พ.ศ. ๒๕๖๔ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นปีที่ ๖ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม ในบางกรณี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล รัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๗) พ.ศ. ๒๕๖๔"
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้
"สถานศึกษา" หมายความว่า สถานศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมาย ว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึง โรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
"เครื่องจักร" หมายความว่า สิ่งที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนหลายชิ้นสำหรับใช้ก่อกำเนิดพลังงาน เปลี่ยนหรือแปลงสภาพพลังงาน หรือส่งพลังงาน ทั้งนี้ ด้วยกำลังน้ำ ไอน้ำ เชื้อเพลิง ลม ก๊าซ ไฟฟ้า หรือพลังงานอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน และหมายความรวมถึงเครื่องอุปกรณ์ ไฟลวีล ปุลเล สายพาน เพลา เกียร์ หรือสิ่งอื่นที่ทำงานสนองกัน แต่ไม่รวมถึงยานพาหนะที่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยานพาหนะนั้น ๆ
มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนเท่ากับรายจ่ายที่ได้บริจาค เป็นทรัพย์สินให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และต้องเป็นทรัพย์สินดังต่อไปนี้
(๑) เครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์ และเครื่องมือ เพื่อระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐
(๒) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรเพื่อระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ การได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศกำหนด
มาตรา ๕ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนเท่ากับรายจ่ายที่ได้บริจาค เป็นทรัพย์สินให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา เพิ่มขึ้นจากการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔
มาตรา ๖ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนเท่ากับรายจ่ายที่ได้บริจาค เป็นทรัพย์สินให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ที่จัดตั้งโดยสถานศึกษา เพิ่มขึ้นจากการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๕ แต่ไม่เกินส่วนต่างระหว่างอัตราส่วนของรายได้และ การยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๕
อัตราส่วนของรายได้ตามวรรคหนึ่งให้ถือเอาอัตราส่วนของรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิตามมาตรา ๖๕ แห่งประมวลรัษฎากร ในรอบระยะเวลาบัญชีที่บริจาคตามลำดับต่อไปนี้
(๑) ร้อยละหกสิบ ของรายได้เฉพาะส่วนของรายได้ที่ไม่เกินห้าสิบล้านบาท (๒) ร้อยละเก้า ของรายได้เฉพาะส่วนของรายได้ที่เกินห้าสิบล้านบาทแต่ไม่เกินสองร้อยล้านบาท (๓) ร้อยละหก ของรายได้เฉพาะส่วนของรายได้ที่เกินสองร้อยล้านบาท มาตรา ๗ การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๖ เมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ แล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่า
(๑) กำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร กำหนดให้มีการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนหนึ่งเท่าหรือสองเท่าของรายจ่ายและไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่าย เพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร ในรอบระยะเวลา บัญชีที่บริจาค หรือ
(๒) หนึ่งร้อยล้านบาท มาตรา ๘ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด ๔ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า อันเนื่องมาจากการบริจาคตามพระราชกฤษฎีกานี้ โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้าซึ่งได้รับยกเว้นภาษีดังกล่าวมาหัก เป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
มาตรา ๙ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้ใช้สิทธิในการยกเว้นภาษีอากร ตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(๑) ไม่นำรายจ่ายที่บริจาคไปหักเป็นรายจ่ายตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร
(๒) ไม่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร ฉบับอื่น หรือสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน กฎหมาย ว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือกฎหมาย ว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่บริจาคไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
มาตรา ๑๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
ที่มา: http://www.rd.go.th