ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. คาดว่าเอ็นพีแอลจะลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 4 ของสินเชื่อรวมในปลายปีนี้ นางทองอุไร ลิ้มปิติ ผอส.ฝ่ายนโยบายความเสี่ยง สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ถึงแม้ในปีนี้ระบบ ธ.พาณิชย์จะไม่สามารถปรับลดเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมให้เหลือร้อยละ 2 ได้ตามที่ ธปท. ตั้งเป้าไว้ แต่เอ็นพีแอลที่อยู่ในระดับร้อยละ 4.8 ของสินเชื่อรวม ณ งวดไตรมาส 2 ปี 50 ถือเป็นระดับที่ดีแล้ว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจนทำให้เอ็นพีแอลขยับขึ้นมา แต่เอ็นพีแอลที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้วกลับมาเป็นเอ็นพีแอลอีกครั้งไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ในภาพรวมจึงไม่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จะช่วยให้สัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมลดลงได้มากกว่าระดับปัจจุบัน โดยในช่วงปลายปี 50 เชื่อว่าเอ็นพีแอลของระบบ ธ.พาณิชย์จะลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 4 ของสินเชื่อรวม แต่มีความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ สถานการณ์ทางการเมือง อัตราแลกเปลี่ยน และปัจจัยภายนอกประเทศ ซึ่ง ธปท. คงไม่มีการออกมาตรการใหม่เพื่อกระตุ้นให้ ธ.พาณิชย์เร่งแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลอีกเพราะที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปพอสมควรแล้ว ทั้งนี้ ธปท. ได้กำหนดให้ ธ.พาณิชย์ต้องกันสำรองตามมาตรฐานบัญชีไอเอเอสตั้งแต่งวดปลายปี 49 ต่อเนื่องถึงงวดสิ้นเดือน มิ.ย.50 ซึ่งทั้งระบบได้กันสำรองรวม 9 พันล้านบาท เหลือภาระที่ต้องกันเพิ่มอีก 3 พันล้านบาท เท่านั้น (มติชน, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า)
2. เอ็นพีแอลในส่วนของบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจและกฎเกณฑ์ของ ธปท. นายโชค ณ ระนอง ประธานชมรมบัตรเครดิต และผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการหารือกับสมาชิกในชมรมบัตรเครดิตทุกแห่งพบว่า มีเอ็นพีแอลในส่วนของบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุหลักจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและการปรับเกณฑ์การผ่อนชำระขั้นต่ำจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 10 ของ ธปท. ส่งผลให้มีหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีความสามารถชำระหนี้ลดลงทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ สำหรับ ธ.กรุงเทพมีเอ็นพีแอลบัตรเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 1.5 เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปีก่อนที่อยู่ในระดับร้อยละ 1.25 แต่คาดว่าคงจะไม่สูงกว่านี้แล้วและในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ด้าน นางกรรณิการ์ ชลิตอาภรณ์ กก.ผจก.ใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เอ็นพีแอลของธนาคารที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.8 ในไตรมาส 2 ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าบัตรเครดิตเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชำระขั้นต่ำเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าลูกค้าจะปรับตัวและสามารถชำระหนี้ได้ดีขึ้นและในสิ้นปีนี้ธนาคารจะพยายามรักษาระดับเอ็นพีแอลไม่ให้เพิ่มสูงกว่าระดับปัจจุบัน ในขณะที่ นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิต บ.บัตรกรุงไทย เปิดเผยว่า เอ็นพีแอลบัตรเครดิตของบริษัทยังถือว่าอยู่ในระดับที่ทรงตัว เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ซึ่งหากไม่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์การผ่อนชำระขั้นต่ำจะสามารถลดเอ็นพีแอลลงได้มากกว่าระดับปัจจุบัน ส่วน นายสุขดี จงมั่นคง กก.ผอ. บ.บัตรกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เอ็นพีแอลบัตรเครดิตของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนใหญ่มาจากการปรับเกณฑ์ผ่อนชำระของ ธปท. (มติชน)
