พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๕๐) พ.ศ. ๒๕๖๕

ข่าวทั่วไป Monday June 13, 2022 11:08 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๕๐) พ.ศ. ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ

พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕

เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๕๐) พ.ศ. ๒๕๖๕"

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้ "บริษัทเป้าหมาย" หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่งประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุน

"บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล" หมายความว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ

"กิจการที่รัฐต้องการสนับสนุน" หมายความว่า กิจการที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายตามที่คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสาหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายประกาศกำหนด ซึ่งพัฒนาหรือประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเป็นส่วนสาคัญใน การดาเนินกิจการ โดยได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

"ทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน" หมายความว่า ทรัสต์ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อประกอบกิจการ เงินร่วมลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน

มาตรา ๔ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ และส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สาหรับรายได้จาก การโอนหุ้นของบริษัทเป้าหมาย ทั้งนี้ เฉพาะการโอนหุ้นที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน และถือครอง มาแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่เดือนก่อนวันที่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีรายได้ จากการโอนหุ้น โดยบริษัทเป้าหมายต้องประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มและก่อให้เกิดรายได้ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของรายได้ทั้งหมดในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีเป็นจานวนสองรอบระยะเวลาบัญชีติดต่อกันก่อนวันที่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีรายได้จากการโอนหุ้น

มาตรา ๕ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ และส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สาหรับรายได้ ดังต่อไปนี้

(๑) รายได้จากการโอนหุ้นของบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนที่ได้ลงทุนในบริษัทเป้าหมาย ทั้งนี้ เฉพาะการโอนหุ้นที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน และถือครองมาแล้วไม่น้อยกว่า ยี่สิบสี่เดือนก่อนวันที่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีรายได้จากการโอนหุ้น ดังต่อไปนี้

(ก) กรณีบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนไม่มีกาไรสะสม ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามสัดส่วนการลงทุนของบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนที่ได้ลงทุนในบริษัทเป้าหมาย โดยบริษัทเป้าหมายต้องประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มและก่อให้เกิดรายได้ในบริษัทเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของรายได้ทั้งหมดในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีเป็นจานวนสองรอบระยะเวลาบัญชีติดต่อกันก่อนวันที่มีรายได้จากการโอนหุ้นของบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุน ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนของบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

(ข) กรณีบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนมีกาไรสะสมจากรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ ไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของกาไรสะสมทั้งหมดในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีเป็นจานวนสองรอบระยะเวลาบัญชีติดต่อกันก่อนวันที่มีรายได้จากการโอนหุ้นของบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนนั้น ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ทั้งจานวน

กาไรสะสมตาม (ก) และ (ข) ไม่รวมถึงกาไรสะสมในส่วนที่ได้จัดสรรเป็นทุนสารองตามที่มีกฎหมายกำหนด

(๒) รายได้จากการที่บริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนเลิกกัน ตามสัดส่วนกาไรสะสมจากรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน โดยบริษัทเป้าหมายต้องประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มและก่อให้เกิดรายได้ในบริษัทเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของรายได้ทั้งหมดในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีเป็นจานวนสองรอบระยะเวลาบัญชีติดต่อกันก่อนบริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนเลิกกัน

มาตรา ๖ บริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนตามมาตรา ๕ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

(๑) เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย (๒) มีทุนชาระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ยี่สิบล้านบาทขึ้นไป

(๓) จดแจ้งการเป็นกิจการเงินร่วมลงทุนต่อสานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด

(๔) ไม่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๕ อัฏฐารส แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตาม ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๘๑) พ.ศ. ๒๕๕๒ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๗) พ.ศ. ๒๕๕๙ หรือพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๓๖) พ.ศ. ๒๕๖๐

ในกรณีที่บริษัทซึ่งประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนขาดคุณสมบัติตามวรรคหนึ่งข้อหนึ่งข้อใด ในรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิเป็นอันระงับเฉพาะในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น

มาตรา ๗ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๒ และส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สาหรับรายได้ ดังต่อไปนี้

(๑) รายได้จากการโอนหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนที่ได้ลงทุนในบริษัทเป้าหมาย ทั้งนี้ เฉพาะการโอนหน่วยทรัสต์ที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน และถือครองมาแล้ว ไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่เดือนก่อนวันที่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีรายได้จากการโอนหน่วยทรัสต์ ดังต่อไปนี้

(ก) กรณีทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไม่มีกาไรสะสม ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ตามสัดส่วนการลงทุนของทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนที่ได้ลงทุนในบริษัทเป้าหมาย โดยบริษัทเป้าหมายต้องประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องซึ่งสร้างมูลค่าเพิ่มและก่อให้เกิดรายได้ในบริษัทเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของรายได้ทั้งหมดในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีเป็นจานวนสองรอบระยะเวลาบัญชีติดต่อกันก่อนวันที่มีรายได้จากการโอนหน่วยทรัสต์ ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนของทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

(ข) กรณีทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนมีกาไรสะสมจากรายได้จากการลงทุนในบริษัทเป้าหมายในส่วนที่คานวณได้จากกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุนไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของกาไรสะสมทั้งหมดในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีเป็นจานวนสองรอบระยะเวลาบัญชีติดต่อกันก่อนวันที่มีรายได้ จากการโอนหน่วยทรัสต์นั้น ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ทั้งจานวน

(๒) รายได้จากการที่ทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนเลิกกัน ตามสัดส่วนกาไรสะสมที่ได้จาก การลงทุนในบริษัทเป้าหมายเฉพาะส่วนที่ประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้ เกินกว่าเงินทุน โดยบริษัทเป้าหมายต้องประกอบกิจการที่รัฐต้องการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องซึ่งสร้าง มูลค่าเพิ่มและก่อให้เกิดรายได้ในบริษัทเป้าหมายไม่น้อยกว่าร้อยละแปดสิบของรายได้ทั้งหมดในแต่ละ รอบระยะเวลาบัญชีเป็นจานวนสองรอบระยะเวลาบัญชีติดต่อกันก่อนทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนเลิกกัน

มาตรา ๘ การได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๗ ทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

(๑) จดแจ้งการเป็นทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนต่อสานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด

(๒) มีมูลค่าเงินทุนที่ชาระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ยี่สิบล้านบาทขึ้นไป

(๓) ไม่ใช้สิทธิตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๗) พ.ศ. ๒๕๕๙ หรือพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๓๖) พ.ศ. ๒๕๖๐

ในกรณีที่ทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนขาดคุณสมบัติตามวรรคหนึ่งข้อหนึ่งข้อใดในปีภาษีใดหรือรอบระยะเวลาบัญชีใด ให้สิทธิเป็นอันระงับเฉพาะในปีภาษีนั้นหรือรอบระยะเวลาบัญชีนั้น

มาตรา ๙ การได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ได้รับยกเว้นตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๗๕

มาตรา ๑๐ บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษี เงินได้ตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องไม่นาเงินได้ที่ได้ใช้สิทธิยกเว้น ภาษีเงินได้ดังกล่าวไปยกเว้นภาษีเงินได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๗) พ.ศ. ๒๕๕๙ หรือพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๓๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ อีก

มาตรา ๑๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี

ที่มา: http://www.rd.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