ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.พิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์กันสำรองเงินทุนนำเข้า 30% ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.
มีความพอใจผลจากมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้า 30% เนื่องจากขณะนี้ค่าเงินบาทปรับตัวเข้าสู่ทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค โดยอ่อนค่าลง
ถึง 2% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนออกมาตรการเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.49 นอกจากนี้ ในการประชุมครบรอบ 10 ปีวิกฤติสกุลเงินในเอเชีย ซึ่ง ธ.กลาง
ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าใจและยอมรับมาตรการกันสำรอง 30% ของ ธปท.มากขึ้น
เพราะสภาพการและภาวะเงินทุนไหลเข้าของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ด้านนายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับการแลก
เปลี่ยนเงินและสินเชื่อ ธปท. กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์กันสำรองเงินทุนนำเข้า 30% ในส่วนของธุรกรรมการกู้ยืมเงิน
จากต่างประเทศที่มีการซื้อประกันความเสี่ยงไว้ 100% เนื่องจากการซื้อประกันความเสี่ยงจะทำให้ไม่เกิดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ ธปท.ได้พิจารณาการกู้เงินจากต่างประเทศใน 2 กรณีคือ 1) เงินกู้ระหว่างบริษัทลูกที่อยู่ในไทยกับบริษัทแม่ที่อยู่ในต่างประเทศ และ 2)
เงินกู้ทั่วไปที่ต้องการนำเงินมาขยายธุรกิจและใช้ในการลงทุน อาจจะไม่ต้องถูกหักสำรอง (ไทยโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ปรับปรุงระยะเวลาในการส่งงบการเงินของธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกประกาศไปยังบริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ ปรับปรุงระยะเวลาในการจัดส่งงบการเงินให้แก่
ธปท. ให้ยืดหยุ่นในทางปฏิบัติมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการให้บริการทางการเงิน และส่งเสริมให้บริการบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์มีความปลอดภัย
ถูกต้อง และเชื่อถือได้ โดยให้ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์จัดทำงบการเงินและส่งงบการเงินงวด 6 เดือนแรกมายังธปท. ภายใน
30 วันนับแต่วันสิ้นงวด และจัดส่งงบการเงินประจำปีที่ผ่านการรับรองของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตภายใน 60 วันนับแต่วันสิ้นงวด และหากไม่สามารถ
จัดส่งงบการเงินประจำปีได้ตามกำหนด ให้สามารถจัดส่งงบการเงินประจำปีที่ยังไม่ผ่านการรับรองของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตภายใน 60 วัน และ
จัดส่งงบการเงินที่ผ่านการรับรองแล้วภายใน 60 วัน ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่งบการเงินประจำปี 49 เป็นต้นไป (เดลินิวส์)
3. รมว.คลังยืนยันสามารถเพิ่มทุนเพื่อแก้ปัญหาผลการดำเนินงานของ ธ.ทหารไทยได้กลางปีนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง
นรม.และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า แนวทางในการแก้ปัญหาผลการดำเนินงานของ ธ.ทหารไทยที่ขาดทุนคือ จะต้องเพิ่มทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสมใน
คราวเดียว ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงกลางปีนี้ และไม่จำเป็นจะต้องลดราคาพาร์แต่อย่างใด ทั้งนี้ กรณีที่ผลการดำเนินงานของ
ธ.ทหารไทยปี 49 ขาดทุน เนื่องจากต้องสำรองหนี้เสียตามเกณฑ์เอไอเอส 39 และสำรองจากการขาดทุนตั๋วเงินบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
(เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. รอยเตอร์คาดว่ายอดขายบ้านสร้างใหม่ใน สรอ.ในเดือน ธ.ค.49 จะสูงขึ้นจากเดือน พ.ย.49 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ
24 ม.ค.50 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่ายอดขายบ้านสร้างใหม่ใน สรอ.จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.050 ล้านหน่วยใน
เดือน ธ.ค.49 จากยอดขาย 1.047 ล้านหน่วยจากเดือน พ.ย.49 หลังจากยอดขายบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดมาก่อน
ร้อยละ 3.4 ในเดือน พ.ย.49 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 6.3 จากสภาพ
อากาศที่อบอุ่นผิดปรกติเอื้ออำนวยต่อการสร้างบ้านซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่มีระยะ