3. เศรษฐกิจภาคใต้ช่วงครึ่งปีแรกยังชะลอตัวต่อเนื่อง รายงานข่าวจาก ธปท. เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ในไตรมาส 2 ปี 50 ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจภาคใต้ยังชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ทั้งในส่วนของการท่องเที่ยว การอุปโภคบริโภค การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนชะลอตัวลง โดยภาวะการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ 607,237 คน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 เนื่องจากยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่ต่อเนื่องทำให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงคโปร์เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภาคใต้ตอนล่างลดลง ขณะที่การท่องเที่ยวฝั่งอันดามันชะลอลงเช่นกันเนื่องจากเข้าสู่ช่วงกรีนซีซันทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปและสแกนดิเนเวียเข้ามาน้อยลง ส่วนการลงทุนโดยรวมและการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน รวมถึงราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ในขณะที่ผลผลิตภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมลดลงเช่นกัน ส่วนการทำประมงทะเลปริมาณสัตว์น้ำที่ลดลงทำให้ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งหยุดทำการประมง ด้านผลผลิตปาล์มน้ำมันดิบ อุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋อง สัตว์น้ำแปรรูปแช่แข็ง ไม้ยางพารา เฟอร์นิเจอร์ และถุงมือยาง ลดลงตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ ขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นแต่ราคาสินค้าปรับขึ้นได้ไม่มากเนื่องจากภาวะการแข่งขันสูง (ผู้จัดการรายวัน)
4. รัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวเกินกว่าร้อยละ 4 นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รอง นรม. และ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตเกินกว่าร้อยละ 4 และในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะรัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยขับเคลื่อนในหลายทาง โดยเฉพาะ งปม.แผ่นดินปี 51 ที่จะไม่ติดขัดเหมือนปีนี้เพราะจะสามารถเบิกจ่ายได้ต่อเนื่องทันที สำหรับการลงทุนภาคเอกชนนั้นขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการลทุนเพิ่มแล้ว เพราะตัวเลขการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อการผลิตที่เคยติดลบมา 8 เดือน ตอนนี้กลับมาเป็นบวก 2 เดือนแล้ว ถือเป็นสัญญาณว่าการลงทุนฟื้นตัว หลังจากนี้เชื่อว่าภาคธุรกิจการค้าหรือการบริโภคก็จะขยายตัวตามมา ซึ่งรัฐบาลจะประคับประคองเศรษฐกิจเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเศรษฐกิจปีนี้อาจจะเติบโตร้อยละ 4.2 — 4.5 ทั้งนี้ เศรษฐกิจขณะนี้ยังอยู่ในวิสัยที่จัดการได้ไม่ได้แย่กว่าในอดีต ทั้งสินค้าราคาตกต่ำหรือปัญหาการปิดโรงงานเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งไม่ใช่ปัญหาที่จะลุกลามถึงขั้นวิกฤต โดยยืนยันว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มุ่งเน้นกระตุ้นด้วยการบริโภคเพราะเชื่อว่าไม่มีความยั่งยืน แต่การลงทุนเพื่อการปรับตัวสร้างความยั่งยืนในระยะยาวคือสิ่งที่ต้องการ ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยยอดขายสินค้าทำค้างไว้นานก็ทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนต้องการชีวิตแบบไหน การบริโภคมาพร้อมกับเรื่องของสถาบันการเงิน มีการทำธุรกิจเงินด่วน แต่พอประชาชนนึกได้ว่ามีหนี้ตามมาก็อาจแก้ไขไม่ทันแล้ว รัฐบาลนี้จึงต้องบอกให้ครัวเรือนระวังและให้ดูแลตัวเอง ไม่ใช่รอแต่พึ่งพารัฐบาลซึ่งคนอาจจะไม่ชอบ (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษในเดือน ก.ค.50 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากที่คาดไว้ว่าจะลดลง รายงานจากลอนดอน เมื่อ 14 ส.ค.50 สถาบันผู้สำรวจรับอนุญาตของอังกฤษหรือ RICS แจ้งว่าในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน ก.ค.50 มีผู้สำรวจรับอนุญาตที่รายงานว่าราคาบ้านสูงขึ้นมากกว่าผู้ที่รายงานว่าลดลงร้อยละ 12.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.6 ในเดือน มิ.