เมื่อวันพุธที่ 10 ม.ค. 2550 นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว หนังสือพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ เข้าร่วมรับฟังและซักถามในประเด็นต่าง ๆ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศเพื่อนบ้าน
กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ณ กระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 17-19 มกราคม 2550 โดยเมื่อเช้าวันนี้ นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำเพื่อประเมินสถานะความสัมพันธ์และวางแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านซึ่งถือเป็นหัวใจของการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทยในทุกยุคสมัย
วัตถุประสงค์หลักของการประชุมในครั้งนี้มี 4 ประการคือ
1) การประเมินสถานะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ในประเด็นปัญหา อุปสรรค และแนวทางการดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้อง
2) การพิจารณานโยบายต่างประเทศของไทยต่อประเทศเพื่อนบ้านในทุกมิติ (การเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม) โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และความร่วมมือกับต่างประเทศ
3) การประเมินสถานะความคืบหน้า โอกาส ปัญหาอุปสรรคของกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) รวมทั้งความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่นๆ ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
4) การให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (policy recommendation) ต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในระยะต่อไปอันจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการส่งเสริมความใกล้ชิดสนิทสนมและการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่าง ไทยกับเพื่อนบ้าน การส่งเสริมพัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทยกับเพื่อนบ้านบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน และการส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดและมีทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นระหว่างภาครัฐและเอกชนไทยในการดำเนินความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน
2. การจัดประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the Islamic Conference: OIC)
ระหว่างวันที่ 24-26 มกราคม 2550 กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the Islamic Conference —OIC) และประเทศที่มีส่วนในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทยกับโลกมุสลิม ที่กระทรวงการต่างประเทศ
ในช่วงพิธีเปิดการประชุมฯ กระทรวงการต่างประเทศ ได้กราบเรียนเชิญ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี มามอบนโยบาย แนวทาง และทัศนะในการแก้ปัญหาและเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการดำเนินความสัมพันธ์ไทยต่อประเทศอิสลามในมิติต่างๆ นอกจากนั้น ได้เชิญ ผู้บัญชาการทหารบก มาบรรยายพิเศษในหัวข้อปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กับการต่างประเทศด้วย
การประชุมฯ จะมีเอกอัครราชทูตไทย จำนวน 24 คน และกงสุลใหญ่ 5 คน มาเข้าร่วมการประชุมฯ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. จัดทำยุทธศาสตร์ (Strategy) และแผนปฏิบัติการ (Plan of Action) ระยะต่างๆ ของไทยต่อโลกมุสลิม ที่เป็นเอกภาพ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และสอดคล้องกับสถานการณ์ในโลกมุสลิม
2. หารือถึงประเด็นสำคัญที่เกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ของไทยในโลกมุสลิม ทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ได้แก่
2.1 บทบาทของกระทรวงฯ ในการสนับสนุนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการดำเนินการทูตเชิงรุกเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับ OIC ในการแก้ ปัญหา และการขยายพันธมิตรของไทยในโลกมุสลิม
2.2 การสร้างโอกาส ส่งเสริมผลประโยชน์ และลดข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจ (การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการให้บริการ) ของไทยในประเทศอิสลาม
2.3 การกำหนดตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ (positioning) ของไทยในมิติด้านต่างๆ ของประเทศอิสลาม โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ด้านการเมืองและวัฒนธรรมระหว่างประเทศอิสลามและประเทศตะวันตก
2.4 การปฏิสัมพันธ์กับนักศึกษาไทยมุสลิมในประเทศต่างๆ อาทิ การดูแลและให้การสนับสนุนระหว่างการศึกษา และการให้คำแนะนำในการประกอบอาชีพ