เวลาผ่อนชำระคืนเฉลี่ย 30 ปีก็ลดลงเหลือร้อยละ 6.14 ต่อปีจากร้อยละ 6.24 ต่อปีในเดือน พ.ย.49 จากปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักเศรษฐศาสตร์
คาดว่ายอดขายบ้านในเดือน ธ.ค.49 จะสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือน พ.ย.49 แต่อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่าตัวเลขบ้านค้างสต็อก
ที่ยังขายไม่ได้ยังอยู่ในระดับสูงและการที่บ้านขายดีในเดือน พ.ย.49 อาจเกี่ยวกับสภาพอากาศอย่างเดียวในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างไร
(รอยเตอร์)
2. คาดว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของ สรอ. ในเดือน ธ.ค. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่
24 ม.ค. 50 ผลการสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดว่า ในเดือน ธ.ค. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของ สรอ. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากร้อยละ
1.6 ในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์จาก
Action Economicsกล่าวว่าเฉพาะยอดการสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารของบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้งซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
10 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 แต่หากไม่นับการสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารแล้ว ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของ สรอ. ในเดือน
ธ.ค. คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 1.1 ในเดือนพ.ย. ขณะที่คำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่มิใช่อาวุธและไม่นับรวมเครื่องบิน
โดยสาร ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการใช้จ่ายของภาคธุรกิจคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือน ธ.ค. หลังจากที่ลดลงร้อยละ 1.1 ในเดือน พ.ย.
(รอยเตอร์)
3. จีดีพีของอังกฤษในไตรมาส 4 ปี 49 ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งที่ร้อยละ 0.8 เทียบต่อไตรมาส รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 24 ม.ค.50 สำนักงานสถิติอังกฤษ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษในไตรมาสสุดท้ายปี 49 ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ
2 ปีครึ่ง (ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 47) ที่ร้อยละ 0.8 เทียบต่อไตรมาส ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.7 เท่ากับ
อัตราการขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 49 และหากเทียบต่อปีขยายตัวร้อยละ 3.0 นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 47 และ
เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.9 ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวน่าจะช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษอาจปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป หลังจากที่สร้างความประหลาดใจในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25
ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทั้งปี 49 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษขยายตัวถึงร้อยละ 2.7 จากที่ขยายตัวร้อยละ 1.9 ในปี 48
และใกล้เคียงกับที่ ก.คลังอังกฤษประมาณการว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.75 อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า
ดุลยภาพของความเสี่ยงด้านภาวะเงินเฟ้อและการขยายตัวของผลผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต โดยมีพลังขับเคลื่อนจากอุตสาหกรรมภาคบริการ
ซึ่งในไตรมาส 4 ที่ผ่านมาขยายตัวถึงร้อยละ 1.0 เนื่องจากผลผลิตภาคการโรงแรมและร้านอาหารขยายตัวถึงร้อยละ 1.8 ซึ่งเป็นอัตราการ
ขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตหดตัวลงร้อยละ 0.2 สาเหตุจากผลผลิตอุตสาหกรรมการไฟฟ้า แก๊ส และ
น้ำลดลงถึงร้อยละ 2.3 (รอยเตอร์)
4. จีดีพีของเกาหลีใต้ในไตรมาส 4 ปี 49 ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่
25 ม.ค.50 ข้อมูลประมาณการล่วงหน้าที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วของ ธ.เกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในไตรมาส 4
ปี 49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.8 เทียบกับร้อยละ 1.1 ในไตรมาส 3 และร้อยละ 0.8 ในไตรมาส 2 และต่ำกว่าผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์
