'สุเทพ' ย้ำ พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนทางการเมืองให้ประชาชนรับทราบชัดเจนแล้วว่าอุดมการณ์ทางการเมือง และแนวความคิดทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณมาตลอด เพราะเราเห็นว่าระบอบทักษิณ ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และไม่ได้ปกครองบ้านเมืองโดยหลักนิติธรรม ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวก เป็นต้นเหตุให้เกิดการทุจริต คอรัปชั่นมโหฬาร
วันนี้(30 ส.ค.50)นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคชาติไทยประกาศสลายขั้วทางการเมือง เพื่อความสมานฉันท์ว่าเป็นสิทธิของพรรคชาติไทยที่จะแสดงจุดยืน เป้าหมายในทางการเมืองของตัวเองได้ พรรคชาติไทยก็จะมีธรรมชาติในการคิดอ่านทางการเมืองในลักษณะอย่างนั้นก็เป็นเรื่องปกติ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้บอกจุดยืนทางการเมืองให้ประชาชนรับทราบชัดเจนแล้วว่าอุดมการณ์ทางการเมือง และแนวความคิดทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณมาตลอด เพราะเราเห็นว่าระบอบทักษิณ ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และไม่ได้ปกครองบ้านเมืองโดยหลักนิติธรรม ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวก เป็นต้นเหตุให้เกิดการทุจริต คอรัปชั่นมโหฬาร รวมทั้งเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระและ สื่อมวลชน รวมถึงปิดกั้นการตรวจสอบของส.ว.และส.ส. จนทำให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจมากเกินไป เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นเผด็จการรัฐสภา เป็นต้น ดังนั้น การพรรคจึงไม่สามารถยอมรับระบบทักษิณได้ ซึ่งเราได้ประกาศต่อต้านระบอบนี้มาโดยตลอด
“การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ หากมีกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองใด มาสืบทอดเจตนารมณ์ของระบอบทักษิณ อย่างที่ประกาศกันไว้ก็เป็นที่ชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถจะร่วมงานด้วยได้ และจะมาบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่ยอมสมานฉันท์ก็คงไม่ได้ เพราะการสมานฉันท์ต้องทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน เป็นการธำรงไว้เพื่อระบอบประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ แต่การร่วมมือกัน เพียงเพื่อให้ได้อำนาจ โดยไม่คำนึงถึงจุดยืนทางการเมือง เราคงทำไม่ได้” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีทางการเมืองขณะนี้ไม่จำเป็นแล้วใช่หรือไม่ ที่พรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย มหาชน ต้องมาคุยกันก่อน เมื่อท่าทีของพรรคชาติออกมาประกาศชัดเช่นนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า การเมืองเราก็ต้องคุยกันอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าพรรคชาติไทยจะประกาศเช่นนั้น ถ้าพรรคชาติประสงค์ที่จะพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์อยู่ เราก็เป็นพันธมิตรกันมาก่อนสามารถพูดคุยกันได้ตลอดเวลาไม่มีปัญหา ตนไม่คิดว่าจะมีอะไรเป็นอุปสรรคในการพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ผิดหวังกับบทบาทล่าสุดของพรรคชาติไทย หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่รู้สึกผิดหวังอะไร เป็นเรื่องธรรมดา ภายในของแต่ละพรรค ซึ่งสามารถที่จะคิดอ่านทางการเมืองได้ เพราะคนตัดสินคือประชาชน แต่สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศเช่นนี้ ส่วนพรรคการเมืองอื่นประกาศอีกอย่างหนึ่ง แล้วประชาชนคิดอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่พรรคชาติไทย เสนอว่าอย่าไปตั้งขั้วการเมือง เพราะจะเกิดการเผชิญหน้าที่รุนแรงในทางการเมือง นายสุเทพ กล่าวว่า การพูดให้ฟังดูสวยงาม บางทีอาจจะถูกมองว่าเป็นการเสแสร้งทางการเมือง คนที่เป็นนักการเมืองต้องมีเป้าหมาย และจุดยืนที่ชัดเจน พรรคการเมืองก็เช่นเดียวกัน มีหน้าที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่อ้างเอาแต่ชื่อประชาธิปไตย แต่เนื้อในเป็นอย่างอื่นอย่างนี้ไม่ใช่พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนต้องแน่วแน่ จะเอาของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง มาเป็นตัวตั้ง เพื่อทำงานการเมือง และรักษาผลประโยชน์ของคนกลุ่มนั้น อย่างนี้ถือว่า ไม่ใช่พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น ถ้าใครจะอ้างว่า การที่ประกาศตัวไม่เอาด้วยกับระบอบทักษิณ ไม่รักษาผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะทำให้ เกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองรุนแรงขึ้น ตนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ดูเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ กำลังถูกโดดเดียวหรือไม่ เพราะเหลือพรรคมหาชนเพียงพรรคเดียวเท่านั้น ที่ประกาศจุดยืนตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น ในที่สุด ตนเชื่อว่า กลุ่มการเมืองพรรคการเมือง ที่มีแนวความคิดแบบพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องมีอยู่ ทั้งนี้ คงต้องดูท่าทีของกลุ่มที่แตกออกมาจากพรรคไทยรักไทยเก่าก่อน ถ้าเขาไม่ได้ประกาศหรือไม่ได้แสดงออกมา ว่าต้องการสืบทอดแนวความคิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็สามารถร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้บางกลุ่มอาจจะยังไม่ประกาศว่าสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ประกาศว่าจะไม่ประกาศว่าจะไม่ร่วมงานกับคนที่ชัดเจน ว่าจะสืบทอดระบอบทักษิณ นายสุเทพ กล่าวว่า เราก็ต้องช่วยกันดู ตนเชื่อว่า ในการเลือกตั้งดุลพินิจของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ และปัจจัยที่จะทำให้ประชาชน สามารถใช้ดุลพินิจตัดสินใจเลือกตั้งในครั้งนี้ คือ เอาทักษิณหรือไม่เอา ดีหรือไม่ดี ดังนั้น เชื่อว่าถ้าใครจะพยายามพูดจาอย่างไร แต่ความรู้สึกของประชาชนชัดเจนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองแนวโน้มการเมืองหลังจากกลุ่มการเมืองต่างๆ จับขั้วกันสำเร็จอย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่า ถ้าเขาจับขั้วกันได้ก็ทำให้การทำงานทางการเมือง สอดประสานกันดี และท่าเขามีแนวคิดอย่างเดียวกัน คือไม่เอาระบอบทักษิณ เขาก็สามารถที่จะประกาศตัวเป็นแนวร่วมในการเมืองกันได้ ประชาชนก็จะได้เลือกง่ายขึ้น ที่ตนกลัว คือ พวกที่ซ่อนเร้น ไม่จัดเจน นี่น่ากลัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าพรรคการเมืองควรประกาศความชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้เลือกง่ายขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ประชาชนจะได้รู้ ตกลงจะเอาอย่างไง เขาจะเลือกใคร จะเลือกคนที่ยึดประโยชน์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือ คนที่ยึดแนวทางประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้น ในการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ที่ผ่านมา ที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรับมนตรี เราก็เห็นกันอยู่ทั้งประเทศจนกระทั้งศาลปกครอง และศาลฏีกา มีคำพิพากษาออกมาว่าการเลือกตั้งนั้นไม่สุจริตเที่ยงธรรม ดังนั้น วันนี้รัฐบาลพล.องสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการสืบทอดอำนาจและก็ไม่คิดที่จะเป็นนักการเมือง รวมถึง ตั้งพรรคการเมืองอีกด้วย ทั้งที่ เป็นผู้กุมกลไกของราชการทั้งหมด ตนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้ และหน่วยราชการ น่าจะช่วยดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรมได้ คงไม่เอาอำนาจที่ตนเองมีอยู่ไปเข้าข้างใคร โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้มีพล.ต.อ. เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวช รักษาการ ผบ.ตร. ที่ทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง กับการจับกุมผู้กรทำผิดการเลือกตั้ง หลายคนคงจำเหตุการณ์ทุจริตที่ จ.บุรีรัมย์กันได้ ที่มีการจับคนนำแบงค์ร้อยกับยี่สิบ เย็บติดกันนำไปแจก ซื้อเสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาการอ่อนประสบการณ์ของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จะทำให้รับมือ นักการเมืองได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเห็นใจกกต.ชุดนี้ มีชีวิตความเป็นมาที่อยู่กับกฎเกณฑ์ กติกา และความถูกต้องที่เป็นบรรทัดฐานทั่วไป แต่วันนี้มาเจอนักการเมือง พรรคการเมือง ที่มีสารพัดวิธีการ กกต.ก็คงทำงานลำบาก ทั้งนี้ หาก กกต.มีความตั้งใจจริง ขณะเดียวกัน ถ้ารัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานราชการเข้ามาช่วยเหลือ จะทำให้ กกต. ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 ส.ค. 2550--จบ--
