ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เพิ่มทางเลือกให้เงินกู้ยืมจากต่างประเทศเลือกกันสำรองหรือป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวน ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยน
เงินและสินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้เพิ่มทางเลือกในการนำเงินเข้าจากต่างประเทศในส่วนที่เป็นเงินกู้ยืม
จากต่างประเทศที่อยู่ในรูปของการกู้ยืมทั่วไป การกู้ยืมระหว่างบริษัท และตราสารหนื้ในต่างประเทศที่ธุรกิจไทยไประดมเงิน ให้สามารถเลือกที่จะ
กันสำรองร้อยละ 30 หรือใช้วิธีป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนเงินและระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ ในรูปของการสวอปอัตราแลกเปลี่ยน
(FX Swap) หรือในรูปของการสวอปข้ามสกุล (Cross Currency Swap) ทั้งนี้ เงินกู้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปีจะต้องป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวน
อย่างน้อย 1 ปี หลังจากครบ 1 ปีแล้ว ผู้กู้ยืมสามารถเลือกบริหารความเสี่ยงจะต้องทำกับสถาบันการเงินในประเทศเท่านั้น ทั้งนี้ การเพิ่มทางเลือก
ให้กันสำรองหรือป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวยังรวมถึงกรณีของสินเชื่อสกุลต่างประเทศเพื่อการส่งออกแบบมีระยะเวลา (Packing Credit) ที่มี
อายุเกินกว่า 180 วันด้วย แต่หากเป็นสินเชื่อ Packing Credit ที่สถาบันการเงินให้กับลูกค้าในประเทศและผู้กู้สัญญาจะนำเงินต่างประเทศมา
ชำระค่าสินค้าในอนาคตที่มีอายุไม่เกิน 180 วัน ไม่ต้องกันสำรองร้อยละ 30 หรือป้องกันความเสี่ยง (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้,
โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, สยามรัฐ, ข่าวสด)
2. ธปท.ขอความร่วมมือ ธ.พาณิชย์ในการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยว่า ธปท.ออกหนังสือถึง ธพ.ทุกแห่ง เพื่อขอความร่วมมือในการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท เนื่องจาก ธปท.พบว่าสถาบันการเงิน
ในต่างประเทศพยายามทำธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศแลกบาท โดยชำระเฉพาะ “ส่วนต่าง” การซื้อขายไม่มีการส่งมอบเงินตราต่าง
ประเทศแลกเงินบาทตามสัญญา (Non-Deliverable Forward-NDF) ทั้งในส่วนสัญญาการซื้อขายพันธบัตร สัญญาการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
ล่วงหน้า (โพสต์ทูเดย์, มติชน)
3. เงินทุนไหลเข้าไทยในปี 49 สูงถึง 5.67 แสนล้านบาท รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในปี 49
เงินทุนไหลเข้าประเทศไทยทะลุไปสู่ระดับสูงสุดถึง 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 5.67 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะลดลงในปีนี้
ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันในเรื่องการแข็งค่าของเงินบาทได้มากขึ้น ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธ.แสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ใน
อนาคตมีแนวโน้มที่ ธปท.จะผ่อนคลายมาตรการกันสำรองเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นร้อยละ 30 สำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ เนื่องจาก ธปท.
จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ตลอดจนอาจจะหันมาเพิ่มความเข้มข้นในการกระตุ้นให้มีการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น (โพสต์ทูเดย์)
4. รมว.คลังเผยผู้บริหาร ธ.ทหารไทยชุดใหม่ เตรียมจัดทำแผนการระดมทุน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ
รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหาร ธ.ทหารไทยกำลังจัดทำแผนการระดมทุนในครั้งนี้อยู่ และยังไม่ได้ส่งมายัง ก.คลัง โดยคาดว่า ธ.ทหารไทย
จะสรุปผลการเพิ่มทุนครั้งนี้ได้ ต้องรอให้ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ที่จะมีการแต่งตั้งในการประชุมกรรมการธนาคารครั้งต่อไปเป็นผู้ตัดสินใจ
และส่งแผนมายัง ก.คลัง ทั้งนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนสูงถึง 65,000 ล้านบาทตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนการที่ บ.ฟิทช์ เรทติ้ง ได้
ประกาศลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Hybrid Tier
1 Securities) ของ ธ.ทหารไทย เป็น B จากเดิมที่เป็น B+ ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของธนาคาร แต่อาจส่งผลกระทบต่อการระดมทุนใน
อนาคตของธนาคารได้ เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยในการระดมทุนเพิ่มขึ้น (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจสรอ. ในไตรมาสที่ 4/49 จะขยายตัวร้อยละ 3.0 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 50 ผลการ
สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 82 คนโดยรอยเตอร์คาดว่า ในไตรมาสที่ 4 ปี 49 เศรษฐกิจ สรอ. จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ
3.0 มากกว่าที่ขยายตัวร้อยละ 2.0 ในไตรมาสที่ 3/49 ทั้งนี้คาดว่าการเติบโตในระดับปานกลางเช่นนี้เนื่องจากมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นและราคา
น้ำมันที่ลดลงส่งผลให้ผู้บริโภคจับจ่ายมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นช่วงการชะลอตัวของภาคครัวเรือนก็ตาม โดยคาดการณ์ว่า จีดีพีจะเติบโตอยู่ระหว่าง
ร้อยละ 2 — 3.9 ทั้งนี้ ก.พาณิชย์ สรอ.มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ สรอ. ในวันนี้เวลา 8.30 น. ตาม
เวลากรีนนิส ขณะที่ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 69 คนของรอยเตอร์คาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสรอ. ในเดือน ม.ค. จะเพิ่มขึ้น
เล็กน้อย เนื่องจากระดับราคาลดลง ประกอบกับภาวะตลาดแรงงานขยายตัวดี โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค. คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ
110.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 109.0 ในเดือน ธ.ค. รวมทั้งการสำรวจการจ้างงานชี้ว่ามีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันลดลงโดยเมื่อ
สัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันเบ็นซินลดลงต่ำกว่า 2.20 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปี 48 .(รอยเตอร์)
2. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในปีนี้จะลดลงสู่ระดับเป้าหมายช้ากว่าที่คาดไว้ รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.50 สถาบันวิจัยเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NIESR) ของอังกฤษ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในปีนี้จะลดลงสู่
เป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ระดับร้อยละ 2.0 แต่จะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งก่อน โดยสันนิษฐานว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในระยะหลังและความ
เชื่อมโยงของการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีก่อนจะเพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงสู่ระดับเป้าหมายได้ ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษได้
สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 5.25 เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้น
ครั้งที่ 3 ในรอบ 6 เดือน หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับร้อยละ 3 ในเดือน ธ.ค.49 ด้านนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษ
จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีนี้ ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ NIESR ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.75 เนื่องจากเศรษฐกิจมี
การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจ
สรอ. จะส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษลดลงด้วยเช่นกัน (รอยเตอร์)
3. ยอดการใช้จ่ายของครัวเรือนญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 1.9 ในเดือน ธ.ค.49 ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 4.1
รายงานจากโตเกียวเมื่อ 30 ม.ค.50 The Ministry of Internal Affairs and Communications เปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายของ
ครัวเรือนญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.49 ลดลงร้อยละ 1.9 เทียบต่อปี เหนือความคาดหมายของตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 1.2 และเป็นการ
ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 สะท้อนภาพการชะลอตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าอาจเป็นสาเหตุให้ ธ.กลาง
ญี่ปุ่นชะลอการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากมีความเห็นว่า
การที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งจะนำมาซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้และช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศได้ในที่สุด โดยเห็นได้จากอัตราการ
ว่างงานของญี่ปุ่นในเดือนเดียวกันซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ระดับร้อยละ 4.1 จากร้อยละ 4.0 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ อัตราส่วนของการจ้างงาน
ต่อจำนวนแรงงาน (Jobs-to-applicants ratio) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.08 จากระดับ 1.06 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งหมายถึงมีจำนวนงานว่าง
108 อัตรา ขณะที่มีจำนวนแรงงานที่ต้องการทำงาน 100 อัตรา สำหรับอัตราส่วนทั้งปี 49 เพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.06 จากระดับ 0.95 ในปีก่อนหน้า