ที่มีการคาดการณ์กันไว้ที่ร้อยละ 1.1 โดยมีสาเหตุจากการส่งออกชะลอตัวและการใช้จ่ายในภาคการก่อสร้างไม่สดใสนัก ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า
การที่รัฐบาลพยายามลดความร้อนแรงของตลาดที่อยู่อาศัยโดยการยับยั้งการให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ
ดังนั้น จึงเป็นการยากที่ ธ.กลางเกาหลีใต้จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ และจากมาตรการของ ธ.กลางเกาหลีใต้ในการ
ควบคุมสภาพคล่องในระบบในระยะนี้อาจทำให้ความต้องการบริโภคภายในประเทศชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งถ้าดูแนวโน้มแล้วคาดว่า
ธ.กลางเกาหลีใต้คงจะรอดูสถานการณ์ก่อนที่จะตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม ยังคงคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะ
พลิกฟื้นกลับมาได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยจะเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิสก์ในตลาดโลกและคาดว่าการใช้จ่ายในภาคการ
ก่อสร้างภายในประเทศก็จะฟื้นตัวกลับมาได้เช่นกัน ทั้งนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า จีดีพีในไตรมาส 4 ขยายตัวร้อยละ 4.0 จากปีก่อน
เทียบกับร้อยละ 4.8 ในไตรมาส 3 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ร้อยละ 4.2 ขณะที่จีดีพีรวมทั้งปี 49 ขยายตัว
ร้อยละ 5.0 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.0 ในปี 48 นอกจากนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 4.4 ในปี 50
เนื่องจากความต้องการบริโภคสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจะชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25 ม.ค. 50 24 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.938 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.7263/36.0595 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.87484 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 657.16/11.91 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,900/11,000 10,800/10,900 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.24 52.31 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 19 ม.ค. 50 25.19*/22.54** 25.19*/22.54** 26.49/23.34 ปตท.
** ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.พิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์กันสำรองเงินทุนนำเข้า 30% ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.
มีความพอใจผลจากมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้า 30% เนื่องจากขณะนี้ค่าเงินบาทปรับตัวเข้าสู่ทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค โดยอ่อนค่าลง
ถึง 2% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนออกมาตรการเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.49 นอกจากนี้ ในการประชุมครบรอบ 10 ปีวิกฤติสกุลเงินในเอเชีย ซึ่ง ธ.กลาง
ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าใจและยอมรับมาตรการกันสำรอง 30% ของ ธปท.มากขึ้น
เพราะสภาพการและภาวะเงินทุนไหลเข้าของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ด้านนายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับการแลก
เปลี่ยนเงินและสินเชื่อ ธปท. กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์กันสำรองเงินทุนนำเข้า 30% ในส่วนของธุรกรรมการกู้ยืมเงิน
จากต่างประเทศที่มีการซื้อประกันความเสี่ยงไว้ 100% เนื่องจากการซื้อประกันความเสี่ยงจะทำให้ไม่เกิดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ ธปท.ได้พิจารณาการกู้เงินจากต่างประเทศใน 2 กรณีคือ 1) เงินกู้ระหว่างบริษัทลูกที่อยู่ในไทยกับบริษัทแม่ที่อยู่ในต่างประเทศ และ 2)
เงินกู้ทั่วไปที่ต้องการนำเงินมาขยายธุรกิจและใช้ในการลงทุน อาจจะไม่ต้องถูกหักสำรอง (ไทยโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ปรับปรุงระยะเวลาในการส่งงบการเงินของธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกประกาศไปยังบริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ ปรับปรุงระยะเวลาในการจัดส่งงบการเงินให้แก่
ธปท. ให้ยืดหยุ่นในทางปฏิบัติมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการให้บริการทางการเงิน และส่งเสริมให้บริการบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์มีความปลอดภัย
