สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑ และข้อ ๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๘๖ (พ.ศ. ๒๕๖๕) อกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดีกรมสรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ การใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ สำหรับการซื้อสินค้าหรือรับริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๔๐,๐๐ บาท ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีตามาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร หรือใบรับซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามาตรา ๑๐๕ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อและนามสกุลของผู้มีเงินได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้
(๑) การใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๓๐,๐๐ บาท ต้องได้รับใบกำกับภาษีหรือใบรับที่ได้จัดทำในรูปแบกระดาษหรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามาตรา ๓ โสฬส แห่งประมวลรัษฎากรก็ได้
(๒) การใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงในส่วนที่เกิน ๓๐,๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๑๐,๐๐ บาท ต้องได้รับใบกำกับภาษีหรือใบรับที่ได้จัดทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามาตรา ๓ โสฬส แห่งประมวลรัษฎากร เท่านั้น
ใบกำกับภาษีหรือใบรับตามวรคหนึ่งที่ได้จัดทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องจัดทำโดยผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้มีหน้าที่อกใบรับที่อธิบดีกรมสรพากรประกาศรายชื่อ ตามข้อ ๑๒ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๘๔ (พ.ศ. ๒๕๖๕) อกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วย การดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ ๒ การยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ ๑ ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคลธรมดา ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคลธรมดา ต้องมิใช่ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคลที่มิใช่นิติบุคล โดยให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๔๐,๐๐ บาท
(๒) กรณีสามีหรือภริยามีเงินได้ฝ่ายเดียว ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่สามีหรือภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๔๐,๐๐ บาท
(๓) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้
(ก) ถ้าต่างฝ่ายต่างยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับ หรือแยกยื่นรายการ และเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามาตรา ๔๐ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร โดยไม่ถือเป็นเงินได้ของอีกฝ่ายหนึ่งตามาตรา ๕๗ ฉ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๔๐,๐๐ บาท
(ข) ถ้าสามีภริยาตกลงยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน โดยถือเอาเงินได้พึงประเมินของตนเป็นเงินได้ของสามีหรือภริยาอีกฝ่ายหนึ่งตามาตรา ๕๗ ฉ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ผู้มีเงินได้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท และให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ส่วนของสามีหรือภริยาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๔๐,๐๐ บาท
ข้อ ๓ ผู้มีเงินได้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ ต้องซื้อสินค้าหรือรับริการเพื่อใช้ในราชอาณาจักร และชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๖ และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีการจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ นอกจากรณีตาม (๒) และ (๓) ต้องเป็นการจ่ายให้แก่ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกำกับภาษีตามาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร โดยเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ ต้องเป็นการซื้อสินค้าหรือรับบริการเฉพาะที่ต้องรวมคำนวณเป็นมูลค่าฐานภาษี ในอัตราร้อยละ ๗.๐ เท่านั้น
(๒) กรณีการจ่ายค่าซื้อหนังสือหรือค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบอินเทอร์เน็ต แต่ไม่รวมถึงหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ให้แก่ผู้ขายหรือผู้ให้บริการ แล้วแต่กรณี ต้องได้รับใบกำกับภาษีตามาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร ในกรณีที่ผู้ขายหรือผู้ให้บริการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือได้รับใบรับซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามาตรา ๑๐๕ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อและนามสกุลของผู้มีเงินได้ ในกรณีที่ผู้ขายหรือผู้ให้บริการไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(๓) กรณีการจ่ายค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ สินค้าดังกล่าวต้องเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว และได้รับใบกำกับภาษีตามาตรา ๘๖/๔ แห่งประมวลรัษฎากร จากผู้ขายในกรณีที่ผู้ขายเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือได้รับใบรับซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามาตรา ๑๐๕ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร พร้อมระบุชื่อและนามสกุลของผู้มีเงินได้กรณีที่ผู้ขายไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยในการจัดทำรายการชื่อ ชนิด และประเภทของสินค้าในใบกำกับภาษีตามาตรา ๘๖/๔ (๕) แห่งประมวลรัษฎากร หรือในใบรับนั้น ผู้ขายจะต้องปฏิบัติ ดังนี้
(ก) ต้องระบุข้อความที่แสดงว่าสินค้านั้น เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในแต่ละรายการสินค้า หรือจัดทำเครื่องหมายแสดงในแต่ละรายการสินค้าที่เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และมีข้อความที่แสดงว่าเครื่องหมายนั้น หมายถึงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ไว้ในใบกำกับภาษีหรือใบรับ เช่น "OTOP" "โอทอป" หรือ "One Tambon One Product" เป็นต้น
(ข) กรณีที่สินค้าทุกรายการในใบกำกับภาษีหรือใบรับนั้นเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมด จะไม่ระบุข้อความหรือเครื่องหมายที่แสดงว่า สินค้าแต่ละรายการเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ตาม (ก) ก็ได้ โดยให้ผู้ขายสินค้าซึ่งเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีหรือใบรับประทับตรายางที่มีชื่อการค้า หรือเครื่องหมายการค้าของผู้ขายสินค้านั้น และให้ระบุข้อความว่า "สินค้าทุกรายการเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์" หรือข้อความอื่นในลักษณะทำนองเดียวกันในใบกำกับภาษีหรือใบรับฉบับนั้นด้วย
ข้อ ๔ กรณีที่ผู้มีเงินได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้นำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีไปหักจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา ๘๒/๓ แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ผู้มีเงินได้ไม่มีสิทธินำค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามใบกำกับภาษีนั้นมาใช้สิทธิยกเว้น ภาษีเงินได้ตามประกาศนี้
ข้อ ๕ การได้รับยกเว้นภาษีเงินตามประกาศนี้ ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธินำเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไปคำนวณหักจากเงินได้พึงประเมินตามาตรา ๔๐ แห่งประมวลรัษฎากร หลังจากหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา ๔๒ ทวิ ถึงมาตรา ๔๖ แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรพากร
ที่มา: http://www.rd.go.th