ย.50 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.49 ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.8 โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาบ้านในลอนดอนและไอร์แลนด์เหนือที่มีราคาสูงขึ้น ในขณะที่ราคาโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ดี ดัชนีในส่วนที่ชี้วัดแนวโน้มราคาบ้านชี้ว่าราคาบ้านมีแนวโน้มลดลง โดยดูจากการสอบถามราคาจากผู้จะซื้อรายใหม่ที่ลดลงในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.47 และความเชื่อมั่นของผู้สำรวจเกี่ยวกับแนวโน้มราคาบ้านที่ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.48 เช่นเดียวกันอัตราส่วนจำนวนบ้านที่ขายได้แล้วเทียบกับที่ยังขายไม่ได้ที่ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันมาอยู่ที่ร้อยละ 37 จากร้อยละ 38.9 ในเดือนก่อน ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ทั้งนี้เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5.75 ต่อปีและยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.0 ต่อปี ทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านรายใหม่ชะลอการซื้อบ้านออกไปจนกว่าแนวโน้มตลาดบ้านจะชัดเจนขึ้น (รอยเตอร์)
2. The tertiary sector index ของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน รายงานจากโตเกียวเมื่อ 14 ส.ค.50 The Ministry of Economy, Trade and Industry เปิดเผยว่า The tertiary sector index ซึ่งเป็นดัชนีหลักสำหรับชี้วัดภาคบริการของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ลดลงร้อยละ 0.1 เหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าดัชนีจะลดลงร้อยละ 0.2 โดยดัชนีอยู่ที่ระดับ 110.3 และเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการเพิ่มขึ้นสูงสุดครั้งแรกที่ระดับ 110.7 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ ดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมบริการด้านการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพ (รอยเตอร์)
3. มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.50 ลดลงร้อยละ 0.1 ขณะที่มูลค่าการส่งออกไม่เปลี่ยนแปลง รายงานจากโซลเมื่อ 13 ส.ค.50 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีใต้ในรูปเงินวอนในเดือน ก.ค.50 ลดลงร้อยละ 0.1 เทียบต่อปี เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่เดือน ม.ค.50 ซึ่งมูลค่าการนำเข้าลดลงร้อยละ 2.3 และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 หลังจากที่ช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (มิ.ย.และ พ.ค.) มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 และ 2.6 ตามลำดับ สำหรับมูลค่าการส่งออกในรูปเงินวอนในเดือนเดียวกัน ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบต่อปีหลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่เมื่อเทียบต่อเดือนมูลค่าการส่งออกไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน (รอยเตอร์)
4. ธ. กลางมาเลเซียผ่อนปรนกฎหมายการลงทุนในธุรกิจการเงินอิสลาม รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 50 นาย Zeti Akhtar Aziz ผวก ธ.กลางมาเลเซียเปิดเผยว่า ได้อนุญาตให้ ธพ.ทุกแห่งสามารถ ดำเนินธุรกิจ ธ.อิสลามในสกุลเงินตราต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะให้มาเลเซียเป็นศูนย์กลางทางการเงินอิสลามของโลก ทั้งนี้บรรดา ธพ. และ ธ.เพื่อการลงทุนทั้งหลายที่ได้จัดตั้งขึ้นภายใต้ Banking and Financial Institutions Act 1989 สามารถดำเนินธุรกิจเงินตราต่างประเทศกับ ธ.อิสลามได้ โดยก่อนหน้านี้อนุญาตให้เฉพาะ ธ.อิสลามเท่านั้น ทั้งนี้การเงินอิสลามห้ามการจ่ายดอกเบี้ยและผลกำไรที่ได้รับจากธุรกิจประเภท สุรา สื่อสิ่งพิมพ์ลามก และการพนัน ซึ่งส่วนใหญ่ของมุสลิมในมาเลเซียเป็นเจ้าของพันธบัตรอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีสัดส่วน 2 ใน 3 ของยอดพันบัตรอิสลามทั่วโลก หรือราว 47 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 ส.ค. 50 10 ส.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร(Bht/1US$) 34.068 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของธพ.(Bht/1US$) 33.8375/34.1629 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.39313 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 811.83/21.55 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,650/10,750 10,700/10,800 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 66.24 70.09 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.39*/25.34* 28.39*/25.34* 26.49/23.34 ปตท.
*ปรับเลดสิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 ส.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. คาดว่าเอ็นพีแอลจะลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 4 ของสินเชื่อรวมในปลายปีนี้ นางทองอุไร ลิ้มปิติ ผอส.ฝ่ายนโยบายความเสี่ยง สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ถึงแม้ในปีนี้ระบบ ธ.พาณิชย์จะไม่สามารถปรับลดเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมให้เหลือร้อยละ 2 ได้ตามที่ ธปท. ตั้งเป้าไว้ แต่เอ็นพีแอลที่อยู่ในระดับร้อยละ 4.8 ของสินเชื่อรวม ณ งวดไตรมาส 2 ปี 50 ถือเป็นระดับที่ดีแล้ว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจนทำให้เอ็นพีแอลขยับขึ้นมา แต่เอ็นพีแอลที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้วกลับมาเป็นเอ็นพีแอลอีกครั้งไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ในภาพรวมจึงไม่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จะช่วยให้สัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมลดลงได้มากกว่าระดับปัจจุบัน โดยในช่วงปลายปี 50 เชื่อว่าเอ็นพีแอลของระบบ ธ.พาณิชย์จะลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 4 ของสินเชื่อรวม แต่มีความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ สถานการณ์ทางการเมือง อัตราแลกเปลี่ยน และปัจจัยภายนอกประเทศ ซึ่ง ธปท. คงไม่มีการออกมาตรการใหม่เพื่อกระตุ้นให้ ธ.พาณิชย์เร่งแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลอีกเพราะที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปพอสมควรแล้ว ทั้งนี้ ธปท. ได้กำหนดให้ ธ.พาณิชย์ต้องกันสำรองตามมาตรฐานบัญชีไอเอเอสตั้งแต่งวดปลายปี 49 ต่อเนื่องถึงงวดสิ้นเดือน มิ.ย.50 ซึ่งทั้งระบบได้กันสำรองรวม 9 พันล้านบาท เหลือภาระที่ต้องกันเพิ่มอีก 3 พันล้านบาท เท่านั้น (มติชน, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า)
2. เอ็นพีแอลในส่วนของบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจและกฎเกณฑ์ของ ธปท. นายโชค ณ ระนอง ประธานชมรมบัตรเครดิต และผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการหารือกับสมาชิกในชมรมบัตรเครดิตทุกแห่งพบว่า มีเอ็นพีแอลในส่วนของบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นโดยมีสาเหตุหลักจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและการปรับเกณฑ์การผ่อนชำระขั้นต่ำจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 10 ของ ธปท. ส่งผลให้มีหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีความสามารถชำระหนี้ลดลงทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ สำหรับ ธ.กรุงเทพมีเอ็นพีแอลบัตรเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 1.5 เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปีก่อนที่อยู่ในระดับร้อยละ 1.25 แต่คาดว่าคงจะไม่สูงกว่านี้แล้วและในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ด้าน นางกรรณิการ์ ชลิตอาภรณ์ กก.ผจก.ใหญ่ ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เอ็นพีแอลของธนาคารที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.8 ในไตรมาส 2 ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าบัตรเครดิตเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชำระขั้นต่ำเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าลูกค้าจะปรับตัวและสามารถชำระหนี้ได้ดีขึ้นและในสิ้นปีนี้ธนาคารจะพยายามรักษาระดับเอ็นพีแอลไม่ให้เพิ่มสูงกว่าระดับปัจจุบัน ในขณะที่ นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิต บ.บัตรกรุงไทย เปิดเผยว่า เอ็นพีแอลบัตรเครดิตของบริษัทยังถือว่าอยู่ในระดับที่ทรงตัว เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ซึ่งหากไม่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์การผ่อนชำระขั้นต่ำจะสามารถลดเอ็นพีแอลลงได้มากกว่าระดับปัจจุบัน ส่วน นายสุขดี จงมั่นคง กก.ผอ. บ.บัตรกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เอ็นพีแอลบัตรเครดิตของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนใหญ่มาจากการปรับเกณฑ์ผ่อนชำระของ ธปท. (มติชน)
