นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะทำงานเสวนาเชิงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์แถลงที่พรรคประชาธิปัตย์วันนี้(14 ก.ค.50)ว่า การปิดตัวเองของโรงงานผลิตเสื้อผ้าในอุตสาหกรรมสิ่งทอไม่ใช่เกิดจากปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนเพราะค่าเงินบาทแข็งตัวเท่านั้นแต่สะท้อนถึงปัญหาความอ่อนแอของขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย(weakness of national competitiveness)และการพัฒนาประเทศที่ผิดทิศผิดทางในการฝากรายได้ของประเทศไว้ที่การส่งออกถึงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี.(GDP) ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการนโยบายพรรคฯ.จะพิจารณายุทธศาสตร์และนโยบายขนส่งและโลจิสติกส์ในวันจันทร์ที่ 16 ก.ค.นี้โดยเป็นแนวทางปฏิรูประบบขนส่งและโลจิสติกส์ครั้งใหญ่เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงถึง 19.17 เปอร์เซนต์ของจีดีพี. ลดการสิ้นเปลืองพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นระบบรางและการขนส่งทางน้ำควบคู่กับระบบการขนส่งหลายรูปแบบต่อเนื่อง (multi modal transportation) รวมถึงการสร้างเอกภาพด้านกำหนดนโยบายและการบริหารแผนขนส่งและโลจิสติกส์ระดับชาติเช่นการตรากฎหมายใหม่และปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคทางการขนส่งและการค้าซึ่งจะช่วยลดต้นทุนสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศ
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการพิจารณา 2 โครงการใหญ่ระดับเมกกะโปรเจ็คได้แก่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศนานาชาติที่เรียกว่าโครงการโกลบอลทรานส์ปาร์ค(Global transpark)และโครงการโกลบอลเทรดเลน(Global trade lane)โดยมีการขุดคลองเชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อสร้างพื้นที่พัฒนาใหม่บริเวณภาคใต้ตอนล่างให้เป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศโดยจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำแห่งใหม่ของโลกเชื่อว่าจะเป็นแหล่งรายใหม่ของประเทศไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 20 เปอร์เซนต์ของ จีดีพี.รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางพลังงาน (energy hub), ศูนย์กลางอุตสาหกรรมต่อเนื่องเช่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมประมง อุตสาหกรรมยางและอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ข้อเสนอยุทธศาสตร์และนโยบายขนส่งและโลจิสติกส์ของพรรคประชาธิปัตย์ดังกล่าวจะสามารถปรับโครงสร้างการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนสำหรับทศวรรษหน้าและถือเป็นอนาคตใหม่ของประเทศไทย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ค. 2550--จบ--
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการพิจารณา 2 โครงการใหญ่ระดับเมกกะโปรเจ็คได้แก่ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศนานาชาติที่เรียกว่าโครงการโกลบอลทรานส์ปาร์ค(Global transpark)และโครงการโกลบอลเทรดเลน(Global trade lane)โดยมีการขุดคลองเชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อสร้างพื้นที่พัฒนาใหม่บริเวณภาคใต้ตอนล่างให้เป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศโดยจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำแห่งใหม่ของโลกเชื่อว่าจะเป็นแหล่งรายใหม่ของประเทศไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 20 เปอร์เซนต์ของ จีดีพี.รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางพลังงาน (energy hub), ศูนย์กลางอุตสาหกรรมต่อเนื่องเช่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมประมง อุตสาหกรรมยางและอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ข้อเสนอยุทธศาสตร์และนโยบายขนส่งและโลจิสติกส์ของพรรคประชาธิปัตย์ดังกล่าวจะสามารถปรับโครงสร้างการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนสำหรับทศวรรษหน้าและถือเป็นอนาคตใหม่ของประเทศไทย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ก.ค. 2550--จบ--