2.5 การส่งเสริมภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และความเข้าใจอันดีกับประเทศอิสลามผ่านการทูตต่อสาธารณชน (Public Diplomacy)
3. ไทยได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2550 นิตยสาร Travel News ของนอร์เวย์ได้จัดงานมอบรางวัลด้านการท่องเที่ยวประจำปี 2550 หรือ The Norwegian Grand Travel Awards 2007 ขึ้นที่กรุงออสโล โดยการจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 12 และรวบรวมคะแนนจากการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของนอร์เวย์มากกว่า 300 บริษัท
สำหรับในปีนี้ ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมประจำปี 2550 (The World’s Best Tourist Country 2007) ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ที่ไทยได้รับรางวัลนี้เติดต่อกัน โดยประเทศไทยได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ตามด้วย กรีซ เดนมาร์ก อิตาลี สเปน บราซิล สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ และสวีเดน ขณะเดียวกัน บริษัท การบินไทย ก็ได้รับรางวัลสายการบินระหว่างประเทศยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน
4. กรมการกงสุลออกประกาศแจ้งเตือนคนไทย
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2550 กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทย 2 เรื่อง ดังนี้;
การลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศจีนมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
กรมการกงสุลประกาศเตือนคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศอย่ากระทำผิดหรือหลงเชื่อคำชักชวนให้รับจ้างขนยาเสพติด เพราะอาจพบกับบทลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต เนื่องจากในปัจจุบันมีแนวโน้มที่คนไทยจะถูกหลอกลวงให้รับจ้างขนยาเสพติดมากขึ้น โดยล่าสุด สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว ได้รับรายงานกรณีคนไทยจำนวน 8 ราย ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศจีน โดยใช้วิธีซุกซ่อนในร่างกายด้วยวิธีการกลืนลงท้อง เนื่องจากได้รับการชักชวนจากกลุ่มมิจฉาชีพให้ขนยาเสพติดจากอินเดีย โดยสัญญว่าจะจ่ายค่าจ้างให้จำนวนมากเมื่อเดินทางกลับไทย
ขณะนี้ ด่านศุลกากรจีนที่ท่าอากาศยานนครกวางโจวได้เพิ่มความเข็มงวดการตรวจจับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศมากขึ้น โดยผ่านประเทศที่สามหรือเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทยก่อนเดินทางเข้ากวางโจว
- หญิงไทยถูกหลอกค้าประเวณีในสหราชอาณาจักร
กรมการกงสุลเตือนหญิงไทยที่มีผู้ชักชวนไปทำงานนวดแผนโบราณในต่างประเทศโปรดตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน ตัดสินใจ โดยอย่าหลงเชื่อเพราะเมื่อไปถึงแล้วอาจถูกหลอกไปค้าประเวณีในต่างประเทศ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้รายงานว่า ปัจจุบันมีขบวนการหลอกลวงโดยชักชวนหญิงไทยให้ไปทำงานในสถานนวดแผนโบราณที่สหราชอาณาจักรและอ้างว่าจะมีรายได้ดี แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นเงินถึง 25,000 ปอนด์ (ประมาณ 1,750,000 บาท) แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี และถูกหักค่านายหน้า ทำให้หญิงไทยเหล่านี้หนีออกจากสถานบริการเพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตเพื่อให้ส่งกลับประเทศไทยต่อไป
ขอเรียนว่า การทำงานนวดแผนโบราณในสหราชอาณาจักรจะต้องมีใบอนุญาตทำงานซึ่งเจ้าของสถานบริการในสหราชอาณาจักรเป็นผู้จัดหาให้ และขอรับการตรวจลงตราจากสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยให้สามารถไปทำงานในสหราชอาณาจักรได้เท่านั้น
ประเด็นคำถาม
การตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์เกี่ยวกับท่าทีของไทยต่อกรณีรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์พบกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า อาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องการแสดงความกังวลของฝ่ายไทยต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากไทยเคารพอธิปไตยของสิงคโปร์ และมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล แต่ประเด็นที่ไทยมีความกังวลคือ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เข้าพบกับรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยทางการสิงคโปร์รับรู้เรื่องดังกล่าว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการพูดคุยกันแล้วระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศที่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ กรณีดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทยในภูมิภาค ในฐานะ “เพื่อน” เมื่อได้พูดคุยกันแล้วไม่เข้าใจ ไทยจำเป็นต้องแสดงสัญญาณความไม่พอใจ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-
1. การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศเพื่อนบ้าน
กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ณ กระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 17-19 มกราคม 2550 โดยเมื่อเช้าวันนี้ นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำเพื่อประเมินสถานะความสัมพันธ์และวางแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านซึ่งถือเป็นหัวใจของการดำเนินนโยบายต่างประเทศของไทยในทุกยุคสมัย
วัตถุประสงค์หลักของการประชุมในครั้งนี้มี 4 ประการคือ
1) การประเมินสถานะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ในประเด็นปัญหา อุปสรรค และแนวทางการดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้อง
2) การพิจารณานโยบายต่างประเทศของไทยต่อประเทศเพื่อนบ้านในทุกมิติ (การเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม) โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และความร่วมมือกับต่างประเทศ
3) การประเมินสถานะความคืบหน้า โอกาส ปัญหาอุปสรรคของกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) รวมทั้งความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่นๆ ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
4) การให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (policy recommendation) ต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในระยะต่อไปอันจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการส่งเสริมความใกล้ชิดสนิทสนมและการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่าง ไทยกับเพื่อนบ้าน การส่งเสริมพัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทยกับเพื่อนบ้านบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน และการส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดและมีทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นระหว่างภาครัฐและเอกชนไทยในการดำเนินความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน
2. การจัดประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the Islamic Conference: OIC)
ระหว่างวันที่ 24-26 มกราคม 2550 กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศสมาชิกองค์การการประชุมอิสลาม (Organization of the Islamic Conference —OIC) และประเทศที่มีส่วนในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทยกับโลกมุสลิม ที่กระทรวงการต่างประเทศ
ในช่วงพิธีเปิดการประชุมฯ กระทรวงการต่างประเทศ ได้กราบเรียนเชิญ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี มามอบนโยบาย แนวทาง และทัศนะในการแก้ปัญหาและเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการดำเนินความสัมพันธ์ไทยต่อประเทศอิสลามในมิติต่างๆ นอกจากนั้น ได้เชิญ ผู้บัญชาการทหารบก มาบรรยายพิเศษในหัวข้อปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กับการต่างประเทศด้วย
การประชุมฯ จะมีเอกอัครราชทูตไทย จำนวน 24 คน และกงสุลใหญ่ 5 คน มาเข้าร่วมการประชุมฯ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. จัดทำยุทธศาสตร์ (Strategy) และแผนปฏิบัติการ (Plan of Action) ระยะต่างๆ ของไทยต่อโลกมุสลิม ที่เป็นเอกภาพ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และสอดคล้องกับสถานการณ์ในโลกมุสลิม
2. หารือถึงประเด็นสำคัญที่เกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ของไทยในโลกมุสลิม ทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ได้แก่
2.1 บทบาทของกระทรวงฯ ในการสนับสนุนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการดำเนินการทูตเชิงรุกเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับ OIC ในการแก้ ปัญหา และการขยายพันธมิตรของไทยในโลกมุสลิม
2.2 การสร้างโอกาส ส่งเสริมผลประโยชน์ และลดข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจ (การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการให้บริการ) ของไทยในประเทศอิสลาม
2.3 การกำหนดตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ (positioning) ของไทยในมิติด้านต่างๆ ของประเทศอิสลาม โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ด้านการเมืองและวัฒนธรรมระหว่างประเทศอิสลามและประเทศตะวันตก
2.4 การปฏิสัมพันธ์กับนักศึกษาไทยมุสลิมในประเทศต่างๆ อาทิ การดูแลและให้การสนับสนุนระหว่างการศึกษา และการให้คำแนะนำในการประกอบอาชีพ
2.5 การส่งเสริมภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และความเข้าใจอันดีกับประเทศอิสลามผ่านการทูตต่อสาธารณชน (Public Diplomacy)
