กรุงเทพ--24 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-22 เมษายน 2550 ในฐานะแขกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบาห์เรน ซึ่งเป็นมิตรประเทศที่สำคัญและใกล้ชิดกับไทยที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และในโอกาสที่ปี 2550 เป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บาห์เรน 30 ปี ด้วย
ในวันที่ 21 เมษายน 2550 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเฝ้า H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al-Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ซึ่งนายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ เป็นมิ่งขวัญของประเทศและปวงชนชาวไทย และถวายพระพรแก่ราชวงศ์ทุกพระองค์ พร้อมทั้งชื่นชมว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเสาหลักของประเทศไทย ความเสียสละเป็นที่รับรู้ของโลก และเป็นที่เคารพของทั้งคนไทยและทั่วโลก
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความยินดีต่อการที่โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล UN-HABITAT Scroll of Honour (Special Citation) แด่ H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al-Khalifa
นายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้แสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยจะสามารถแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งให้กำลังใจและคำแนะนำให้อดทนแม้จะต้องใช้เวลา และต้องดำเนินการแก้ปัญหาด้วยความเข้มแข็งและความมั่นคง โดยบาห์เรนพร้อมให้การสนับสนุนทุกด้าน เพราะได้ทรงสัมผัสด้วยตัวเองในการเยือนหลายครั้งว่า ประเทศไทยให้อิสรภาพแก่ทุกศาสนาโดยเท่าเทียมกัน
นายกรัฐมนตรีบาห์เรนกล่าวว่า จะพยายามทุกอย่างที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์สองประเทศ และพร้อมสนับสนุนประเทศไทยในทุกด้าน ขอให้ไทย “นึกเสมอว่ามีเพื่อนคนหนึ่ง” (Always remember you have got a friend.)
ในวันเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าพบหารือกับ H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Al-Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน ซึ่งบาห์เรนได้ยืนยันว่าจะเปิดสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงเทพฯ ในครึ่งหลังของปีนี้ โดยจะเป็นสถานเอกอัครราชทูตบาห์เรนแห่งเดียวในภูมิภาคนี้
ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นควรให้จัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-บาห์เรน ครั้งที่ 2 (High Level Joint Commission) ที่กรุงเทพฯ พร้อมกับการเปิดสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อหารือความร่วมมือทุกด้าน อาทิ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การสาธารณสุข พลังงาน และการบิน โดยในโอกาสดังกล่าว ฝ่ายบาห์เรนจะนำนักธุรกิจไปเจรจาธุรกิจในไทยด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เล่าถึงแนวทางของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เน้นการสมานฉันท์ สันติวิธี การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม การสร้างโอกาสทางการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการใช้กระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย และมาตรการทางการปกครองและทหาร โดยแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเน้นด้านการศึกษา การจ้างงาน และการลงทุน ซึ่งจะเป็นมาตรการที่สร้างโอกาสในการแข่งขันแก่ประชากรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามแนวพระราชดำริ เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ซึ่งแนวทางดังกล่าวได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศอาหรับอื่น ๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนแสดงความเห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวทางของรัฐบาลไทย และยืนยันว่า “We always stand with you and support you until the settlement of the southern issue” และพร้อมให้การสนับสนุน ทั้งในกรอบทวิภาคี เช่น ความร่วมมือด้านการศึกษา และโอกาสทางธุรกิจแก่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะความร่วมมือในด้านการตลาดสินค้าฮาลาล และในกรอบพหุภาคี โดยเฉพาะในกรอบองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference: OIC) เพื่อทำความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ไม่ใช่ปัญหาทางศาสนา และนโยบายของรัฐบาลไทยเป็นแนวทางที่เหมาะสม ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศหารือในรายละเอียดกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาในโอกาสแรก เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษาในสาขาที่บาห์เรนถนัด เช่น ภาคการธนาคาร การบริหาร อาชีวะ และความร่วมมือด้านธุรกิจ
ในประเด็นอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจะช่วยผลักดันให้ศูนย์ Thai Business Center (TBC) ในบาห์เรนมีผลลัพธ์เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ในขณะที่บาห์เรนขอให้การบินไทยพิจารณาเปิดเส้นทางการบินไปยังบาห์เรนอีกครั้ง นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และเรื่องลู่ทางความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ด้วย
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และได้พบปะและแลกเปลี่ยนความเห็นกับชุมชนชาวไทยในบาห์เรนที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เดินทางต่อไปเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน 2550