3. เศรษฐกิจภาคใต้ช่วงครึ่งปีแรกยังชะลอตัวต่อเนื่อง รายงานข่าวจาก ธปท. เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ในไตรมาส 2 ปี 50 ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจภาคใต้ยังชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ทั้งในส่วนของการท่องเที่ยว การอุปโภคบริโภค การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนชะลอตัวลง โดยภาวะการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ 607,237 คน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 เนื่องจากยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่ต่อเนื่องทำให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงคโปร์เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภาคใต้ตอนล่างลดลง ขณะที่การท่องเที่ยวฝั่งอันดามันชะลอลงเช่นกันเนื่องจากเข้าสู่ช่วงกรีนซีซันทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปและสแกนดิเนเวียเข้ามาน้อยลง ส่วนการลงทุนโดยรวมและการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน รวมถึงราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ในขณะที่ผลผลิตภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมลดลงเช่นกัน ส่วนการทำประมงทะเลปริมาณสัตว์น้ำที่ลดลงทำให้ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งหยุดทำการประมง ด้านผลผลิตปาล์มน้ำมันดิบ อุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋อง สัตว์น้ำแปรรูปแช่แข็ง ไม้ยางพารา เฟอร์นิเจอร์ และถุงมือยาง ลดลงตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ ขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นแต่ราคาสินค้าปรับขึ้นได้ไม่มากเนื่องจากภาวะการแข่งขันสูง (ผู้จัดการรายวัน)
4. รัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวเกินกว่าร้อยละ 4 นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รอง นรม. และ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตเกินกว่าร้อยละ 4 และในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะรัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยขับเคลื่อนในหลายทาง โดยเฉพาะ งปม.แผ่นดินปี 51 ที่จะไม่ติดขัดเหมือนปีนี้เพราะจะสามารถเบิกจ่ายได้ต่อเนื่องทันที สำหรับการลงทุนภาคเอกชนนั้นขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการลทุนเพิ่มแล้ว เพราะตัวเลขการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อการผลิตที่เคยติดลบมา 8 เดือน ตอนนี้กลับมาเป็นบวก 2 เดือนแล้ว ถือเป็นสัญญาณว่าการลงทุนฟื้นตัว หลังจากนี้เชื่อว่าภาคธุรกิจการค้าหรือการบริโภคก็จะขยายตัวตามมา ซึ่งรัฐบาลจะประคับประคองเศรษฐกิจเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเศรษฐกิจปีนี้อาจจะเติบโตร้อยละ 4.2 — 4.5 ทั้งนี้ เศรษฐกิจขณะนี้ยังอยู่ในวิสัยที่จัดการได้ไม่ได้แย่กว่าในอดีต ทั้งสินค้าราคาตกต่ำหรือปัญหาการปิดโรงงานเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งไม่ใช่ปัญหาที่จะลุกลามถึงขั้นวิกฤต โดยยืนยันว่านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มุ่งเน้นกระตุ้นด้วยการบริโภคเพราะเชื่อว่าไม่มีความยั่งยืน แต่การลงทุนเพื่อการปรับตัวสร้างความยั่งยืนในระยะยาวคือสิ่งที่ต้องการ ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยยอดขายสินค้าทำค้างไว้นานก็ทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนต้องการชีวิตแบบไหน การบริโภคมาพร้อมกับเรื่องของสถาบันการเงิน มีการทำธุรกิจเงินด่วน แต่พอประชาชนนึกได้ว่ามีหนี้ตามมาก็อาจแก้ไขไม่ทันแล้ว รัฐบาลนี้จึงต้องบอกให้ครัวเรือนระวังและให้ดูแลตัวเอง ไม่ใช่รอแต่พึ่งพารัฐบาลซึ่งคนอาจจะไม่ชอบ (โพสต์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษในเดือน ก.ค.50 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากที่คาดไว้ว่าจะลดลง รายงานจากลอนดอน เมื่อ 14 ส.ค.50 สถาบันผู้สำรวจรับอนุญาตของอังกฤษหรือ RICS แจ้งว่าในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน ก.ค.50 มีผู้สำรวจรับอนุญาตที่รายงานว่าราคาบ้านสูงขึ้นมากกว่าผู้ที่รายงานว่าลดลงร้อยละ 12.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.6 ในเดือน มิ.