วันนี้ (3 กรกฎาคม 2550) คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการผลิตในประเทศตามที่กระทรวงการคลังเสนอ จำนวน 157 ประเภทย่อย ซึ่งประกอบด้วย (1) การปรับลดอัตราอากรขาเข้าปัจจัยการผลิต (2) การปรับเพิ่มกระจกสะท้อนแสง และกระจกฉนวนความร้อน (3) การปรับเพิ่มอัตราอากรขาเข้ากระจกโฟลต ซึ่งเป็นผลเนื่องจากการยกเลิกการกำหนดอัตราอากรตามสภาพ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบในวันนี้ กระทรวงการคลังได้หารือ และได้ข้อสรุปร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) กระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) สถาบันยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. การปรับลดอัตราอากรขาเข้าปัจจัยการผลิต จำนวน 153 ประเภทย่อย ประกอบด้วย
(1) ปรับลดอัตราอากรขาเข้าปัจจัยการผลิตที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ จากอัตราร้อยละ 1 — 30 เป็น ยกเว้นอากร จำนวน 126 ประเภทย่อย เช่น ข้าวสาลีดูรัม ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นเคลือบ ถุงพลาสติกปลอดเชื้อ แผ่นแก้วที่เสริมด้วยลวด เครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแรงปฏิกิริยา เครื่องสูบของเหลว เครื่องจักรสำหรับใช้ในงานโลหะที่ใช้ไฟฟ้าและวาล์วลดความดัน เป็นต้น
(2) ปรับลดอัตราอากรขาเข้าลงสู่อัตราอากรตามโครงสร้างการผลิตที่กระทรวงการคลังกำหนด คือ ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 จำนวน 26 ประเภทย่อย เช่น ถั่วลันเตา ถั่วแขก หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดฮอดแคโทด แม่แรงชนิดติดตั้งถาวรในอู่ซ่อมรถ และหม้อดูดซับน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
(3) ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราอากรขาเข้าเหล็กแผ่นชนิดทีเอ็มบีพี ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระป๋องบรรจุอาหาร ตามประเภทย่อย 7208.18.10 ในอัตราร้อยละ 1 ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ออกไปอีกจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551
2. การปรับเพิ่มอัตราอากรขาเข้ากระจกสะท้อนแสง และกระจกฉนวนความร้อนจาก ยกเว้นอากร เป็น ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ตามลำดับ
3. การปรับเพิ่มอัตราอากรขาเข้ากระจกโฟลตเฉพาะที่มีความหนาไม่เกิน 5 มิลลิเมตร จากร้อยละ 5 เป็น ร้อยละ 20 เป็นการชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการกำหนดอัตราอากรตามสภาพที่กิโลกรัมละ 2 บาท เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550
การดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังข้างต้น จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีศุลกากรไปประมาณปีละ 700 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมในประเทศ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ นอกจากนี้ การปรับเพิ่มอัตราอากรขาเข้าตามราคาสำหรับกระจกโฟลตเป็นการชั่วคราวก่อนที่จะมีการแก้ไขพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อนำเอาอัตราอากรตามสภาพกลับมาใช้ จะช่วยบรรเทาผลกระทบ และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมกระจกโฟลตในประเทศให้สามารถแข่งขันได้กับกระจกนำเข้าราคาถูกจากจีน
สำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3522
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 55/2550 3 กรกฎาคม 50--
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากร ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบในวันนี้ กระทรวงการคลังได้หารือ และได้ข้อสรุปร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) กระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) สถาบันยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. การปรับลดอัตราอากรขาเข้าปัจจัยการผลิต จำนวน 153 ประเภทย่อย ประกอบด้วย
(1) ปรับลดอัตราอากรขาเข้าปัจจัยการผลิตที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ จากอัตราร้อยละ 1 — 30 เป็น ยกเว้นอากร จำนวน 126 ประเภทย่อย เช่น ข้าวสาลีดูรัม ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นเคลือบ ถุงพลาสติกปลอดเชื้อ แผ่นแก้วที่เสริมด้วยลวด เครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแรงปฏิกิริยา เครื่องสูบของเหลว เครื่องจักรสำหรับใช้ในงานโลหะที่ใช้ไฟฟ้าและวาล์วลดความดัน เป็นต้น
(2) ปรับลดอัตราอากรขาเข้าลงสู่อัตราอากรตามโครงสร้างการผลิตที่กระทรวงการคลังกำหนด คือ ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 จำนวน 26 ประเภทย่อย เช่น ถั่วลันเตา ถั่วแขก หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดฮอดแคโทด แม่แรงชนิดติดตั้งถาวรในอู่ซ่อมรถ และหม้อดูดซับน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
(3) ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราอากรขาเข้าเหล็กแผ่นชนิดทีเอ็มบีพี ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระป๋องบรรจุอาหาร ตามประเภทย่อย 7208.18.10 ในอัตราร้อยละ 1 ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ออกไปอีกจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551
2. การปรับเพิ่มอัตราอากรขาเข้ากระจกสะท้อนแสง และกระจกฉนวนความร้อนจาก ยกเว้นอากร เป็น ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ตามลำดับ
3. การปรับเพิ่มอัตราอากรขาเข้ากระจกโฟลตเฉพาะที่มีความหนาไม่เกิน 5 มิลลิเมตร จากร้อยละ 5 เป็น ร้อยละ 20 เป็นการชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการกำหนดอัตราอากรตามสภาพที่กิโลกรัมละ 2 บาท เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550
การดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังข้างต้น จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีศุลกากรไปประมาณปีละ 700 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมในประเทศ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ นอกจากนี้ การปรับเพิ่มอัตราอากรขาเข้าตามราคาสำหรับกระจกโฟลตเป็นการชั่วคราวก่อนที่จะมีการแก้ไขพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อนำเอาอัตราอากรตามสภาพกลับมาใช้ จะช่วยบรรเทาผลกระทบ และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมกระจกโฟลตในประเทศให้สามารถแข่งขันได้กับกระจกนำเข้าราคาถูกจากจีน
สำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3522
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 55/2550 3 กรกฎาคม 50--