๔.๒ ส่งเสริมให้เกิดมิตรภาพและความร่วมมือ กับประเทศเพื่อนบ้าน และในระดับอนุภูมิภาค ภูมิภาค และระหว่างภูมิภาค เพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
๔.๓ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งจัดตั้งประชาคมอาเซียน
๔.๔ ดำเนินบทบาทสร้างสรรค์ในกรอบสหประชาชาติและกรอบพหุภาคีอื่น ๆ เพื่อส่งเสริม สันติภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน มนุษยธรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การพัฒนาอย่างยั่งยืน การแก้ไข ปัญหาข้ามชาติ และการสาธารณสุข
๔.๕ คุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของ คนไทยในต่างประเทศ และเสริมสร้างบทบาทของชุมชน ไทยในต่างประเทศ
๕. นโยบายการรักษาความมั่นคงของรัฐ
สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ในยุคโลกาภิวัตน์ ทำให้การรักษาความมั่นคงของรัฐเป็น เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปัญหา วิกฤติการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น สามารถแพร่กระจาย ความรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว จนอาจส่งผลกระทบต่อ ความมั่นคงของรัฐและความสงบสุขของประชาชนโดยรวม รัฐบาลจึงมีนโยบาย ดังนี้
๕.๑ ส่งเสริมการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม และภาควิชาการ เพื่อการ ป้องกันประเทศอย่างต่อเนื่องในยามปกติ และนำไปสู่การ ระดมสรรพกำลังเพื่อยกระดับขีดความสามารถของกองทัพ ให้เพียงพอและทันเวลาในยามไม่ปกติ ทั้งนี้ ในยามปกติ รัฐบาลจะเสริมสร้างและใช้ศักยภาพของกองทัพสนับสนุนการพัฒนาพลังอำนาจของชาติทุกด้าน เพื่อให้ประเทศ มีความมั่นคงและมั่งคั่งภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มีความสมานฉันท์ สามารถป้องกัน บรรเทา และ แก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ ได้แก่ ปัญหาการก่อความ ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยน้อมนำแนวทาง พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และปัญหาภัยคุกคาม ในรูปแบบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ผู้ประสบภัยพิบัติ การก่อการร้าย รวมทั้งอาชญากรรมภายในประเทศและ ที่มีลักษณะข้ามชาติประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมือง แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย การค้า สิ่งของผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ และการกระทำอันเป็น โจรสลัด
๕.๒ พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของ กองทัพ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคง มีขีดความสามารถในการ ป้องกัน ป้องปราม และรักษาผลประโยชน์ของชาติ สามารถ ยุติความขัดแย้งได้รวดเร็ว มีระบบการข่าวที่มีประสิทธิภาพ มีขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหาร
รวมทั้งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพื่อการพึ่งตนเอง ทางทหาร และนำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถเพื่อ ความต่อเนื่องในการรบ มีระบบกำลังสำรอง ระบบการ ระดมสรรพกำลัง และระบบส่งกำลังบำรุงที่เหมาะสมกับ สถานการณ์ภัยคุกคาม นอกจากนี้ จะสนับสนุนการสร้าง ความร่วมมือด้านต่างประเทศและด้านความมั่นคงกับ ประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศในกลุ่มอาเซียน และมิตรประเทศ เพื่อลดความหวาดระแวง สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจสร้างสันติภาพและความสงบสุข รวมทั้งสนับสนุนภารกิจ เพื่อสันติภาพและปฏิบัติการเพื่อมนุษยธรรมภายใต้กรอบ ของสหประชาชาติและผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ท่านประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติที่เคารพการกำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ของคณะรัฐมนตรีตามที่ได้กล่าวมานี้ กระผมขอให้ ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินอย่าง เต็มกำลังความสามารถ ให้ลุล่วงภายในเวลาอันจำกัดโดยยึดมั่นและรักษาคำสัตย์ปฏิญาณที่ได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่เข้ารับหน้าที่ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และด้วยความตั้งใจ อย่างแน่วแน่แท้จริง
