ที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (ฉบับที่ ๓) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ ประกอบกับข้อ ๕ ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี เรื่อง กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี ตามมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี (ฉบับที่ ๒) เรื่อง กำหนดระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบัญชี ตามมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕ และข้อ ๔ ของคาสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.๙๘/๒๕๔๔ เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ การทดสอบ การขอขึ้นทะเบียน การออกใบอนุญาต การอบรม การต่ออายุ และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีภาษีอากร ตามมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคาสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.๒๖๓/๒๕๕๙ เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ การทดสอบ การขอขึ้นทะเบียน การออกใบอนุญาต การอบรม การต่ออายุ และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีภาษีอากร ตามมาตรา ๓ สัตต แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
ข้อ ๒ องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่ประสงค์จะขอเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร ต้องมีคุณสมบัติและดาเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังนี้
(๑) องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานนั้นต้องมีลักษณะ ดังนี้
(ก) เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
(ข) เป็นสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชนที่มีฐานะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมูลนิธิหรือสมาคมซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อดาเนินการจัดฝึกอบรมสัมมนาปรากฏอยู่ในข้อหนึ่งข้อใดที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองนิติบุคคล หรือใบสาคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ (น.ม.๓) ใบสาคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งสมาคม (ส.ค.๔) แล้วแต่กรณี
(ค) เป็นหน่วยงานสวัสดิการภายในส่วนราชการที่มีวัตถุประสงค์หลักในการดาเนินงานเพื่อเผยแพร่ความรู้และจัดอบรมสัมมนาทางด้านกฎหมายภาษีอากรโดยเฉพาะให้แก่ข้าราชการและบุคคลทั่วไป
(๒) องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานตาม (๑) ต้องยื่นหนังสือต่ออธิบดีผ่านผู้อานวยการกองมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากร แสดงความประสงค์เป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร พร้อมแนบภาพถ่ายหนังสือรับรองนิติบุคคล ใบสาคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ (น.ม.๓) ใบสาคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งสมาคม (ส.ค.๔) หรือหลักฐานอื่นที่แสดงฐานะเป็นนิติบุคคลหรือสถานฝึกอบรมวิชาชีพเอกชน หรือหลักฐานแสดงสถานภาพการเป็นหน่วยงานสวัสดิการภายในส่วนราชการ แล้วแต่กรณี โดยหลักฐานดังกล่าวต้องปรากฏวัตถุประสงค์เพื่อดาเนินการจัดฝึกอบรมสัมมนาด้วย
(๓) องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานตาม(๒) ต้องขออนุมัติหลักสูตรการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต่ออธิบดีผ่านผู้อานวยการกองมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากร พร้อมแนบเอกสารดังต่อไปนี้
(ก) รายละเอียดวันเวลาในการเปิดรับสมัคร และระยะเวลาในการจัดอบรม (ข) ชื่อหลักสูตรพร้อมรายละเอียดของหลักสูตร (ค) เนื้อหา ขอบเขตวิชา และระยะเวลาในการจัดอบรม ตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๓ (ง) ชื่อ คุณวุฒิ และประสบการณ์ในการทางานของวิทยากรผู้บรรยาย ซึ่งวิทยากรผู้บรรยายดังกล่าว ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
๑) กรณีเป็นผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ต้องมีประสบการณ์ในการทางานด้านภาษีอากร หรือด้านบัญชีภาษีอากรไม่น้อยกว่า ๕ ปี ภายหลังจบการศึกษา
๒) กรณีเป็นผู้จบการศึกษาระดับปริญญาโท ต้องมีประสบการณ์ในการทางานด้านภาษีอากร หรือด้านบัญชีภาษีอากรไม่น้อยกว่า ๓ ปี ภายหลังจบการศึกษา
๓) กรณีเป็นผู้จบการศึกษาระดับปริญญาเอก ต้องมีประสบการณ์ในการทางานด้านภาษีอากร หรือด้านบัญชีภาษีอากรไม่น้อยกว่า ๑ ปี ภายหลังจบการศึกษา
ทั้งนี้ ความใน (๒) ไม่ใช้บังคับกับองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ
/ ข้อ ๓ ...
