นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยฐานะการคลังเบื้องต้นตามระบบ สศค. (ระบบ Government Finance Statistics: GFS) ในไตรมาสที่ 3 (เมษายน — มิถุนายน 2550) และในช่วง 9 เดือนแรก (ตุลาคม 2549 - มิถุนายน 2550) ของปีงบประมาณ 2550 สรุปได้ว่า แม้ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะเร่งตัวขึ้นมาก ในไตรมาสที่ 3 แต่รัฐบาลมีรายได้ที่สำคัญบางประเภทเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดุลการคลังของรัฐบาลตามระบบ สศค. ในไตรมาสที่ 3 เกินดุลทั้งสิ้น 81,886 ล้านบาท แต่เกินดุลลดลง จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 65,791 ล้านบาท (ร้อยละ 44.6) ในขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบ สศค. ขาดดุลไปแล้วทั้งสิ้น 41,810 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 31,662 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่านโยบายการคลังได้มีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการคลังของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายแบบขาดดุลจำนวน 146,200 ล้านบาท โดยรายละเอียดของฐานะการคลังตามระบบ สศค. มีดังนี้
1. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. ไตรมาสที่ 3 (เมษายน — มิถุนายน 2550)
- รัฐบาลมีรายได้รวม 463,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.9 ในขณะที่รัฐบาลมีรายจ่ายทั้งสิ้น 429,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 34.0
- ผลจากการที่รายได้รัฐบาลสูงกว่ารายจ่ายส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในไตรมาสที่ 3 เกินดุล 34,461 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 117,776 ล้านบาท
- รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศประกอบด้วย Project Loans และ Structural Adjustment Loans มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,024 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,613 ล้านบาท เบิกจ่ายลดลง 589 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.5
- ดุลบัญชีนอกงบประมาณ (ประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) ในช่วงไตรมาสที่ 3 เกินดุล 48,449 ล้านบาท เกินดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่เกินดุล 31,514 ล้านบาท
- เมื่อรวมการเกินดุลเงินงบประมาณและการเกินดุลบัญชีนอกงบประมาณ โดยหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 1,024 ล้านบาทออกแล้ว ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลเกินดุลทั้งสิ้น 81,886 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP ) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 147,677ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.9 ของ GDP)
- ดุลการการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2550 เกินดุลทั้งสิ้น 98,536 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของ GDP) ในขณะเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 166,912 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 2.1 ของ GDP)
2. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. 9 เดือนแรก (ตุลาคม 2549 — มิถุนายน 2550)
- รัฐบาลมีรายได้ทั้งสิ้น 1,080,550 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 12.9 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.6 โดยรายได้ที่มีอัตราการจัดเก็บเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีสุรา ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเครื่องดื่ม นอกจากนั้นการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ก็สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามาก
- ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 เม็ดเงินรัฐบาลอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 1,149,997 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 13.7 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.5
- ดุลเงินงบประมาณในช่วง 9 เดือนแรกขาดดุล 69,447 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 17,621 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP)
- รายจ่ายจากเงินกู้ต่างประเทศมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,682 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 4,807 ล้านบาท เบิกจ่ายลดลง 3,125 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 65.0
- ดุลบัญชีนอกงบประมาณในช่วง 9 เดือนแรกเกินดุล 29,319 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของ GDP) ลดลงจากปีที่แล้วที่เกินดุล 54,090 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของ GDP) การเกินดุลของกองทุนนอกงบประมาณที่ลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้ของกองทุนขยายตัวตามปกติ ในขณะที่รายจ่ายดำเนินงานของกองทุนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกองทุนที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ได้แก่ กองทุนประกันสังคมโดยส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายค่าบริหารสำนักงานและค่าประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนมาขอใช้สิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
- การขาดดุลเงินงบประมาณและการเกินดุลบัญชีนอกงบประมาณ เมื่อหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 1,682 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 41,810 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 31,662 ล้านบาท (คิดเป็น ร้อยละ 0.4 ของ GDP)
- ดุลการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ในระยะ 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 เกินดุลทั้งสิ้น 24,419 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของ GDP) ในขณะเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 96,065 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของ GDP)
สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3558
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 67/2550 27 กรกฎาคม 50--
1. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. ไตรมาสที่ 3 (เมษายน — มิถุนายน 2550)
- รัฐบาลมีรายได้รวม 463,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.9 ในขณะที่รัฐบาลมีรายจ่ายทั้งสิ้น 429,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 34.0
- ผลจากการที่รายได้รัฐบาลสูงกว่ารายจ่ายส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในไตรมาสที่ 3 เกินดุล 34,461 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 117,776 ล้านบาท
- รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศประกอบด้วย Project Loans และ Structural Adjustment Loans มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,024 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,613 ล้านบาท เบิกจ่ายลดลง 589 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36.5
- ดุลบัญชีนอกงบประมาณ (ประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) ในช่วงไตรมาสที่ 3 เกินดุล 48,449 ล้านบาท เกินดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่เกินดุล 31,514 ล้านบาท
- เมื่อรวมการเกินดุลเงินงบประมาณและการเกินดุลบัญชีนอกงบประมาณ โดยหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 1,024 ล้านบาทออกแล้ว ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลเกินดุลทั้งสิ้น 81,886 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP ) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 147,677ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.9 ของ GDP)
- ดุลการการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2550 เกินดุลทั้งสิ้น 98,536 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของ GDP) ในขณะเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 166,912 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 2.1 ของ GDP)
2. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. 9 เดือนแรก (ตุลาคม 2549 — มิถุนายน 2550)
- รัฐบาลมีรายได้ทั้งสิ้น 1,080,550 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 12.9 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.6 โดยรายได้ที่มีอัตราการจัดเก็บเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีสุรา ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเครื่องดื่ม นอกจากนั้นการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 ก็สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามาก
- ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 เม็ดเงินรัฐบาลอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 1,149,997 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 13.7 ของ GDP) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 11.5
- ดุลเงินงบประมาณในช่วง 9 เดือนแรกขาดดุล 69,447 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 17,621 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของ GDP)
- รายจ่ายจากเงินกู้ต่างประเทศมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,682 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 4,807 ล้านบาท เบิกจ่ายลดลง 3,125 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 65.0
- ดุลบัญชีนอกงบประมาณในช่วง 9 เดือนแรกเกินดุล 29,319 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของ GDP) ลดลงจากปีที่แล้วที่เกินดุล 54,090 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของ GDP) การเกินดุลของกองทุนนอกงบประมาณที่ลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้ของกองทุนขยายตัวตามปกติ ในขณะที่รายจ่ายดำเนินงานของกองทุนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกองทุนที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ได้แก่ กองทุนประกันสังคมโดยส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายค่าบริหารสำนักงานและค่าประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนมาขอใช้สิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
- การขาดดุลเงินงบประมาณและการเกินดุลบัญชีนอกงบประมาณ เมื่อหักรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศอีกจำนวน 1,682 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลการคลังรัฐบาลขาดดุลทั้งสิ้น 41,810 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 31,662 ล้านบาท (คิดเป็น ร้อยละ 0.4 ของ GDP)
- ดุลการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ในระยะ 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 เกินดุลทั้งสิ้น 24,419 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของ GDP) ในขณะเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 96,065 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของ GDP)
สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3558
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 67/2550 27 กรกฎาคม 50--