3. ไทยได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2550 นิตยสาร Travel News ของนอร์เวย์ได้จัดงานมอบรางวัลด้านการท่องเที่ยวประจำปี 2550 หรือ The Norwegian Grand Travel Awards 2007 ขึ้นที่กรุงออสโล โดยการจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 12 และรวบรวมคะแนนจากการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของนอร์เวย์มากกว่า 300 บริษัท
สำหรับในปีนี้ ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมประจำปี 2550 (The World’s Best Tourist Country 2007) ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ที่ไทยได้รับรางวัลนี้เติดต่อกัน โดยประเทศไทยได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ตามด้วย กรีซ เดนมาร์ก อิตาลี สเปน บราซิล สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ และสวีเดน ขณะเดียวกัน บริษัท การบินไทย ก็ได้รับรางวัลสายการบินระหว่างประเทศยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน
4. กรมการกงสุลออกประกาศแจ้งเตือนคนไทย
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2550 กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทย 2 เรื่อง ดังนี้;
การลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศจีนมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
กรมการกงสุลประกาศเตือนคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศอย่ากระทำผิดหรือหลงเชื่อคำชักชวนให้รับจ้างขนยาเสพติด เพราะอาจพบกับบทลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต เนื่องจากในปัจจุบันมีแนวโน้มที่คนไทยจะถูกหลอกลวงให้รับจ้างขนยาเสพติดมากขึ้น โดยล่าสุด สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว ได้รับรายงานกรณีคนไทยจำนวน 8 ราย ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศจีน โดยใช้วิธีซุกซ่อนในร่างกายด้วยวิธีการกลืนลงท้อง เนื่องจากได้รับการชักชวนจากกลุ่มมิจฉาชีพให้ขนยาเสพติดจากอินเดีย โดยสัญญว่าจะจ่ายค่าจ้างให้จำนวนมากเมื่อเดินทางกลับไทย
ขณะนี้ ด่านศุลกากรจีนที่ท่าอากาศยานนครกวางโจวได้เพิ่มความเข็มงวดการตรวจจับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศมากขึ้น โดยผ่านประเทศที่สามหรือเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทยก่อนเดินทางเข้ากวางโจว
- หญิงไทยถูกหลอกค้าประเวณีในสหราชอาณาจักร
กรมการกงสุลเตือนหญิงไทยที่มีผู้ชักชวนไปทำงานนวดแผนโบราณในต่างประเทศโปรดตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน ตัดสินใจ โดยอย่าหลงเชื่อเพราะเมื่อไปถึงแล้วอาจถูกหลอกไปค้าประเวณีในต่างประเทศ
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้รายงานว่า ปัจจุบันมีขบวนการหลอกลวงโดยชักชวนหญิงไทยให้ไปทำงานในสถานนวดแผนโบราณที่สหราชอาณาจักรและอ้างว่าจะมีรายได้ดี แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นเงินถึง 25,000 ปอนด์ (ประมาณ 1,750,000 บาท) แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี และถูกหักค่านายหน้า ทำให้หญิงไทยเหล่านี้หนีออกจากสถานบริการเพื่อขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตเพื่อให้ส่งกลับประเทศไทยต่อไป
ขอเรียนว่า การทำงานนวดแผนโบราณในสหราชอาณาจักรจะต้องมีใบอนุญาตทำงานซึ่งเจ้าของสถานบริการในสหราชอาณาจักรเป็นผู้จัดหาให้ และขอรับการตรวจลงตราจากสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยให้สามารถไปทำงานในสหราชอาณาจักรได้เท่านั้น
ประเด็นคำถาม
การตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์เกี่ยวกับท่าทีของไทยต่อกรณีรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์พบกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า อาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องการแสดงความกังวลของฝ่ายไทยต่อกรณีดังกล่าว เนื่องจากไทยเคารพอธิปไตยของสิงคโปร์ และมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล แต่ประเด็นที่ไทยมีความกังวลคือ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ เข้าพบกับรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยทางการสิงคโปร์รับรู้เรื่องดังกล่าว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการพูดคุยกันแล้วระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศที่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ กรณีดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทยในภูมิภาค ในฐานะ “เพื่อน” เมื่อได้พูดคุยกันแล้วไม่เข้าใจ ไทยจำเป็นต้องแสดงสัญญาณความไม่พอใจ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-