ข้อ ๓ องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องจัดให้มีหลักสูตรการอบรมในแต่ละปี โดยให้มีเนื้อหาวิชาครอบคลุมกฎหมาย ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรและกฎหมายภาษีอากรอื่นที่กรมสรรพากรจัดเก็บ มาตรฐานการ ปฏิบัติงานตรวจสอบและรับรองบัญชี มาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชีและจรรยาบรรณ ของผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี ซึ่งมุ่งเน้นเนื้อหาที่เป็นปัจจุบันและต้องมีเนื้อหาวิชาตามระยะเวลาของแต่ละหลักสูตรที่จัดอบรมรวมกันไม่น้อยกว่า ๑๒ ชั่วโมงต่อปี ทั้งนี้ เนื้อหาหลักสูตรในการจัดอบรมดังกล่าว ต้องมีเนื้อหาวิชากฎหมายภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรและกฎหมายภาษีอากรอื่นที่กรมสรรพากรจัดเก็บไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
การจัดอบรมตามวรรคหนึ่ง หากภายหลังองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการอบรม หรือมีการเปลี่ยนแปลงวิทยากรจากที่อธิบดีให้ความเห็นชอบไว้ ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรหรือการเปลี่ยนแปลงวิทยากรดังกล่าวต่ออธิบดีผ่านผู้อานวยการกองมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากรและต้องได้รับการพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการจัดให้มีการอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน
ข้อ ๔ องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรต้องแสดงรายละเอียดของหลักสูตร เนื้อหา ขอบเขตวิชา และระยะเวลาในการจัดอบรม ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีการจัดอบรมตามหลักสูตรในข้อ ๓ แก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (Offline Training)ต้องดาเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ ดังนี้
(ก) ในการจัดอบรมแต่ละหลักสูตร ต้องกำหนดให้มีเนื้อหา ขอบเขตวิชาตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๓ โดยให้นับระยะเวลาในการจัดอบรม ๑ ชั่วโมงการอบรมเท่ากับ ๖๐ นาที สาหรับระยะเวลาในช่วงพิธีเปิดการอบรม พิธีปิดการอบรมและเวลาพักไม่ให้นับเป็นชั่วโมงการอบรม และหากไม่มีการกำหนดระยะเวลาพักไว้ให้ถือเวลาพักรับประทานอาหารเป็น ๑ ชั่วโมง และเวลาพักรับประทานอาหารว่างเป็นครั้งละ ๑๕ นาที
(ข) ต้องจัดส่งหลักฐานการลงทะเบียนเข้ารับการอบรมต่ออธิบดีผ่านผู้อานวยการกองมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากรภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่การอบรมสิ้นสุดลง และจะต้องออกหนังสือรับรองการเข้ารับการอบรมในแต่ละครั้งให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม โดยหนังสือรับรองดังกล่าวจะต้องมีรายการอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
๑) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรขององค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร
๒) เลขที่หนังสือ และวันที่ที่ได้รับความเห็นชอบในการจัดอบรมจากอธิบดีกรมสรรพากร
๓) ชื่อ - ชื่อสกุลของผู้เข้ารับการอบรม และเลขทะเบียนผู้สอบบัญชีภาษีอากร ๔) หลักสูตรที่อบรม
๕) วัน เวลา และจานวนชั่วโมงที่เข้ารับการอบรม ๖) วันที่ออกหนังสือรับรอง (๒) กรณีการจัดอบรมตามหลักสูตรในข้อ ๓ แก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Training) ต้องดาเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการดังนี้
