นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า จากที่ได้เกิดอุบัติเหตุรายใหญ่ 2 ราย ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดขอนแก่น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นั้น
อุบัติเหตุรายแรก เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2550 เวลา 10.10 น. รถโดยสารพาคณะอาจารย์จากจังหวัดจันทบุรีเดินทางไปท่องเที่ยว ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บ 29 ราย จากการตรวจสอบพบว่า รถคันที่เกิดอุบัติเหตุหมายเลขทะเบียน 30-0963 พระนครศรีอยุธยา ได้ทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.) และการประกันภัยภาคสมัครใจประเภท 3 ไว้กับบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด(มหาชน) และการประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางกับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด ผู้ประสบภัยและทายาทผู้เสียชีวิตจะสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ดังนี้
1.1 ทายาทของผู้เสียชีวิต จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยตาม พ.ร.บ รายละ100,000 บาท และจากการประกันภัยประเภท 3 ในส่วนของความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลรายละ 100,000 บาท การประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางรายละ 100,000 บาท และในส่วนของความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามความเหมาะสมหรือตามฐานานุรูปรายละไม่เกิน 1,000,000 บาท (โดยจะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละไม่น้อยกว่า 100,000 บาท)
1.2 ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ สามารถเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงและค่าอนามัยตามความเหมาะสม จากการประกันภัยตาม พ.ร.บ รายละไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนเกินสามารถเรียกร้องจากการประกันภัยประเภท 3 ในส่วนของความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้ายการประกันภัย ค่ารักษาพยาบาลรายละไม่เกิน 100,000 บาท การประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางรายละไม่เกิน 10,000 บาท และในส่วนของความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกรายละไม่เกิน 1,000,000 บาท ยกเว้นผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายประมาทสามารถเรียกร้องได้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้นจากการประกันภัยตามพ.ร.บ. เป็นค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท ส่วนเกินสามารถเรียกร้องจากการประกันภัยประเภท 3 ในส่วนของความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้ายการประกันภัยค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100,000 บาท และการประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางไม่เกิน 10,000 บาท
อุบัติเหตุรายที่ 2 เกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2550 เวลา 23.00 น. รถโดยสารเฉี่ยวชนกับรถกระบะบนถนนมิตรภาพ บ้านหนองแวง ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย จากการตรวจสอบพบว่า รถโดยสารหมายเลขทะเบียน 10-3308 อุดรธานี ได้ทำประกันภัยตาม พ.ร.บ. และการประกันภัยภาคสมัครใจประเภท 3 ไว้กับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) ส่วนรถกระบะหมายเลขทะเบียน บง-7827 ขอนแก่น ได้ทำประกันภัยตาม พ.ร.บ. กับบริษัท ส่งเสริมประกันภัย จำกัด เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาท บริษัทประกันภัยทั้ง 2 บริษัท จะดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามหลักสำรองจ่าย กล่าวคือ
2.1 ผู้ที่อยู่ในรถโดยสาร จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัท ทิพยประกันภัยฯ โดยทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับจากการประกันภัยตาม พ.ร.บ รายละ100,000 บาท และจากการประกันภัยประเภท 3 ในส่วนของความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้ายการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลรายละ 100,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสามารถเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง จากการประกันภัยตาม พ.ร.บ รายละไม่เกิน 50,000 บาท (ยกเว้นผู้ขับขี่จะได้รับเพียงค่าเสียหายเบื้องต้นจำนวน 15,000 บาท) ส่วนเกินสามารถเรียกร้องจากการประกันภัยประเภท 3 ในส่วนของความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้ายการประกันภัยค่ารักษาพยาบาล รายละไม่เกิน 50,000 บาท
2.2 ผู้ที่อยู่ในรถกระบะ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัท ส่งเสริมประกันภัยฯ โดยทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับจากการประกันภัยตาม พ.ร.บ. รายละ 100,000 บาท ยกเว้นทายาทของผู้ขับขี่สามารถเรียกร้องได้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่าปลงศพ จำนวน 35,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการสอบสวน หากต่อมาสรุปว่ารถโดยสารเป็นฝ่ายประมาท ทายาทของผู้เสียชีวิตสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยประเภท 3 ในส่วนของความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามความเหมาะสมหรือตามฐานานุรูปอีกรายละไม่เกิน 200,000 บาท
นางจันทราฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากถึงผู้ขับขี่รถทุกท่าน ก่อนออกเดินทางควรเตรียมสภาพร่างกายและสภาพรถให้พร้อม ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม กรมการประกันภัยพร้อมที่จะประสานอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยแก่ผู้ประสบภัยทุกคนอย่างเต็มที่ หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 กลุ่มคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต และสำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกจังหวัด
ที่มา: http://www.doi.go.th