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-22 เมษายน 2550 ในฐานะแขกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบาห์เรน ซึ่งเป็นมิตรประเทศที่สำคัญและใกล้ชิดกับไทยที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และในโอกาสที่ปี 2550 เป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บาห์เรน 30 ปี ด้วย
ในวันที่ 21 เมษายน 2550 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเฝ้า H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al-Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ซึ่งนายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ เป็นมิ่งขวัญของประเทศและปวงชนชาวไทย และถวายพระพรแก่ราชวงศ์ทุกพระองค์ พร้อมทั้งชื่นชมว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเสาหลักของประเทศไทย ความเสียสละเป็นที่รับรู้ของโลก และเป็นที่เคารพของทั้งคนไทยและทั่วโลก
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความยินดีต่อการที่โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล UN-HABITAT Scroll of Honour (Special Citation) แด่ H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al-Khalifa
นายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้แสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยจะสามารถแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งให้กำลังใจและคำแนะนำให้อดทนแม้จะต้องใช้เวลา และต้องดำเนินการแก้ปัญหาด้วยความเข้มแข็งและความมั่นคง โดยบาห์เรนพร้อมให้การสนับสนุนทุกด้าน เพราะได้ทรงสัมผัสด้วยตัวเองในการเยือนหลายครั้งว่า ประเทศไทยให้อิสรภาพแก่ทุกศาสนาโดยเท่าเทียมกัน
นายกรัฐมนตรีบาห์เรนกล่าวว่า จะพยายามทุกอย่างที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์สองประเทศ และพร้อมสนับสนุนประเทศไทยในทุกด้าน ขอให้ไทย “นึกเสมอว่ามีเพื่อนคนหนึ่ง” (Always remember you have got a friend.)
ในวันเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าพบหารือกับ H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Al-Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน ซึ่งบาห์เรนได้ยืนยันว่าจะเปิดสถานเอกอัครราชทูตที่กรุงเทพฯ ในครึ่งหลังของปีนี้ โดยจะเป็นสถานเอกอัครราชทูตบาห์เรนแห่งเดียวในภูมิภาคนี้
ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นควรให้จัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-บาห์เรน ครั้งที่ 2 (High Level Joint Commission) ที่กรุงเทพฯ พร้อมกับการเปิดสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อหารือความร่วมมือทุกด้าน อาทิ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การสาธารณสุข พลังงาน และการบิน โดยในโอกาสดังกล่าว ฝ่ายบาห์เรนจะนำนักธุรกิจไปเจรจาธุรกิจในไทยด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เล่าถึงแนวทางของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เน้นการสมานฉันท์ สันติวิธี การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม การสร้างโอกาสทางการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการใช้กระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย และมาตรการทางการปกครองและทหาร โดยแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเน้นด้านการศึกษา การจ้างงาน และการลงทุน ซึ่งจะเป็นมาตรการที่สร้างโอกาสในการแข่งขันแก่ประชากรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามแนวพระราชดำริ เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ซึ่งแนวทางดังกล่าวได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศอาหรับอื่น ๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนแสดงความเห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวทางของรัฐบาลไทย และยืนยันว่า “We always stand with you and support you until the settlement of the southern issue” และพร้อมให้การสนับสนุน ทั้งในกรอบทวิภาคี เช่น ความร่วมมือด้านการศึกษา และโอกาสทางธุรกิจแก่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะความร่วมมือในด้านการตลาดสินค้าฮาลาล และในกรอบพหุภาคี โดยเฉพาะในกรอบองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of Islamic Conference: OIC) เพื่อทำความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ไม่ใช่ปัญหาทางศาสนา และนโยบายของรัฐบาลไทยเป็นแนวทางที่เหมาะสม ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศหารือในรายละเอียดกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาในโอกาสแรก เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษาในสาขาที่บาห์เรนถนัด เช่น ภาคการธนาคาร การบริหาร อาชีวะ และความร่วมมือด้านธุรกิจ
ในประเด็นอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจะช่วยผลักดันให้ศูนย์ Thai Business Center (TBC) ในบาห์เรนมีผลลัพธ์เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ในขณะที่บาห์เรนขอให้การบินไทยพิจารณาเปิดเส้นทางการบินไปยังบาห์เรนอีกครั้ง นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และเรื่องลู่ทางความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue - ACD) ด้วย
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และได้พบปะและแลกเปลี่ยนความเห็นกับชุมชนชาวไทยในบาห์เรนที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามาด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เดินทางต่อไปเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน 2550
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-