ไทยผงาด "อาเซียน" สมคิดลั่นดูดเงินลงทุนเต็มพิกัด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 14, 2005 15:14 —สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

          สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ได้จัดสัมมนาเรื่อง คุณเชื่อมั่นเสถียรภาพ เศรษฐกิจไทยแค่ไหน!? โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ร่วมสะท้อนมุมมองในเรื่องนี้ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ร่วมอภิปรายในหัวข้อดังกล่าวด้วย 
โดยนายสมคิดกล่าวว่า ตัวเลขพื้นฐานเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน พิสูจน์ได้ว่ามีความแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญในหลายๆปัจจัยเสี่ยง อาทิ ไข้หวัดนก คลื่นยักษ์สึนามิ โรคซาร์ส แต่ก็มีตัวเลขที่บ่งชี้ให้เห็นว่าผ่านพ้นวิกฤติร้ายๆมาได้แล้ว แล้วทำไมเราจึงจะไม่มั่นใจในเศรษฐกิจไทย สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะบั่นทอนความมั่นใจคือ ความไม่ เชื่อใจกัน ตนในฐานะตัวแทนรัฐบาล ขอให้คนไทยเชื่อใจกันว่ารัฐบาลจะดูแลเศรษฐกิจได้อย่างดีที่สุด ขณะนี้ปัจจัยที่เป็นข้อกังวลต่อการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจมีเพียงราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นผลกระทบที่ได้รับกันทั่วโลก ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะช่วยจัดระบบสิ่งแวดล้อมโลกใหม่ ว่าปัจจัยนี้มันจะอยู่กับเราและจะอยู่ต่อไป ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละประเทศจะจัดการอย่างไร รัฐและเอกชนจะต้องช่วยกันดำเนินนโยบายพลังงาน ซึ่งจะต้องชัดเจน ไม่ใช่เพียงการประหยัด แต่ต้องเป็นการปรับพฤติกรรมการบริโภคการใช้พลังงานให้ลดลง
ขอเพียงแค่ให้คนไทยเชื่อใจในคนทำงานซึ่งก็หมายถึงรัฐบาล แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ถ้าขาดความเชื่อใจกัน จะคิดทำอะไรก็จบ เพราะขาดพลังแล้วประเทศจะเดิน ไปข้างหน้าอย่างไร หากข่าวการทุจริตคอรัปชันจะมีส่วนให้ขาดความเชื่อมั่น ขอให้มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะทำให้สิ่งที่ไม่ดีงาม เกิดขึ้นได้ยากขึ้น และทำให้การคอรัปชันลดลง ขณะที่สื่อก็ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการฉายไฟตรวจสอบ
นายสมคิดกล่าวว่า ใน 3-4 ปีข้างหน้านี้ มั่นใจว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของ ภูมิภาคอาเซียน ทั้งการลงทุนโดยตรง FDI (FOREIGN DIRECT INVESTMENT) และพอร์ตการลงทุนในตลาดทุน โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจะไม่มีประเทศใด ในอาเซียนมาแข่งขันกับไทยได้ เพราะการเมืองไทยมีเสถียรภาพ มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน ขณะที่มีทุนสำรองหนา แน่นถึง 48,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีหนี้ต่างประเทศ ต่ำ ขณะที่การใช้จ่ายภายในประเทศและการลงทุนดีขึ้น เห็นได้จากการส่งออก 6 เดือนแรกยังไปได้ดี และเดือน ส.ค.จะขยายตัวสูงกว่า 30%
กลยุทธ์การต่อสู้กับราคาน้ำมันที่จะต้องทำคือ การผลักดันตัวเลขการส่งออก เพื่อชดเชยกับตัวเลขนำเข้าน้ำมัน ส่วนเงินเฟ้อที่สูงถึง 5.6% ในรอบ 7 ปี ขอยืนยันว่าจะดูแลให้ดีที่สุด
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า 3 สถาบันเอกชน ได้ให้คะแนนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย 7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน เพราะจะต้องดูที่ตัวบุคคลและฝีมือ ของผู้ที่รัฐบาลวางตัวให้มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในกรณีของโครงการเมกะโปรเจกต์ ที่จะมีการเปลี่ยนแปลง เห็นด้วยอย่างมาก เพราะหากโครงการใดไม่คุ้มค่าให้ชะลอไว้ก่อน ประเด็นที่เป็นห่วงและ ต้องปรับปรุงสำหรับไทย คือ ความซื่อสัตย์ สุจริต ที่ภาพพจน์ของคนไทยในสายตา ที่ทั่วโลกมองเป็นคนโกงเก่ง และต้องปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงคุณภาพของคนโดยเอาเรื่องการเมืองวางไว้ก่อน แล้วหันมาปรับระบบการศึกษาที่ล้มเหลว และปัญหาเร่งด่วนที่สุด คือ น้ำมันที่ต้องหาแหล่งทดแทนและทุกคนต้องประหยัด
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจขณะนี้ไม่เลวร้ายมาก เมื่อเทียบกับช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ส่วนประเด็นของความเชื่อใจ ก็ต้องกล่าวถึงการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ ว่าจะมีการคอรัปชันหรือไม่ และเป็นเรื่องระยะยาวที่จะไม่เห็นผลใน 4 ปีนี้ อีกทั้งต้องเป็นหนี้สินอยู่ ซึ่งรัฐบาลอาจไม่ทำก็ได้ แต่จะกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของต่างประเทศ เพราะถือเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ต้องแยกความเชื่อมั่นและความเชื่อใจ ออกจากกัน เพราะความเชื่อมั่นมีดัชนีชี้วัด โดยภาคอุตสาหกรรมมีดัชนีความเชื่อมั่น 80% ขณะที่การส่งออกภาคอุตสาหกรรมปีนี้จะขยายตัว 15% ขณะนี้ต่างประเทศมองไทย ค่อนข้างน่าลงทุน และจากการติดตามสภาวการณ์ขาดดุลการค้าของประเทศ พบว่าส่วนใหญ่ เกิดจากการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบ แสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมพร้อม ขยายตัวต่อเนื่อง
ที่มา: สภาหอการค้าไทย www.thaiechamber.com
-ดท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