โพลล์นักลงทุนญี่ปุ่นมอง ศก.ไทยแย่สุดในอาเซียน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 1, 2007 16:38 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          นายโยอิชิ เคโตะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ หอการค้าญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ และประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เผยผลสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของนักลงทุนญี่ปุ่น ที่ เจโทร ได้สำรวจเปรียบเทียบ 5 ประเทศ ในอาเซียน พบว่าผลสำรวจในเดือนมกราคม แนวโน้มเศรษฐกิจของไทยอยู่ในอันดับต่ำสุด
"ผลการสำรวจพบว่า ค่าดัชนีแนวโน้มทางเศรษฐกิจดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อการย้ายการลงทุนในทันที แต่จะมีผลกระทบต่อความมั่นใจการลงทุนในไทยในอนาคต ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นจะพิจารณาว่าการลงทุนในประเทศใด จะเป็นฐานการส่งออกที่ดีที่สุด"
ทั้งนี้ ค่าดัชนีแนวโน้มทางเศรษฐกิจ (DI) ของไทย มีค่า -12.9 ขณะที่สิงคโปร์มีค่า DI สูงสุดที่ +13.1 รองลงมาเป็นอินโดนีเซีย +4.6 ฟิลิปปินส์ -4.3 และมาเลเซีย -4.6
ค่า DI ของไทย ถือว่าลดลงต่อเนื่องมา 9 เดือน และเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนก่อน พบว่าค่า DI ของไทยยังอยู่ในระดับเดียวกับฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ขณะที่อินโดนีเซียมีค่า DI ต่ำสุด แต่ขณะนี้ค่า DI ของไทยกลับอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด
นายเคโตะ กล่าวว่า กรณีของมาเลเซียเป็นประเทศที่น่าสนใจ เพราะมีการอำนวยความสะดวกในการอุดหนุนอุตสาหกรรมไฟฟ้า ที่ส่งผลดีต่อการส่งออกไปแถบตะวันออกกลาง ขณะที่ค่าเงินบาทยังนับเป็นอุปสรรคในการส่งออก ปัจจุบันนักลงทุนญี่ปุ่นใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ที่ 36 เป็นฐานประกอบการตัดสินใจในการลงทุนในไทย หากพบว่าระดับอัตราแลกเปลี่ยนไม่สร้างกำไร ก็อาจจะทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นหันไปลงทุนในประเทศ แทนที่จะเข้ามาลงทุนในไทย "นักลงทุนญี่ปุ่นให้ความกังวลเรื่องค่าเงินบาทมากที่สุด ถ้านักลงทุนเห็นว่าแข็งค่าขึ้นระดับ 33 บาท ก็จะเป็นตัวเลขสำคัญที่บริษัทแม่จะใช้เป็นประเด็นพิจารณาอย่างเร่งด่วนว่าจะมีการเปลี่ยนแผนลงทุนอย่างไร และจะย้ายการลงทุนหรือไม่ ก็แล้วแต่บริษัทนั้นๆ จะพิจารณา"
ผลสำรวจของผลกระทบที่เกิดจากการกระทำรัฐประหารที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนมองว่าก่อให้เกิดการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของการลงทุนภายในประเทศ และผลสำรวจด้านการลงทุนในไทยในปี 2550 พบว่าการลงทุนด้านโรงงานและเครื่องจักรในปี 2550 ของนักลงทุนญี่ปุ่น จะลดลง 26.5% มาที่ 49,529 ล้านบาท จากระดับ 67,372ล้านบาท ในปี 2549
นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เป็นไปได้ถ้ามีอะไรกระทบต่อนักลงทุน ก็อาจมีการถอนการลงทุนจากไทยได้ เพราะฉะนั้นไทยจะอาศัยเพียงแรงงานถูก เงินบาทอ่อนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องส่งเสริมการลงทุนไปต่างประเทศเองด้วย และนักลงทุนต่างชาติไม่ได้รักประเทศชาติ แต่รักโอกาสมากกว่า ถ้าไม่มีโอกาสให้ก็ไปลงทุนที่อื่นเป็นเรื่องธรรมดา ”เราทำประเทศให้ดี อย่าไปกังวลมาก ประเทศเป็นของเรา ต้องทำเศรษฐกิจของเราให้ดี ต่างชาติก็เชื่อมั่นเอง ซึ่งเรื่องเงินบาทก็เป็นปัญหาบ้าง แต่ที่จริงเป็นสิ่งที่ดีอย่าให้แข็งพรวดพราด เพราะเกิดจากการเก็งกำไรโดยเข้าและถอนลงทุนอย่างรวดเร็ว“
ประเด็นวิเคราะห์
สาเหตุที่ทำให้ค่าดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยต่อสายตานักลงทุนจากญี่ปุ่นลดลง จนทำสถิติต่ำสุดในรอบหลายปี ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ไทยเสียจุดเด่นในด้านเสถียรภาพความมั่นคงทางการเมือง และทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ลดลงต่อเนื่องช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นหากภาครัฐดำเนินนโยบายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขจัดภาพลักษณ์เชิงลบต่อการรัฐประหารจากสายตาของต่างชาติ
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