สำหรับเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๓) พ.ศ. ๒๕๖๖ อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟาประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้ "เงินอุดหนุน" หมายความว่า เงินอุดหนุนจากภาครัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟาประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
ข้อ ๒ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับเงินอุดหนุนและได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๗๓) พ.ศ. ๒๕๖๖ และต่อมาไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด เป็นเหตุให้กรมสรรพสามิตต้องเรียกคืนเงินอุดหนุนดังกล่าวจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งได้รับเงินอุดหนุนนั้น ให้สิทธิที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าวสิ้นสุดลง และต้องนำเงินได้ที่เป็นเงินอุดหนุนตามจำนวนที่กรมสรรพสามิตเรียกคืน ไปรวมเป็นรายได้ ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้น
ข้อ ๓ เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งถูกกรมสรรพสามิตเรียกคืนเงินอุดหนุน และได้นำเงินได้ที่เป็นเงินอุดหนุนที่ถูกเรียกคืนดังกล่าวไปรวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธินั้นตามข้อ ๒ แล้ว ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวสามารถนำเงินอุดหนุนตามจำนวนที่ได้คืนไปนั้นมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถูกเรียกคืนเงินอุดหนุนนั้นได้
ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๖
ลวรณ แสงสนิท
(นายลวรณ แสงสนิท)
อธิบดีกรมสรรพากร
ที่มา: http://www.rd.go.th