๒๕๖๓
เรื่อง การใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
_______________
อาศัยอำนาจตามมาตรา ๖๕ วรรคสองและวรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๒๗ อธิบดีกรมสรรพากร จึงมีคำสั่งวางทางปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ ๓.๑๓ ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป. ๑/๒๕๒๘ เรื่อง การใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๘
"๓.๑๓ การคำนวณรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นกองทุนรวมให้ใช้เกณฑ์สิทธิตามข้อ ๒ เว้นแต่รายได้ที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ให้นามารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับชำระ
ในกรณีรายได้ที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจาหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่มีการออกจาหน่ายในครั้งแรกของตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้นั้น ให้นารายได้ดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับโอนตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้นั้น"
ข้อ ๒ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร
ที่มา: http://www.rd.go.th