เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๔๑๖) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
________________________ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาเป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๕) (๖) (๗) และ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร
(๒) จ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน และได้ติดตั้ง ณ สถานประกอบกิจการที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
(๓) ต้องสามารถแสดงหลักฐานต่อเจ้าพนักงานประเมินและพิสูจน์ได้ว่าเป็นการจ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
(๔) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔๘ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร โดยยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควร
การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไปคำนวณหักจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อได้หักตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แห่งประมวลรัษฎากร แล้ว
ข้อ ๒ การยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นการจ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งไม่ผ่านการใช้งานมาก่อน และได้ติดตั้ง ณ สถานประกอบกิจการที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
(๒) ไม่เป็นทรัพย์สินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
(๓) ไม่เป็นทรัพย์สินที่นำไปใช้ในกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนหรือกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
(๔) ต้องสามารถแสดงหลักฐานต่อเจ้าพนักงานประเมินและพิสูจน์ได้ว่า เป็นการจ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดดังกล่าว สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
(๕) ต้องเริ่มต้นหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินนั้นตามมาตรา ๖๕ ทวิ (๒) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
(๖) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลต้องใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้มีการจ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดนั้น
ข้อ ๓ กรณีผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีไปแล้ว แต่ปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๘) พ.ศ. ๒๕๖๔ และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับนี้ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ดังกล่าว ไม่มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ และต้องนำเงินได้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ไปแล้วรวมเป็นเงินได้ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือรวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และกรณีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นั้นได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เพิ่มเติมสำหรับปีภาษีหรือรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นั้น ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มตามมาตรา ๒๗ แห่งประมวลรัษฎากร ด้วย
ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
สมศักดิ์ อนันทวัฒน์
(นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์) รองอธิบดี รักษาราชการแทน
อธิบดีกรมสรรพากร
ที่มา: http://www.rd.go.th