(26 สค. 50)นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงการที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ เตรียมปรึกษากับ กกต. ถึงการกำหนดการเลือกตั้งที่ชัดเจนในสัปดาห์หน้าว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนให้หลังการปรึกษาหารือดังกล่าว สามารถศึกษาดูรายละเอียดทั้งในทางเทคนิคและข้อกฎหมาย ทั้งของ กกต. และส่วนของรัฐบาลได้ลงตัว เมื่อการปรึกษาหารือลงตัวแล้วรัฐบาลและ กกต. น่าจะสามารถประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนออกมาได้
สำหรับการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนนั้น นายองอาจกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เรียกร้องเพื่อรีบกระโดดเข้าสู่สนามการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่การประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนนั้นเป็นการส่งสัญญาณให้นานาอารยประเทศได้มองเห็นความชัดเจนทางการเมืองในประเทศไทย ดังนั้นการเรียกร้องดังกล่าวจึงไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือเพื่อประโยชน์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด แต่เป็นการเรียกร้องเพื่อสร้างความชัดเจนเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง
ส่วนในเรื่องการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งปลายปีนี้ นายองอาจกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการ 2 ส่วน คือ 1. การกำหนดวาระประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นจากความต้องการ และความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ของประชาชนทั่วประเทศผ่านกระบวนการทางวิชาการ ผ่านบรรยากาศการทำสมัชชาประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นจากการทำสมัชชาประชาชน จากการรับฟังความคิดเห็น และจากการศึกษาทางวิชาการดังกล่าว จึงได้ออกมาเป็นวาระประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะบริหารประเทศต่อไปในอนาคต 2. การสรรหาบุคลากรทางการเมืองเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ขณะนี้พรรคฯ มีอดีตส.ส.ของพรรคอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง และถือว่าเป็นตัวยืนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งตามเขตเลือกตั้งที่ได้ถูกแบ่งใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จากเขตละ 1 คนเป็นเขตละ 3 คน ขณะเดียวกันพรรคฯ ได้ทำการสรรหาผู้มีความสนใจทางการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่พร้อมอุทิศตัวทำงานทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แม้อาจจะไม่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับชาติมากนัก แต่บุคคลเหล่านี้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในสายงานวิชาชีพนั้น เช่นเป็นนักธุรกิจที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักธุรกิจ หรือเป็นนักวิชาการที่ยอมรับในแวดวงวิชาการ เป็นต้น
“บุคลากรทางการเมืองที่กำลังดำเนินการนี้ ที่จะเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อว่าเป็นบุคลากรคุณภาพเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นบุคลากรที่มุ่งหวังเข้ามาทำการเมืองเพียงเป็นทางผ่าน หรือใช้การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือที่จะเข้ามาแสวงหาประโยชน์ แสวงหาอำนาจเหมือนการเมืองในอดีตช่วง 5 — 6 ปีที่ผ่านมา” นายองอาจกล่าวในที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ส.ค. 2550--จบ--
สำหรับการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนนั้น นายองอาจกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เรียกร้องเพื่อรีบกระโดดเข้าสู่สนามการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่การประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนนั้นเป็นการส่งสัญญาณให้นานาอารยประเทศได้มองเห็นความชัดเจนทางการเมืองในประเทศไทย ดังนั้นการเรียกร้องดังกล่าวจึงไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือเพื่อประโยชน์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด แต่เป็นการเรียกร้องเพื่อสร้างความชัดเจนเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง
ส่วนในเรื่องการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งปลายปีนี้ นายองอาจกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการ 2 ส่วน คือ 1. การกำหนดวาระประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นจากความต้องการ และความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ของประชาชนทั่วประเทศผ่านกระบวนการทางวิชาการ ผ่านบรรยากาศการทำสมัชชาประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นจากการทำสมัชชาประชาชน จากการรับฟังความคิดเห็น และจากการศึกษาทางวิชาการดังกล่าว จึงได้ออกมาเป็นวาระประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะบริหารประเทศต่อไปในอนาคต 2. การสรรหาบุคลากรทางการเมืองเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ขณะนี้พรรคฯ มีอดีตส.ส.ของพรรคอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง และถือว่าเป็นตัวยืนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งตามเขตเลือกตั้งที่ได้ถูกแบ่งใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จากเขตละ 1 คนเป็นเขตละ 3 คน ขณะเดียวกันพรรคฯ ได้ทำการสรรหาผู้มีความสนใจทางการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่พร้อมอุทิศตัวทำงานทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แม้อาจจะไม่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับชาติมากนัก แต่บุคคลเหล่านี้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในสายงานวิชาชีพนั้น เช่นเป็นนักธุรกิจที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักธุรกิจ หรือเป็นนักวิชาการที่ยอมรับในแวดวงวิชาการ เป็นต้น
“บุคลากรทางการเมืองที่กำลังดำเนินการนี้ ที่จะเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อว่าเป็นบุคลากรคุณภาพเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นบุคลากรที่มุ่งหวังเข้ามาทำการเมืองเพียงเป็นทางผ่าน หรือใช้การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือที่จะเข้ามาแสวงหาประโยชน์ แสวงหาอำนาจเหมือนการเมืองในอดีตช่วง 5 — 6 ปีที่ผ่านมา” นายองอาจกล่าวในที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ส.ค. 2550--จบ--