พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 500) พ.ศ. 2553

ข่าวการเมือง Monday August 9, 2010 11:11 —ข้อบังคับและประกาศภาษีสรรพากร

พระราชกฤษฎีกา

ออกตามความในประมวลรัษฎากร

ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐๐)

พ.ศ. ๒๕๕๓

------------------------------

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

เป็นปีที่ ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ยืมและผู้ให้ยืมหลักทรัพย์บางกรณี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓(๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๐๐) พ.ศ. ๒๕๕๓”

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” ในมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓๑) พ.ศ. ๒๕๔๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

““ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” หมายความว่า ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืมหลักทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคล ดังต่อไปนี้

(๑) ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

(๒) ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

(๓) ธนาคารแห่งประเทศไทย

(๔) ผู้ซึ่งมอบหมายให้บุคคลตาม (๑) หรือ (๒) เป็นตัวแทนหรือนายหน้าในการทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์

(๕) ผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับบุคคลตาม (๑) (๒) หรือ (๓)”

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยมีการยืมตราสารหนี้ภาครัฐจากเอกชน เพื่อนำมาใช้เป็นหลักประกันในการดำเนินนโยบายการเงิน และเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มสภาพคล่องหลักทรัพย์ในตลาดรองตราสารหนี้รวมทั้งส่งเสริมการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ในภาคเอกชนให้แพร่หลายมากขึ้นสมควรลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับเงินได้จากการทำธุรกรรมอันเนื่องมาจากการยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ โดยกำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ซึ่งทำสัญญายืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์กับธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ในความหมายของบทนิยามคำว่า “ผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม” ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๓๑) พ.ศ. ๒๕๔๑ อันจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถบริหารนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

(ร.จ. ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๗ ตอนที่ ๔๗ ก วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