ขอบคุณครับ
--สำนักโฆษก--
๔.๓ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งจัดตั้งประชาคมอาเซียน
๔.๔ ดำเนินบทบาทสร้างสรรค์ในกรอบสหประชาชาติและกรอบพหุภาคีอื่น ๆ เพื่อส่งเสริม สันติภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน มนุษยธรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การพัฒนาอย่างยั่งยืน การแก้ไข ปัญหาข้ามชาติ และการสาธารณสุข
๔.๕ คุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของ คนไทยในต่างประเทศ และเสริมสร้างบทบาทของชุมชน ไทยในต่างประเทศ
๕. นโยบายการรักษาความมั่นคงของรัฐ
สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ในยุคโลกาภิวัตน์ ทำให้การรักษาความมั่นคงของรัฐเป็น เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากปัญหา วิกฤติการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น สามารถแพร่กระจาย ความรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว จนอาจส่งผลกระทบต่อ ความมั่นคงของรัฐและความสงบสุขของประชาชนโดยรวม รัฐบาลจึงมีนโยบาย ดังนี้
๕.๑ ส่งเสริมการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม และภาควิชาการ เพื่อการ ป้องกันประเทศอย่างต่อเนื่องในยามปกติ และนำไปสู่การ ระดมสรรพกำลังเพื่อยกระดับขีดความสามารถของกองทัพ ให้เพียงพอและทันเวลาในยามไม่ปกติ ทั้งนี้ ในยามปกติ รัฐบาลจะเสริมสร้างและใช้ศักยภาพของกองทัพสนับสนุนการพัฒนาพลังอำนาจของชาติทุกด้าน เพื่อให้ประเทศ มีความมั่นคงและมั่งคั่งภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มีความสมานฉันท์ สามารถป้องกัน บรรเทา และ แก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ ได้แก่ ปัญหาการก่อความ ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยน้อมนำแนวทาง พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และปัญหาภัยคุกคาม ในรูปแบบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ผู้ประสบภัยพิบัติ การก่อการร้าย รวมทั้งอาชญากรรมภายในประเทศและ ที่มีลักษณะข้ามชาติประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมือง แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย การค้า สิ่งของผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ และการกระทำอันเป็น โจรสลัด
๕.๒ พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของ กองทัพ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคง มีขีดความสามารถในการ ป้องกัน ป้องปราม และรักษาผลประโยชน์ของชาติ สามารถ ยุติความขัดแย้งได้รวดเร็ว มีระบบการข่าวที่มีประสิทธิภาพ มีขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหาร
รวมทั้งอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เพื่อการพึ่งตนเอง ทางทหาร และนำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถเพื่อ ความต่อเนื่องในการรบ มีระบบกำลังสำรอง ระบบการ ระดมสรรพกำลัง และระบบส่งกำลังบำรุงที่เหมาะสมกับ สถานการณ์ภัยคุกคาม นอกจากนี้ จะสนับสนุนการสร้าง ความร่วมมือด้านต่างประเทศและด้านความมั่นคงกับ ประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศในกลุ่มอาเซียน และมิตรประเทศ เพื่อลดความหวาดระแวง สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจสร้างสันติภาพและความสงบสุข รวมทั้งสนับสนุนภารกิจ เพื่อสันติภาพและปฏิบัติการเพื่อมนุษยธรรมภายใต้กรอบ ของสหประชาชาติและผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ท่านประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติที่เคารพการกำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ของคณะรัฐมนตรีตามที่ได้กล่าวมานี้ กระผมขอให้ ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินอย่าง เต็มกำลังความสามารถ ให้ลุล่วงภายในเวลาอันจำกัดโดยยึดมั่นและรักษาคำสัตย์ปฏิญาณที่ได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่เข้ารับหน้าที่ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และด้วยความตั้งใจ อย่างแน่วแน่แท้จริง
ขอบคุณครับ
--สำนักโฆษก--