____________ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ (๑) และ (๖) และมาตรา ๘ วรรคสองและวรรคสามแห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ อธิบดีกรมสรรพากร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับการจ้างแรงงานและการลงทุนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการ ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ผู้มีเงินได้ที่เป็นแรงงานฝีมือหรือผู้เชี่ยวชาญที่จะได้รับสิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา ๔ และมาตรา ๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรา และยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีเป็นแรงงานฝีมือ
(ก) ต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) หรือเทียบเท่าขึ้นไป
(ข) ต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติระดับ ๒ ในแต่ละสาขา ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และ
(ค) ต้องมีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวข้องหรือเป็นประโยชน์แก่การทำงานในตำแหน่งที่ถูกว่าจ้างไม่น้อยกว่า ๕ ปี โดยต้องมีหนังสือรับรองการทำงานจากนายจ้างรายหนึ่งรายใด หรือหลายราย ที่แสดงถึงระยะเวลาการทำงานรวมกันตามประสบการณ์การทำงานดังกล่าว
(๒) กรณีเป็นผู้เชี่ยวชาญ
(ก) ต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าขึ้นไป (ข) ต้องมีประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องหรือเป็นประโยชน์แก่การทำงานในตำแหน่ง ที่ถูกว่าจ้างไม่น้อยกว่า ๘ ปี โดยต้องมีหนังสือรับรองการทำงานจากนายจ้างรายหนึ่งรายใด หรือหลายราย ที่แสดงถึงระยะเวลาการทำงานรวมกันตามประสบการณ์การทำงานดังกล่าว
ข้อ ๒ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นนายจ้างของผู้มีเงินได้ตามข้อ ๑ แจ้งชื่อผู้มีเงินได้ที่เป็นลูกจ้างซึ่งจะใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้ต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบกิจการ ตั้งอยู่ ซึ่งมีข้อความอย่างน้อยตามแบบที่แนบท้ายประกาศนี้ ก่อนที่จะมีการจ่ายเงินได้ให้แก่ลูกจ้างครั้งแรกและให้เก็บรักษาเอกสารหลักฐานประกอบนั้นไว้ ณ สถานประกอบกิจการ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
ข้อ ๓ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายจริงสำหรับเงินลงทุนในหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามมาตรา ๘ แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๔) พ.ศ. ๒๕๖๗ นั้น ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องไม่มีสถานประกอบกิจการแห่งใดตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเป็นเวลา ไม่น้อยกว่า ๑ ปี ก่อนการลงทุนนั้น
(๒) ต้องไม่ขายหรือโอนหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เว้นแต่กรณีที่มีเหตุอันสมควรซึ่งเป็นกรณีที่ได้ขายหรือโอนหุ้นหรือความเป็นหุ้นส่วนนั้น เนื่องจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีสถานประกอบกิจการ ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจมีความประสงค์ที่จะเพิ่มทุน จึงจำต้องขายหรือโอนหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่มีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจนั้นบางส่วน ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นที่ไม่มีสถานประกอบกิจการอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ เพื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอื่นจะเข้าซื้อหุ้นหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจในส่วนที่มีการเพิ่มทุนดังกล่าวได้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗
กุลยา ตันติเตมิท (นางสาวกุลยา ตันติเตมิท) อธิบดีกรมสรรพากร