ถูกต้อง และเชื่อถือได้ โดยให้ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์จัดทำงบการเงินและส่งงบการเงินงวด 6 เดือนแรกมายังธปท. ภายใน
30 วันนับแต่วันสิ้นงวด และจัดส่งงบการเงินประจำปีที่ผ่านการรับรองของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตภายใน 60 วันนับแต่วันสิ้นงวด และหากไม่สามารถ
จัดส่งงบการเงินประจำปีได้ตามกำหนด ให้สามารถจัดส่งงบการเงินประจำปีที่ยังไม่ผ่านการรับรองของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตภายใน 60 วัน และ
จัดส่งงบการเงินที่ผ่านการรับรองแล้วภายใน 60 วัน ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่งบการเงินประจำปี 49 เป็นต้นไป (เดลินิวส์)
3. รมว.คลังยืนยันสามารถเพิ่มทุนเพื่อแก้ปัญหาผลการดำเนินงานของ ธ.ทหารไทยได้กลางปีนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง
นรม.และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า แนวทางในการแก้ปัญหาผลการดำเนินงานของ ธ.ทหารไทยที่ขาดทุนคือ จะต้องเพิ่มทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสมใน
คราวเดียว ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงกลางปีนี้ และไม่จำเป็นจะต้องลดราคาพาร์แต่อย่างใด ทั้งนี้ กรณีที่ผลการดำเนินงานของ
ธ.ทหารไทยปี 49 ขาดทุน เนื่องจากต้องสำรองหนี้เสียตามเกณฑ์เอไอเอส 39 และสำรองจากการขาดทุนตั๋วเงินบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
(เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. รอยเตอร์คาดว่ายอดขายบ้านสร้างใหม่ใน สรอ.ในเดือน ธ.ค.49 จะสูงขึ้นจากเดือน พ.ย.49 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ
24 ม.ค.50 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์คาดว่ายอดขายบ้านสร้างใหม่ใน สรอ.จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.050 ล้านหน่วยใน
เดือน ธ.ค.49 จากยอดขาย 1.047 ล้านหน่วยจากเดือน พ.ย.49 หลังจากยอดขายบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดมาก่อน
ร้อยละ 3.4 ในเดือน พ.ย.49 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 6.3 จากสภาพ
อากาศที่อบอุ่นผิดปรกติเอื้ออำนวยต่อการสร้างบ้านซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่มีระยะ
เวลาผ่อนชำระคืนเฉลี่ย 30 ปีก็ลดลงเหลือร้อยละ 6.14 ต่อปีจากร้อยละ 6.24 ต่อปีในเดือน พ.ย.49 จากปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักเศรษฐศาสตร์
คาดว่ายอดขายบ้านในเดือน ธ.ค.49 จะสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือน พ.ย.49 แต่อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่าตัวเลขบ้านค้างสต็อก
ที่ยังขายไม่ได้ยังอยู่ในระดับสูงและการที่บ้านขายดีในเดือน พ.ย.49 อาจเกี่ยวกับสภาพอากาศอย่างเดียวในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างไร
(รอยเตอร์)
2. คาดว่ายอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของ สรอ. ในเดือน ธ.ค. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่
24 ม.ค. 50 ผลการสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดว่า ในเดือน ธ.ค. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของ สรอ. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากร้อยละ
1.6 ในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์จาก
Action Economicsกล่าวว่าเฉพาะยอดการสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารของบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้งซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
10 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 แต่หากไม่นับการสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารแล้ว ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของ สรอ. ในเดือน
ธ.ค. คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.5 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 1.1 ในเดือนพ.ย. ขณะที่คำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่มิใช่อาวุธและไม่นับรวมเครื่องบิน
โดยสาร ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการใช้จ่ายของภาคธุรกิจคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือน ธ.ค. หลังจากที่ลดลงร้อยละ 1.1 ในเดือน พ.ย.
