นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ประกาศถอนตัวจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศว่า เป็นสิทธิของนายสมคิดที่จะแถลงชี้แจงเหตุผลของการถอนตัวออกจากตำแหน่ง แต่สังคมหรือผู้คนในประเทศไทย จะเชื่ออย่างที่นายสมคิดพูดหรือไม่นั้น กาลเวลาในอนาคตจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงความตั้งใจจริงหรือมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ ทั้งนี้ยังได้ฝากถึงนายสมคิดว่า สิ่งที่นายสมคิดพูดนั้น เชื่อว่าคงมีคนฟัง แต่ต้องลงมือปฏิบัติคนจึงจะเชื่อ
นายองอาจกล่าวต่อไปว่า การแถลงข่าวลาออกของนายสมคิดว่ามีนัยยะทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และการแสดงออกถึงนัยยะทางการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องครั้งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเข้ามาอาสาทำงานในครั้งนี้ของนายสมคิดที่ว่าเข้ามาทำงานด้วยความบริสุทธ์ใจหรือไม่ และนายสมคิดคงไม่สามารถมองเพียงมิติใดมิติหนึ่ง เพียงมิติเดียวได้ ต้องยอมรับว่าบทบาทของนายสมคิดในอดีตและสิ่งที่สังคมคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นทำให้การอาสาตัวเข้ามาทำงานในครั้งนี้ จนถึงการประกาศถอนตัวในวันนี้ มีหลายมิติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมิติที่ส่งผลกระทบต่อตัวนายสมคิดทั้งสิ้น
“มาถึงวันนี้คุณสมคิดอาจจะมองว่าสิ่งที่ตนเองได้ตัดสินใจอาสาเข้ามาทำงานนั้นน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ดังนั้นการตัดสินใจลาออกก็อาจเป็นการตัดสินใจเพื่อที่จะมองไปยังอนาคตของตนเองมากกว่าที่จะมองถึงสิ่งที่คุณสมคิดพูดในวันนี้” นายองอาจกล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้แสดงความเห็นต่อการตัดสินใจของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีนายสมคิดว่า ตนรู้สึกเห็นใจและเข้าใจ พล.อ.สุรยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้มีเจตนาหรือความตั้งใจที่จะต้องมารับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ต้น ดังนั้นการเข้ามาทำงานของ พล.อ.สุรยุทธ์ จึงเป็นการเข้ามาทำงานตามสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น และตลอดชีวิตการทำงานของพล.อ.สุรยุทธ์ ก็ชี้ให้เห็นว่ามีความตั้งใจ และอยากทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
“เวลานั่งอยู่ในตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ยิ่งเป็นตำแหน่งที่จะต้องมีการพิจารณาตัดสินใจหลายมิติและรอบด้าน จึงจะทำให้การตัดสินใจนั้นไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย หรือเกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริงได้” นายองอาจกล่าวเสริม
พร้อมกันนี้ นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวแสดงความเห็นในช่วงท้ายถึงวิธีการบริหารจัดการความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หลังจากนายสมคิดถอนตัวออกไปแล้วว่า หากหยิบประเด็นเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นตัวหลัก และสร้างความเข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศนั้น ขณะนี้มีหลายหน่วยงานที่ทำหน้าที่นี้โดยตรงอยู่แล้ว อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ ก็มีหลายหน่วยงาน และมีหลายวิธี แต่แนวคิดในการเลือกว่าจะใช้วิธีใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหาร และตนไม่ติดใจหากจะใช้วิธีหนึ่ง วิธีสอง แต่ประเด็นที่สังคมคลางแคลงใจคือเรื่องตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้ และตามโครงสร้างหากมีบุคคลที่สังคมยอมรับได้ คงไม่มีใครโต้แย้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ก.พ. 2550--จบ--
นายองอาจกล่าวต่อไปว่า การแถลงข่าวลาออกของนายสมคิดว่ามีนัยยะทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และการแสดงออกถึงนัยยะทางการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องครั้งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเข้ามาอาสาทำงานในครั้งนี้ของนายสมคิดที่ว่าเข้ามาทำงานด้วยความบริสุทธ์ใจหรือไม่ และนายสมคิดคงไม่สามารถมองเพียงมิติใดมิติหนึ่ง เพียงมิติเดียวได้ ต้องยอมรับว่าบทบาทของนายสมคิดในอดีตและสิ่งที่สังคมคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นทำให้การอาสาตัวเข้ามาทำงานในครั้งนี้ จนถึงการประกาศถอนตัวในวันนี้ มีหลายมิติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมิติที่ส่งผลกระทบต่อตัวนายสมคิดทั้งสิ้น
“มาถึงวันนี้คุณสมคิดอาจจะมองว่าสิ่งที่ตนเองได้ตัดสินใจอาสาเข้ามาทำงานนั้นน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ดังนั้นการตัดสินใจลาออกก็อาจเป็นการตัดสินใจเพื่อที่จะมองไปยังอนาคตของตนเองมากกว่าที่จะมองถึงสิ่งที่คุณสมคิดพูดในวันนี้” นายองอาจกล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้แสดงความเห็นต่อการตัดสินใจของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีนายสมคิดว่า ตนรู้สึกเห็นใจและเข้าใจ พล.อ.สุรยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้มีเจตนาหรือความตั้งใจที่จะต้องมารับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ต้น ดังนั้นการเข้ามาทำงานของ พล.อ.สุรยุทธ์ จึงเป็นการเข้ามาทำงานตามสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น และตลอดชีวิตการทำงานของพล.อ.สุรยุทธ์ ก็ชี้ให้เห็นว่ามีความตั้งใจ และอยากทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
“เวลานั่งอยู่ในตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ยิ่งเป็นตำแหน่งที่จะต้องมีการพิจารณาตัดสินใจหลายมิติและรอบด้าน จึงจะทำให้การตัดสินใจนั้นไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย หรือเกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริงได้” นายองอาจกล่าวเสริม
พร้อมกันนี้ นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวแสดงความเห็นในช่วงท้ายถึงวิธีการบริหารจัดการความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หลังจากนายสมคิดถอนตัวออกไปแล้วว่า หากหยิบประเด็นเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นตัวหลัก และสร้างความเข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศนั้น ขณะนี้มีหลายหน่วยงานที่ทำหน้าที่นี้โดยตรงอยู่แล้ว อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ ก็มีหลายหน่วยงาน และมีหลายวิธี แต่แนวคิดในการเลือกว่าจะใช้วิธีใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหาร และตนไม่ติดใจหากจะใช้วิธีหนึ่ง วิธีสอง แต่ประเด็นที่สังคมคลางแคลงใจคือเรื่องตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้ และตามโครงสร้างหากมีบุคคลที่สังคมยอมรับได้ คงไม่มีใครโต้แย้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ก.พ. 2550--จบ--