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1.00 นับตั้งแต่ปี 35 นอกจากนี้ ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.49 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เทียบต่อเดือน
สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 สะท้อนว่าสถานะของภาคธุรกิจยังคงทรงตัวได้ดี อนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่
มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 49 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ
จากช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 49 ที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงร้อยละ 0.8 (รอยเตอร์)
4. คาดว่าอัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 4 ปี 49 จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.6 รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ
31 ม.ค.50 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่าอัตราการว่างงานของสิงคโปร์หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วจะลดลงมา
อยู่ที่ร้อยละ 2.6 ในไตรมาสสุดท้ายปี 49 จากอัตราร้อยละ 2.7 ในไตรมาสที่ 3 ปี 49 เท่ากับอัตราการว่างงานในไตรมาสแรกปี 48 ซึ่งถือ
เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 44 โดยเป็นผลมาจากการขยายตัวของภาคบริการและภาคการก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง
43,000 ตำแหน่งเท่ากับไตรมาสที่ 3 ปี 49 หลังจากใน 3 ไตรมาสแรกของปี 49 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกตัวเลขการ
จ้างงานเป็นต้นมา และผลสำรวจความเห็นของภาคธุรกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าร้อยละ 56 มีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มในไตรมาสแรกปี 50 เพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 49 ในไตรมาสแรกปี 49 ทั้งนี้การจ้างงานในภาคบริการมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70 ของตำแหน่งงานทั้งหมดในสิงคโปร์ ในขณะที่การ
จ้างงานในภาคการผลิตและภาคการก่อสร้างมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 และร้อยละ 10 ของตำแหน่งงานทั้งหมดตามลำดับ ก.แรงงานของ
สิงคโปร์มีกำหนดจะรายงานตัวเลขเบื้องต้นอัตราการว่างงานในวันที่ 31 ม.ค.50 เวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 30 ม.ค. 50 29 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.823 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.6293/35.9790 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.87625 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 653.92/10.42 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,800/10,900 10,850/10,950 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 50.63 52.72 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 19 ม.ค. 50 25.19*/22.54** 25.19*/22.54** 26.49/23.34 ปตท.
** ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เพิ่มทางเลือกให้เงินกู้ยืมจากต่างประเทศเลือกกันสำรองหรือป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวน ผอ.ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยน
เงินและสินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้เพิ่มทางเลือกในการนำเงินเข้าจากต่างประเทศในส่วนที่เป็นเงินกู้ยืม
จากต่างประเทศที่อยู่ในรูปของการกู้ยืมทั่วไป การกู้ยืมระหว่างบริษัท และตราสารหนื้ในต่างประเทศที่ธุรกิจไทยไประดมเงิน ให้สามารถเลือกที่จะ
กันสำรองร้อยละ 30 หรือใช้วิธีป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนเงินและระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ ในรูปของการสวอปอัตราแลกเปลี่ยน
(FX Swap) หรือในรูปของการสวอปข้ามสกุล (Cross Currency Swap) ทั้งนี้ เงินกู้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปีจะต้องป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวน
อย่างน้อย 1 ปี หลังจากครบ 1 ปีแล้ว ผู้กู้ยืมสามารถเลือกบริหารความเสี่ยงจะต้องทำกับสถาบันการเงินในประเทศเท่านั้น ทั้งนี้ การเพิ่มทางเลือก
ให้กันสำรองหรือป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวยังรวมถึงกรณีของสินเชื่อสกุลต่างประเทศเพื่อการส่งออกแบบมีระยะเวลา (Packing Credit) ที่มี
อายุเกินกว่า 180 วันด้วย แต่หากเป็นสินเชื่อ Packing Credit ที่สถาบันการเงินให้กับลูกค้าในประเทศและผู้กู้สัญญาจะนำเงินต่างประเทศมา
ชำระค่าสินค้าในอนาคตที่มีอายุไม่เกิน 180 วัน ไม่ต้องกันสำรองร้อยละ 30 หรือป้องกันความเสี่ยง (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้,
โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, สยามรัฐ, ข่าวสด)
2. ธปท.ขอความร่วมมือ ธ.พาณิชย์ในการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยว่า ธปท.ออกหนังสือถึง ธพ.ทุกแห่ง เพื่อขอความร่วมมือในการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท เนื่องจาก ธปท.พบว่าสถาบันการเงิน
ในต่างประเทศพยายามทำธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศแลกบาท โดยชำระเฉพาะ “ส่วนต่าง” การซื้อขายไม่มีการส่งมอบเงินตราต่าง
ประเทศแลกเงินบาทตามสัญญา (Non-Deliverable Forward-NDF) ทั้งในส่วนสัญญาการซื้อขายพันธบัตร สัญญาการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
ล่วงหน้า (โพสต์ทูเดย์, มติชน)
3. เงินทุนไหลเข้าไทยในปี 49 สูงถึง 5.67 แสนล้านบาท รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในปี 49
เงินทุนไหลเข้าประเทศไทยทะลุไปสู่ระดับสูงสุดถึง 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 5.67 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะลดลงในปีนี้
ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันในเรื่องการแข็งค่าของเงินบาทได้มากขึ้น ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธ.แสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ใน
อนาคตมีแนวโน้มที่ ธปท.จะผ่อนคลายมาตรการกันสำรองเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นร้อยละ 30 สำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ เนื่องจาก ธปท.
จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ตลอดจนอาจจะหันมาเพิ่มความเข้มข้นในการกระตุ้นให้มีการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น (โพสต์ทูเดย์)
4. รมว.คลังเผยผู้บริหาร ธ.ทหารไทยชุดใหม่ เตรียมจัดทำแผนการระดมทุน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ
รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหาร ธ.ทหารไทยกำลังจัดทำแผนการระดมทุนในครั้งนี้อยู่ และยังไม่ได้ส่งมายัง ก.คลัง โดยคาดว่า ธ.ทหารไทย
จะสรุปผลการเพิ่มทุนครั้งนี้ได้ ต้องรอให้ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ที่จะมีการแต่งตั้งในการประชุมกรรมการธนาคารครั้งต่อไปเป็นผู้ตัดสินใจ
และส่งแผนมายัง ก.คลัง ทั้งนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนสูงถึง 65,000 ล้านบาทตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนการที่ บ.ฟิทช์ เรทติ้ง ได้
ประกาศลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Hybrid Tier
1 Securities) ของ ธ.ทหารไทย เป็น B จากเดิมที่เป็น B+ ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของธนาคาร แต่อาจส่งผลกระทบต่อการระดมทุนใน
อนาคตของธนาคารได้ เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยในการระดมทุนเพิ่มขึ้น (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจสรอ. ในไตรมาสที่ 4/49 จะขยายตัวร้อยละ 3.0 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 50 ผลการ
สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 82 คนโดยรอยเตอร์คาดว่า ในไตรมาสที่ 4 ปี 49 เศรษฐกิจ สรอ. จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ
3.0 มากกว่าที่ขยายตัวร้อยละ 2.0 ในไตรมาสที่ 3/49 ทั้งนี้คาดว่าการเติบโตในระดับปานกลางเช่นนี้เนื่องจากมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นและราคา
น้ำมันที่ลดลงส่งผลให้ผู้บริโภคจับจ่ายมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นช่วงการชะลอตัวของภาคครัวเรือนก็ตาม โดยคาดการณ์ว่า จีดีพีจะเติบโตอยู่ระหว่าง
ร้อยละ 2 — 3.9 ทั้งนี้ ก.พาณิชย์ สรอ.มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ สรอ. ในวันนี้เวลา 8.30 น. ตาม
เวลากรีนนิส ขณะที่ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 69 คนของรอยเตอร์คาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสรอ. ในเดือน ม.ค. จะเพิ่มขึ้น
เล็กน้อย เนื่องจากระดับราคาลดลง ประกอบกับภาวะตลาดแรงงานขยายตัวดี โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค. คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ
110.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 109.0 ในเดือน ธ.ค. รวมทั้งการสำรวจการจ้างงานชี้ว่ามีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันลดลงโดยเมื่อ
สัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันเบ็นซินลดลงต่ำกว่า 2.20 ดอลลาร์ สรอ.ต่อแกลลอน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปี 48 .(รอยเตอร์)
2. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในปีนี้จะลดลงสู่ระดับเป้าหมายช้ากว่าที่คาดไว้ รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.50 สถาบันวิจัยเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NIESR) ของอังกฤษ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในปีนี้จะลดลงสู่
เป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ระดับร้อยละ 2.0 แต่จะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ครั้งก่อน โดยสันนิษฐานว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในระยะหลังและความ
เชื่อมโยงของการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีก่อนจะเพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงสู่ระดับเป้าหมายได้ ทั้งนี้ ธ.กลางอังกฤษได้
สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 5.25 เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้น
ครั้งที่ 3 ในรอบ 6 เดือน หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับร้อยละ 3 ในเดือน ธ.ค.49 ด้านนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษ
จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีนี้ ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ NIESR ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.75 เนื่องจากเศรษฐกิจมี
การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจ
สรอ. จะส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษลดลงด้วยเช่นกัน (รอยเตอร์)