(รอยเตอร์)
3. จีดีพีของอังกฤษในไตรมาส 4 ปี 49 ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งที่ร้อยละ 0.8 เทียบต่อไตรมาส รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 24 ม.ค.50 สำนักงานสถิติอังกฤษ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษในไตรมาสสุดท้ายปี 49 ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ
2 ปีครึ่ง (ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 47) ที่ร้อยละ 0.8 เทียบต่อไตรมาส ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.7 เท่ากับ
อัตราการขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 49 และหากเทียบต่อปีขยายตัวร้อยละ 3.0 นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 47 และ
เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.9 ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวน่าจะช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษอาจปรับ
เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป หลังจากที่สร้างความประหลาดใจในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25
ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทั้งปี 49 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษขยายตัวถึงร้อยละ 2.7 จากที่ขยายตัวร้อยละ 1.9 ในปี 48
และใกล้เคียงกับที่ ก.คลังอังกฤษประมาณการว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.75 อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า
ดุลยภาพของความเสี่ยงด้านภาวะเงินเฟ้อและการขยายตัวของผลผลิตจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต โดยมีพลังขับเคลื่อนจากอุตสาหกรรมภาคบริการ
ซึ่งในไตรมาส 4 ที่ผ่านมาขยายตัวถึงร้อยละ 1.0 เนื่องจากผลผลิตภาคการโรงแรมและร้านอาหารขยายตัวถึงร้อยละ 1.8 ซึ่งเป็นอัตราการ
ขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตหดตัวลงร้อยละ 0.2 สาเหตุจากผลผลิตอุตสาหกรรมการไฟฟ้า แก๊ส และ
น้ำลดลงถึงร้อยละ 2.3 (รอยเตอร์)
4. จีดีพีของเกาหลีใต้ในไตรมาส 4 ปี 49 ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่
25 ม.ค.50 ข้อมูลประมาณการล่วงหน้าที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วของ ธ.เกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในไตรมาส 4
ปี 49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.8 เทียบกับร้อยละ 1.1 ในไตรมาส 3 และร้อยละ 0.8 ในไตรมาส 2 และต่ำกว่าผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์
ที่มีการคาดการณ์กันไว้ที่ร้อยละ 1.1 โดยมีสาเหตุจากการส่งออกชะลอตัวและการใช้จ่ายในภาคการก่อสร้างไม่สดใสนัก ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า
การที่รัฐบาลพยายามลดความร้อนแรงของตลาดที่อยู่อาศัยโดยการยับยั้งการให้สินเชื่อแก่ผู้บริโภคอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ
ดังนั้น จึงเป็นการยากที่ ธ.กลางเกาหลีใต้จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ และจากมาตรการของ ธ.กลางเกาหลีใต้ในการ
ควบคุมสภาพคล่องในระบบในระยะนี้อาจทำให้ความต้องการบริโภคภายในประเทศชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งถ้าดูแนวโน้มแล้วคาดว่า
ธ.กลางเกาหลีใต้คงจะรอดูสถานการณ์ก่อนที่จะตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม ยังคงคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะ
พลิกฟื้นกลับมาได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยจะเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิสก์ในตลาดโลกและคาดว่าการใช้จ่ายในภาคการ
ก่อสร้างภายในประเทศก็จะฟื้นตัวกลับมาได้เช่นกัน ทั้งนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า จีดีพีในไตรมาส 4 ขยายตัวร้อยละ 4.0 จากปีก่อน
เทียบกับร้อยละ 4.8 ในไตรมาส 3 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ร้อยละ 4.2 ขณะที่จีดีพีรวมทั้งปี 49 ขยายตัว
ร้อยละ 5.0 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.0 ในปี 48 นอกจากนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 4.4 ในปี 50
เนื่องจากความต้องการบริโภคสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจะชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25 ม.ค. 50 24 ม.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.938 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.7263/36.0595 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.87484 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 657.16/11.91 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,900/11,000 10,800/10,900 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 52.24 52.31 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 19 ม.ค. 50 25.19*/22.54** 25.19*/22.54** 26.49/23.34 ปตท.
** ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 13 ม.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--