(ก) ในการจัดอบรมแต่ละหลักสูตร ต้องกำหนดให้มีเนื้อหา ขอบเขตวิชาตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๓ โดยให้นับระยะเวลาในการจัดอบรม ๑ ชั่วโมงการอบรมเท่ากับ ๖๐ นาที สาหรับระยะเวลาในช่วงพิธีเปิดการอบรม พิธีปิดการอบรมและเวลาพักไม่ให้นับเป็นชั่วโมงการอบรม และหากไม่มีการกำหนดระยะเวลาพักไว้ให้ถือเวลาพักรับประทานอาหารเป็น ๑ ชั่วโมง และเวลาพัก รับประทานอาหารว่างเป็นครั้งละ ๑๕ นาที
(ข) กำหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เป็นโปรแกรมในการจัดการอบรมให้แก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรผ่านช่องทางออนไลน์ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมสามารถสื่อสารกับวิทยากรได้แบบ Real Time และแบบ Chat พร้อมกำหนดรูปแบบ Interactive media for intention ในระหว่างการจัดอบรม เพื่อควบคุมให้ผู้สอบบัญชีภาษีอากรที่เข้ารับการอบรมผ่านช่องทางออนไลน์มีปฏิสัมพันธ์กับวิทยากรตลอดระยะเวลาการอบรม โดยห้ามมิให้ใช้การบันทึกสื่อการสอนผ่านช่องทางออนไลน์ไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ ย้อนหลัง
(ค) กำหนด Account Admin ให้กรมสรรพากรเพื่อใช้สาหรับการตรวจสอบการจัดอบรมแบบ Real Time
(ง) ต้องจัดส่งหลักฐานการลงทะเบียนชื่อ - ชื่อสกุล เลขทะเบียนของผู้สอบบัญชีภาษีอากรและหลักฐานการยืนยันตัวตนของผู้เข้ารับการอบรมผ่านช่องทางออนไลน์ซึ่งปรากฏใบหน้าพร้อมบัตรประจาตัวประชาชนของผู้เข้ารับการอบรมพร้อมออกหนังสือรับรองการเข้ารับการอบรมในแต่ละครั้งให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมโดยหนังสือรับรองดังกล่าวจะต้องมีรายการอย่างน้อยตาม (๑) (ข) ต่ออธิบดีผ่านผู้อานวยการกองมาตรฐานการสอบบัญชีภาษีอากรภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่การอบรมผ่านช่องทางออนไลน์สิ้นสุดลง
(จ) จัดให้มีคู่มือการใช้งานระบบสาหรับผู้เข้ารับการอบรม ซึ่งแสดงขั้นตอน วิธีการใช้งานระบบการเรียนการสอนผ่านช่องทางออนไลน์ และวิธีการในการแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากการใช้โปรแกรม หรือจากสัญญาณการสื่อสารขัดข้องในระหว่างการอบรมผ่านช่องทางออนไลน์
ข้อ ๕ องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรใดเลิกกิจการ หรือถูกนายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนนิติบุคคลหรือพ้นจากการเป็นหน่วยงานสวัสดิการภายในส่วนราชการนั้น แล้วแต่กรณี ให้องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานดังกล่าวสิ้นสภาพจากการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากร นับแต่วันที่เลิกกิจการ หรือถูกนายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนนิติบุคคลหรือพ้นจากการเป็นหน่วยงานสวัสดิการภายในส่วนราชการนั้น แล้วแต่กรณี
ข้อ ๖ องค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรใดขาดคุณสมบัติ ฝุฝืน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดในประกาศนี้ อธิบดีอาจพิจารณาสั่งเพิกถอนการเป็นองค์กรวิชาชีพบัญชีหรือหน่วยงานที่อธิบดีให้ความเห็นชอบในการจัดอบรมแก่ผู้สอบบัญชีภาษีอากรก็ได้
ข้อ ๗ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ที่ลงในประกาศนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
อธิบดีกรมสรรพากร
ที่มา: http://www.rd.go.th