ย.50 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.49 ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.8 โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาบ้านในลอนดอนและไอร์แลนด์เหนือที่มีราคาสูงขึ้น ในขณะที่ราคาโดยรวมยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ดี ดัชนีในส่วนที่ชี้วัดแนวโน้มราคาบ้านชี้ว่าราคาบ้านมีแนวโน้มลดลง โดยดูจากการสอบถามราคาจากผู้จะซื้อรายใหม่ที่ลดลงในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.47 และความเชื่อมั่นของผู้สำรวจเกี่ยวกับแนวโน้มราคาบ้านที่ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.48 เช่นเดียวกันอัตราส่วนจำนวนบ้านที่ขายได้แล้วเทียบกับที่ยังขายไม่ได้ที่ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันมาอยู่ที่ร้อยละ 37 จากร้อยละ 38.9 ในเดือนก่อน ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ทั้งนี้เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5.75 ต่อปีและยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.0 ต่อปี ทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านรายใหม่ชะลอการซื้อบ้านออกไปจนกว่าแนวโน้มตลาดบ้านจะชัดเจนขึ้น (รอยเตอร์)
2. The tertiary sector index ของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน รายงานจากโตเกียวเมื่อ 14 ส.ค.50 The Ministry of Economy, Trade and Industry เปิดเผยว่า The tertiary sector index ซึ่งเป็นดัชนีหลักสำหรับชี้วัดภาคบริการของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ลดลงร้อยละ 0.1 เหนือความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าดัชนีจะลดลงร้อยละ 0.2 โดยดัชนีอยู่ที่ระดับ 110.3 และเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการเพิ่มขึ้นสูงสุดครั้งแรกที่ระดับ 110.7 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ ดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมบริการด้านการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพ (รอยเตอร์)
3. มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีใต้ในเดือน ก.ค.50 ลดลงร้อยละ 0.1 ขณะที่มูลค่าการส่งออกไม่เปลี่ยนแปลง รายงานจากโซลเมื่อ 13 ส.ค.50 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า มูลค่าการนำเข้าของเกาหลีใต้ในรูปเงินวอนในเดือน ก.ค.50 ลดลงร้อยละ 0.1 เทียบต่อปี เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่เดือน ม.ค.50 ซึ่งมูลค่าการนำเข้าลดลงร้อยละ 2.3 และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 หลังจากที่ช่วง 2 เดือนก่อนหน้า (มิ.ย.และ พ.ค.) มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 และ 2.6 ตามลำดับ สำหรับมูลค่าการส่งออกในรูปเงินวอนในเดือนเดียวกัน ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบต่อปีหลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่เมื่อเทียบต่อเดือนมูลค่าการส่งออกไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน (รอยเตอร์)
4. ธ. กลางมาเลเซียผ่อนปรนกฎหมายการลงทุนในธุรกิจการเงินอิสลาม รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 50 นาย Zeti Akhtar Aziz ผวก ธ.กลางมาเลเซียเปิดเผยว่า ได้อนุญาตให้ ธพ.ทุกแห่งสามารถ ดำเนินธุรกิจ ธ.อิสลามในสกุลเงินตราต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะให้มาเลเซียเป็นศูนย์กลางทางการเงินอิสลามของโลก ทั้งนี้บรรดา ธพ. และ ธ.เพื่อการลงทุนทั้งหลายที่ได้จัดตั้งขึ้นภายใต้ Banking and Financial Institutions Act 1989 สามารถดำเนินธุรกิจเงินตราต่างประเทศกับ ธ.อิสลามได้ โดยก่อนหน้านี้อนุญาตให้เฉพาะ ธ.อิสลามเท่านั้น ทั้งนี้การเงินอิสลามห้ามการจ่ายดอกเบี้ยและผลกำไรที่ได้รับจากธุรกิจประเภท สุรา สื่อสิ่งพิมพ์ลามก และการพนัน ซึ่งส่วนใหญ่ของมุสลิมในมาเลเซียเป็นเจ้าของพันธบัตรอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีสัดส่วน 2 ใน 3 ของยอดพันบัตรอิสลามทั่วโลก หรือราว 47 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 ส.ค. 50 10 ส.ค. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร(Bht/1US$) 34.068 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของธพ.(Bht/1US$) 33.8375/34.1629 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.39313 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 811.83/21.55 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,650/10,750 10,700/10,800 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 66.24 70.09 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.39*/25.34* 28.39*/25.34* 26.49/23.34 ปตท.
*ปรับเลดสิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 ส.ค. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--