วันนี้ 27 พ.ค. 50 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความวิตกกังวลในเรื่องการแพร่ระบาดของอาวุธสงครามเป็นอย่างมาก จากกรณีที่มีเหตุเกิดขึ้นในตลาดไท โดยจะเห็นได้ว่าบุคคลธรรมดาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธสงคราม ก็สามารถครอบครองอาวุธสงครามได้ การที่บุคคลธรรมดาสามารถครอบครองอาวุธสงครามไว้กับตัวได้นั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่น ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ดังนั้นการที่อาวุธสงครามไปอยู่ในบุคคลธรรมดาทั่วไปได้นั้น นายองอาจตั้งข้อสังเกตต้องมีการลักลอบนำอาวุธ ซึ่งใช้โดยทหาร หรือตำรวจก็ตามในการทำสงครามก็ดี ในการใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการก็ดี ถูกลักลอบนำออกมาจำหน่ายอย่างกว้างขวางโดยทั่วไปแล้ว เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานในลักษณะนี้ ก็คงไม่สามารถครอบครองอาวุธเหล่านี้ได้
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล รวมทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ช่วยหาทางป้องกันไม่ให้อาวุธสงคราม เล็ดลอด หรือถูกนำออกมาใช้โดยบุคคลธรรมดาที่ไม่เกี่ยวข้องได้ และที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากสถานการณ์ทางการเมืองมีข่าวคราวของการรวมตัวการชุมนุม และมีความวิตกกังวลถึงการรวมตัวของประชาชน หรือการชุมนุม อาจนำไปสู่ความรุนแรง และอาวุธสงครามก็ถือว่ามีส่วนสำคัญที่อาจมาเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นนายองอาจจึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือรัฐบาล จะต้องเอาใจใส่อย่างจริงจัง โดยจะต้องหาทางป้องกันไม่ใช่ปล่อยให้อาวุธสงคราม เพ่นพ่านเล็ดลอดอยู่ทั่วไปได้ในสังคม ซึ่งอาจมีคนนำไปใช้ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ความรุนแรงเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับคดียุบพรรคการเมืองนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายองอาจ กล่าวขอบคุณต่อสมาชิกพรรค และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่แสดงความห่วงใย และให้กำลังใจต่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยการโทรศัพท์ ส่งจดหมาย อีเมลล์ เข้ามายังพรรคฯ เป็นจำนวนมาก พรรคประชาธิปัตย์ได้ตระหนักถึงความห่วงใยของพี่น้องประชาชน และขอยืนยันกับประชาชนทั่วประเทศว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมที่จะน้อมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น
นับตั้งแต่มีการพิจารณาของตุลาการรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับคดียุบพรรค จนกระทั่งถึงปัจจุบัน และแม้แต่หลังจากวันที่ 30 ก็ตาม จะเห็นได้ว่าประชาธิปัตย์มีจุดยืน ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ก็คือจุดยืนและท่าทีต่อการน้อมรับการพิจารณาของตุลาการรัฐธรรมนูญ พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ภาระหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์มีอย่างเดียวคือนำความจริง เสนอต่อตุลาการฯ ทั้งหมดตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาของการพิจารณาคดีนี้ ขณะเดียวกันก็วิงวอนให้สมาชิกพรรคมาร่วมรับฟังคำตัดสินผ่านทางโทรทัศน์ ณ ที่ทำการพรรค ดีกว่าที่จะเดินทางไปฟังคำตัดสินที่ศาล
อย่างไรก็ตาม โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ในวันชี้ขาดคดียุบพรรค 30 พฤษภาคมนี้ หัวหน้าพรรคจะนำกรรมการบริหารพรรคเดินทางไปสักการะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ในเวลา 08.30 น. เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่จะไปฟังคำตัดสิน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 พ.ค. 2550--จบ--
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล รวมทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ช่วยหาทางป้องกันไม่ให้อาวุธสงคราม เล็ดลอด หรือถูกนำออกมาใช้โดยบุคคลธรรมดาที่ไม่เกี่ยวข้องได้ และที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากสถานการณ์ทางการเมืองมีข่าวคราวของการรวมตัวการชุมนุม และมีความวิตกกังวลถึงการรวมตัวของประชาชน หรือการชุมนุม อาจนำไปสู่ความรุนแรง และอาวุธสงครามก็ถือว่ามีส่วนสำคัญที่อาจมาเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ได้ เพราะฉะนั้นนายองอาจจึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือรัฐบาล จะต้องเอาใจใส่อย่างจริงจัง โดยจะต้องหาทางป้องกันไม่ใช่ปล่อยให้อาวุธสงคราม เพ่นพ่านเล็ดลอดอยู่ทั่วไปได้ในสังคม ซึ่งอาจมีคนนำไปใช้ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ความรุนแรงเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับคดียุบพรรคการเมืองนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายองอาจ กล่าวขอบคุณต่อสมาชิกพรรค และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่แสดงความห่วงใย และให้กำลังใจต่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยการโทรศัพท์ ส่งจดหมาย อีเมลล์ เข้ามายังพรรคฯ เป็นจำนวนมาก พรรคประชาธิปัตย์ได้ตระหนักถึงความห่วงใยของพี่น้องประชาชน และขอยืนยันกับประชาชนทั่วประเทศว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมที่จะน้อมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น
นับตั้งแต่มีการพิจารณาของตุลาการรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับคดียุบพรรค จนกระทั่งถึงปัจจุบัน และแม้แต่หลังจากวันที่ 30 ก็ตาม จะเห็นได้ว่าประชาธิปัตย์มีจุดยืน ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ก็คือจุดยืนและท่าทีต่อการน้อมรับการพิจารณาของตุลาการรัฐธรรมนูญ พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ภาระหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์มีอย่างเดียวคือนำความจริง เสนอต่อตุลาการฯ ทั้งหมดตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาของการพิจารณาคดีนี้ ขณะเดียวกันก็วิงวอนให้สมาชิกพรรคมาร่วมรับฟังคำตัดสินผ่านทางโทรทัศน์ ณ ที่ทำการพรรค ดีกว่าที่จะเดินทางไปฟังคำตัดสินที่ศาล
อย่างไรก็ตาม โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ในวันชี้ขาดคดียุบพรรค 30 พฤษภาคมนี้ หัวหน้าพรรคจะนำกรรมการบริหารพรรคเดินทางไปสักการะพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ในเวลา 08.30 น. เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่จะไปฟังคำตัดสิน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 พ.ค. 2550--จบ--