3. ยอดการใช้จ่ายของครัวเรือนญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 1.9 ในเดือน ธ.ค.49 ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 4.1
รายงานจากโตเกียวเมื่อ 30 ม.ค.50 The Ministry of Internal Affairs and Communications เปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายของ
ครัวเรือนญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.49 ลดลงร้อยละ 1.9 เทียบต่อปี เหนือความคาดหมายของตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 1.2 และเป็นการ
ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 สะท้อนภาพการชะลอตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าอาจเป็นสาเหตุให้ ธ.กลาง
ญี่ปุ่นชะลอการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากมีความเห็นว่า
การที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งจะนำมาซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้และช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศได้ในที่สุด โดยเห็นได้จากอัตราการ
ว่างงานของญี่ปุ่นในเดือนเดียวกันซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ระดับร้อยละ 4.1 จากร้อยละ 4.0 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ อัตราส่วนของการจ้างงาน
ต่อจำนวนแรงงาน (Jobs-to-applicants ratio) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.08 จากระดับ 1.06 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งหมายถึงมีจำนวนงานว่าง
108 อัตรา ขณะที่มีจำนวนแรงงานที่ต้องการทำงาน 100 อัตรา สำหรับอัตราส่วนทั้งปี 49 เพิ่มขึ้นที่ระดับ 1.06 จากระดับ 0.95 ในปีก่อนหน้า
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1.00 นับตั้งแต่ปี 35 นอกจากนี้ ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.49 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เทียบต่อเดือน
สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.3 สะท้อนว่าสถานะของภาคธุรกิจยังคงทรงตัวได้ดี อนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่
มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 49 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ
จากช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 49 ที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงร้อยละ 0.8 (รอยเตอร์)
4. คาดว่าอัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 4 ปี 49 จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.6 รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ
31 ม.ค.50 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่าอัตราการว่างงานของสิงคโปร์หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วจะลดลงมา
อยู่ที่ร้อยละ 2.6 ในไตรมาสสุดท้ายปี 49 จากอัตราร้อยละ 2.7 ในไตรมาสที่ 3 ปี 49 เท่ากับอัตราการว่างงานในไตรมาสแรกปี 48 ซึ่งถือ
เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 44 โดยเป็นผลมาจากการขยายตัวของภาคบริการและภาคการก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง
43,000 ตำแหน่งเท่ากับไตรมาสที่ 3 ปี 49 หลังจากใน 3 ไตรมาสแรกของปี 49 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกตัวเลขการ
จ้างงานเป็นต้นมา และผลสำรวจความเห็นของภาคธุรกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าร้อยละ 56 มีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มในไตรมาสแรกปี 50 เพิ่มขึ้นจาก
ร้อยละ 49 ในไตรมาสแรกปี 49 ทั้งนี้การจ้างงานในภาคบริการมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 70 ของตำแหน่งงานทั้งหมดในสิงคโปร์ ในขณะที่การ
จ้างงานในภาคการผลิตและภาคการก่อสร้างมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 และร้อยละ 10 ของตำแหน่งงานทั้งหมดตามลำดับ ก.แรงงานของ
สิงคโปร์มีกำหนดจะรายงานตัวเลขเบื้องต้นอัตราการว่างงานในวันที่ 31 ม.ค.50 เวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 30 ม.ค. 50 29 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.823 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.6293/35.9790 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.87625 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 653.92/10.42 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,800/10,900 10,850/10,950 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 50.63 52.72 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 19 ม.ค. 50 25.19*/22.54** 25.19*/22.54** 26.49/23.34 ปตท.
** ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--