วันนี้(30 ส.ค.50)นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคชาติไทยประกาศสลายขั้วทางการเมือง เพื่อความสมานฉันท์ว่าเป็นสิทธิของพรรคชาติไทยที่จะแสดงจุดยืน เป้าหมายในทางการเมืองของตัวเองได้ พรรคชาติไทยก็จะมีธรรมชาติในการคิดอ่านทางการเมืองในลักษณะอย่างนั้นก็เป็นเรื่องปกติ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้บอกจุดยืนทางการเมืองให้ประชาชนรับทราบชัดเจนแล้วว่าอุดมการณ์ทางการเมือง และแนวความคิดทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณมาตลอด เพราะเราเห็นว่าระบอบทักษิณ ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และไม่ได้ปกครองบ้านเมืองโดยหลักนิติธรรม ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวก เป็นต้นเหตุให้เกิดการทุจริต คอรัปชั่นมโหฬาร รวมทั้งเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระและ สื่อมวลชน รวมถึงปิดกั้นการตรวจสอบของส.ว.และส.ส. จนทำให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจมากเกินไป เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นเผด็จการรัฐสภา เป็นต้น ดังนั้น การพรรคจึงไม่สามารถยอมรับระบบทักษิณได้ ซึ่งเราได้ประกาศต่อต้านระบอบนี้มาโดยตลอด
“การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ หากมีกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองใด มาสืบทอดเจตนารมณ์ของระบอบทักษิณ อย่างที่ประกาศกันไว้ก็เป็นที่ชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถจะร่วมงานด้วยได้ และจะมาบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่ยอมสมานฉันท์ก็คงไม่ได้ เพราะการสมานฉันท์ต้องทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน เป็นการธำรงไว้เพื่อระบอบประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ แต่การร่วมมือกัน เพียงเพื่อให้ได้อำนาจ โดยไม่คำนึงถึงจุดยืนทางการเมือง เราคงทำไม่ได้” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีทางการเมืองขณะนี้ไม่จำเป็นแล้วใช่หรือไม่ ที่พรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย มหาชน ต้องมาคุยกันก่อน เมื่อท่าทีของพรรคชาติออกมาประกาศชัดเช่นนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า การเมืองเราก็ต้องคุยกันอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าพรรคชาติไทยจะประกาศเช่นนั้น ถ้าพรรคชาติประสงค์ที่จะพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์อยู่ เราก็เป็นพันธมิตรกันมาก่อนสามารถพูดคุยกันได้ตลอดเวลาไม่มีปัญหา ตนไม่คิดว่าจะมีอะไรเป็นอุปสรรคในการพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ผิดหวังกับบทบาทล่าสุดของพรรคชาติไทย หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่รู้สึกผิดหวังอะไร เป็นเรื่องธรรมดา ภายในของแต่ละพรรค ซึ่งสามารถที่จะคิดอ่านทางการเมืองได้ เพราะคนตัดสินคือประชาชน แต่สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศเช่นนี้ ส่วนพรรคการเมืองอื่นประกาศอีกอย่างหนึ่ง แล้วประชาชนคิดอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่พรรคชาติไทย เสนอว่าอย่าไปตั้งขั้วการเมือง เพราะจะเกิดการเผชิญหน้าที่รุนแรงในทางการเมือง นายสุเทพ กล่าวว่า การพูดให้ฟังดูสวยงาม บางทีอาจจะถูกมองว่าเป็นการเสแสร้งทางการเมือง คนที่เป็นนักการเมืองต้องมีเป้าหมาย และจุดยืนที่ชัดเจน พรรคการเมืองก็เช่นเดียวกัน มีหน้าที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่อ้างเอาแต่ชื่อประชาธิปไตย แต่เนื้อในเป็นอย่างอื่นอย่างนี้ไม่ใช่พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนต้องแน่วแน่ จะเอาของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง มาเป็นตัวตั้ง เพื่อทำงานการเมือง และรักษาผลประโยชน์ของคนกลุ่มนั้น อย่างนี้ถือว่า ไม่ใช่พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น ถ้าใครจะอ้างว่า การที่ประกาศตัวไม่เอาด้วยกับระบอบทักษิณ ไม่รักษาผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะทำให้ เกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองรุนแรงขึ้น ตนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ดูเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ กำลังถูกโดดเดียวหรือไม่ เพราะเหลือพรรคมหาชนเพียงพรรคเดียวเท่านั้น ที่ประกาศจุดยืนตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น ในที่สุด ตนเชื่อว่า กลุ่มการเมืองพรรคการเมือง ที่มีแนวความคิดแบบพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องมีอยู่ ทั้งนี้ คงต้องดูท่าทีของกลุ่มที่แตกออกมาจากพรรคไทยรักไทยเก่าก่อน ถ้าเขาไม่ได้ประกาศหรือไม่ได้แสดงออกมา ว่าต้องการสืบทอดแนวความคิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็สามารถร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้บางกลุ่มอาจจะยังไม่ประกาศว่าสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ประกาศว่าจะไม่ประกาศว่าจะไม่ร่วมงานกับคนที่ชัดเจน ว่าจะสืบทอดระบอบทักษิณ นายสุเทพ กล่าวว่า เราก็ต้องช่วยกันดู ตนเชื่อว่า ในการเลือกตั้งดุลพินิจของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ และปัจจัยที่จะทำให้ประชาชน สามารถใช้ดุลพินิจตัดสินใจเลือกตั้งในครั้งนี้ คือ เอาทักษิณหรือไม่เอา ดีหรือไม่ดี ดังนั้น เชื่อว่าถ้าใครจะพยายามพูดจาอย่างไร แต่ความรู้สึกของประชาชนชัดเจนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองแนวโน้มการเมืองหลังจากกลุ่มการเมืองต่างๆ จับขั้วกันสำเร็จอย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่า ถ้าเขาจับขั้วกันได้ก็ทำให้การทำงานทางการเมือง สอดประสานกันดี และท่าเขามีแนวคิดอย่างเดียวกัน คือไม่เอาระบอบทักษิณ เขาก็สามารถที่จะประกาศตัวเป็นแนวร่วมในการเมืองกันได้ ประชาชนก็จะได้เลือกง่ายขึ้น ที่ตนกลัว คือ พวกที่ซ่อนเร้น ไม่จัดเจน นี่น่ากลัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าพรรคการเมืองควรประกาศความชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้เลือกง่ายขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ประชาชนจะได้รู้ ตกลงจะเอาอย่างไง เขาจะเลือกใคร จะเลือกคนที่ยึดประโยชน์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือ คนที่ยึดแนวทางประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้น ในการเลือกตั้ง 2 ครั้ง ที่ผ่านมา ที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรับมนตรี เราก็เห็นกันอยู่ทั้งประเทศจนกระทั้งศาลปกครอง และศาลฏีกา มีคำพิพากษาออกมาว่าการเลือกตั้งนั้นไม่สุจริตเที่ยงธรรม ดังนั้น วันนี้รัฐบาลพล.องสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการสืบทอดอำนาจและก็ไม่คิดที่จะเป็นนักการเมือง รวมถึง ตั้งพรรคการเมืองอีกด้วย ทั้งที่ เป็นผู้กุมกลไกของราชการทั้งหมด ตนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้ และหน่วยราชการ น่าจะช่วยดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรมได้ คงไม่เอาอำนาจที่ตนเองมีอยู่ไปเข้าข้างใคร โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้มีพล.ต.อ. เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวช รักษาการ ผบ.ตร. ที่ทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง กับการจับกุมผู้กรทำผิดการเลือกตั้ง หลายคนคงจำเหตุการณ์ทุจริตที่ จ.บุรีรัมย์กันได้ ที่มีการจับคนนำแบงค์ร้อยกับยี่สิบ เย็บติดกันนำไปแจก ซื้อเสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาการอ่อนประสบการณ์ของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จะทำให้รับมือ นักการเมืองได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเห็นใจกกต.ชุดนี้ มีชีวิตความเป็นมาที่อยู่กับกฎเกณฑ์ กติกา และความถูกต้องที่เป็นบรรทัดฐานทั่วไป แต่วันนี้มาเจอนักการเมือง พรรคการเมือง ที่มีสารพัดวิธีการ กกต.ก็คงทำงานลำบาก ทั้งนี้ หาก กกต.มีความตั้งใจจริง ขณะเดียวกัน ถ้ารัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานราชการเข้ามาช่วยเหลือ จะทำให้ กกต. ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 ส.ค. 2550--จบ--