แท็ก
สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สุขภัณฑ์กะรัต
อัตราดอกเบี้ย
โรงแรมคอนราด
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ส่งสัญญาณอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระหว่างเข้าร่วมประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่า ธปท.จะยังคงปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยต่อไปเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50%
ที่ระดับ 4.00% ทั้งนี้ ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า มีเหตุผลอีกมากมายในการใช้นโยบายการเงิน เนื่องจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีไม่มากนัก ขณะที่ความเสี่ยง
ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธปท.มีแนวโน้มที่จะปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ในรายงานเงินเฟ้อที่จะมี
การเปิดเผยในวันที่ 24 เม.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้ ธปท.กำหนดเป้าหมายอัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 50 ไว้ที่ 4-5% อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า
การทบทวนปรับลดใดๆ จะไม่ดำเนินการเป็นเวลานาน (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
2. ธปท.เปิดเผยความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ. ธปท. นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเสนอร่างกฎหมายของ ธปท. โดยเฉพาะ พ.ร.บ. ธปท. ที่ ก.คลังต้องการนำเรื่องดังกล่าวมาปรับปรุงใหม่ เพราะ
เกรงว่าในข้อกฎหมายจะให้อำนาจ ธปท.มากเกินไปว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจร่างคณะกรรมการกฤษฏีกา ซึ่งต้องแก้ไขข้อกฎหมายในบางจุด ไม่ใช่ปรับปรุง
ใหม่ทั้งหมด โดยเบื้องต้น ธปท.ได้เข้าชี้แจงรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.สถาบันการเงินต่อกฤษฎีกาตามขั้นตอนแล้ว 3 ครั้ง ส่วน พ.ร.บ.เงินตรา รอส่งเรื่อง
กลับให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบอีกครั้ง เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาคงจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ (ข่าวสด)
3. สศค.ระบุจะประเมินตัวเลขจีดีพีอีกครั้งในเดือน พ.ค.50 ผู้อำนวยการกลุ่มเศรษฐกิจ มหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารโลกปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของไทยจาก 4.6% เหลือเพียง 4.3% ว่า ในส่วนของ ก.คลังจะประเมินตัวเลขจีดีพี
อีกครั้งในเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากต้องรอดูตัวเลขต่างๆ ในช่วงเดือน มี.ค.และ เม.ย.ก่อน รวมทั้งรอดูผลของการเร่งเบิกจ่าย งปม. อีกทั้งยังรอดูผลการ
ปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ก่อนว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขการลงทุน การนำเข้าเครื่องจักรที่ติดลบ และการ
บริโภคที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะต่ำกว่า 4% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ในระดับ 4-4.5% (ข่าวสด)
4. การจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 อยู่ระหว่างเสนอ ก.คลังพิจารณา กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี ในฐานะผู้จัดการ
กองทุนวายุภักษ์ 1 เปิดเผยความคืบหน้าแนวทางการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ว่า หลังคณะทำงานของกองทุนวายุภักษ์ 1 ได้นำเสนอแนวคิดในการจัดตั้ง
กองทุนวายุภักษ์ 2 ต่อสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ก.คลัง เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดคณะทำงาน
ได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวต่อที่ปรึกษา รมว.คลังเพื่อพิจารณาแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ)
5. เครดิตบูโรเสนอขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจ ผู้จัดการใหญ่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้
เสนอคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต ที่มีผู้ว่าการ ธปท.เป็นประธาน เพื่อให้พิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบข้อมูลเครดิต ให้บริษัทสามารถขยายขอบเขต
การประกอบธุรกิจได้มากขึ้นจากปัจจุบันที่เครดิตบูโรทำหน้าที่เพียงเปิดเผยข้อมูลลูกค้าให้สมาชิกทราบเท่านั้น โดยการขยายธุรกิจที่พิจารณาไว้มีหลายด้าน
เช่น การนำข้อมูลมาประมวลและวิเคราะห์ผล (Credit Scoring) ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับสถาบันการเงินในการกำหนดนโยบายทางการตลาด และยังเป็น
ประโยชน์กับระดับการกำหนดนโยบายอีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค สรอ.ในเดือน มี.ค.50 จะขยายตัวร้อยละ 0.6 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 16 เม.ย.50 ผลสำรวจนักวิเคราะห์
ของวอลล์สตรีทโดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน มี.ค.50 จะขยายตัวร้อยละ 0.6 โดยมีการคาดคะเนกันระหว่างร้อยละ
0.3-1.0 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.พ.50 เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารเพิ่มสูงขึ้น ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในเดือน มี.ค.50
ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ก.พ.50 ที่ขยายตัวร้อยละ 0.2 โดยมีการคาดการณ์ระหว่างร้อยละ 0.1-0.3
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเป็นตัวเลขปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ ธ.กลาง สรอ. ใช้เฝ้าติดตามสถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งหากเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
จะเพิ่มความกังวลว่า ธ.กลาง สรอ.อาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อนึ่ง จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของ ธ.กลาง สรอ.ครั้งล่าสุด
เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ธ.กลางยังคงให้ความสนใจภาวะเงินเฟ้อมากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น ธ.กลาง สรอ.
จึงจะยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้ ทั้งนี้ รัฐบาล สรอ.จะรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 17 เม.ย.นี้
เวลา 8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน มี.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ดีกว่าที่คาดไว้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 16 เม.ย.50 ยอดค้าปลีกของ
สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน มี.ค.50 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะสูงขึ้นร้อยละ 0.6 ต่อเดือน โดยส่วนใหญ่เป็นผลจาก
ราคาขายปลีกน้ำมันที่สูงขึ้นร้อยละ 3.1 ทำให้ยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค.50 สูงขึ้น โดยหากไม่รวมยอดขายน้ำมันแล้ว ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.4
และหากไม่รวมยอดขายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.4 แล้ว ยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค.50 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ต่ำกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่า
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ต่อเดือน แต่สิ่งที่ทำให้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปี 50 จะขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้ก็คือการปรับตัวเลขอัตราการ
ขยายตัวของยอดค้าปลีกใน ก.พ.50 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 0.1 ที่รายงานไว้ครั้งแรก และยอดค้าปลีกไม่รวมยอดขายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.4 จากที่รายงานไว้ครั้งแรกว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ต่อเดือน สะท้อนให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของ
ผลผลิตรวมในประเทศยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง (รอยเตอร์)
3. คาดว่าเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2.7 รายงานจากกรุงนิวยอร์ก สรอ. เมื่อวันที่ 16 เม.ย.50 Joaquin
Almunia กรรมาธิการด้านกิจการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป กล่าวว่า เศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปได้เริ่มฟื้นตัวแล้วโดยจีดีพีในปี 49
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 และคาดว่าในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 2.7 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่เศรษฐกิจของ สรอ. ชะลอตัวลงน้อยกว่าที่
คาดการณ์ไว้ รวมถึงค่าเงินยูโรและนโยบายต่าง ๆ ที่ช่วยปกป้องเศรษฐกิจจากความผันผวนและผลกระทบ ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจยุโรปควรจะมีการปฏิรูประบบ
เศรษฐกิจล่วงหน้าเพื่อป้องกันผลกระทบจากจีนและอินเดียที่กำลังจะมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจของโลก โดยจีนจะเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออก
รายใหญ่ ขณะที่อินเดียจะเป็นศูนย์รวมอุตสาหกรรมการบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันในการแข่งขันต่อบริษัทของ สรอ. และ
สหภาพยุโรป (รอยเตอร์)
4. ในช่วงครึ่งหลังปี 49 ธ.เพื่อการก่อสร้างของจีนมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 รายงานจากฮ่องกง เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 50 นาย Zhang Jianguo
ประธาน ธ. เพื่อการก่อสร้างของจีนเปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 49 ธนาคารฯ ซึ่งเป็น ธ.ที่ให้กู้ยืมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของจีน มีกำไรเพิ่มขึ้นจาก
ช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 23 เป็นจำนวน 23.1 พัน ล.หยวน (2.99 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) เทียบกับ 18.75 พัน ล. หยวนเมื่อปีก่อนหน้า เนื่องจาก
มีรายได้จากค่าธรรมเนียมและส่วนต่างเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ธ.เพื่อการก่อสร้างมีเป้าหมายที่จะขยายฐานรายได้เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจที่
ต้องลดลงเนื่องจากนโยบายของทางการจีนต้องการชะลอการขยายตัวอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจ ธ.เพื่อการก่อสร้างจึงให้ความสนใจกับการบริหารสินเชื่อ
บัตรเครดิตซึ่งในปี 49 มีมูลค่าถึง 6.34 ล้าน นอกจากนี้การให้กู้ยืมแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก็เป็นเป้าหมายของธนาคารเช่นกัน โดยธนาคารตั้งเป้า
ไว้ว่า ธนาคารจะต้องเป็นผู้นำในธุรกิจประเภทนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 เม.ย. 50 12 เม.ย. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.976 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.7614/35.0964 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.18531 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.46/6.66 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,300/11,400 11,100/11,200 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 63.45 61.4 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.79*/24.94* 28.79*/24.94* 26.49/23.34 ปตท
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 11 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ส่งสัญญาณอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระหว่างเข้าร่วมประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่า ธปท.จะยังคงปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยต่อไปเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50%
ที่ระดับ 4.00% ทั้งนี้ ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า มีเหตุผลอีกมากมายในการใช้นโยบายการเงิน เนื่องจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีไม่มากนัก ขณะที่ความเสี่ยง
ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธปท.มีแนวโน้มที่จะปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ในรายงานเงินเฟ้อที่จะมี
การเปิดเผยในวันที่ 24 เม.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้ ธปท.กำหนดเป้าหมายอัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 50 ไว้ที่ 4-5% อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า
การทบทวนปรับลดใดๆ จะไม่ดำเนินการเป็นเวลานาน (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
2. ธปท.เปิดเผยความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ. ธปท. นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกฎหมายและคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเสนอร่างกฎหมายของ ธปท. โดยเฉพาะ พ.ร.บ. ธปท. ที่ ก.คลังต้องการนำเรื่องดังกล่าวมาปรับปรุงใหม่ เพราะ
เกรงว่าในข้อกฎหมายจะให้อำนาจ ธปท.มากเกินไปว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจร่างคณะกรรมการกฤษฏีกา ซึ่งต้องแก้ไขข้อกฎหมายในบางจุด ไม่ใช่ปรับปรุง
ใหม่ทั้งหมด โดยเบื้องต้น ธปท.ได้เข้าชี้แจงรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.สถาบันการเงินต่อกฤษฎีกาตามขั้นตอนแล้ว 3 ครั้ง ส่วน พ.ร.บ.เงินตรา รอส่งเรื่อง
กลับให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบอีกครั้ง เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาคงจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ (ข่าวสด)
3. สศค.ระบุจะประเมินตัวเลขจีดีพีอีกครั้งในเดือน พ.ค.50 ผู้อำนวยการกลุ่มเศรษฐกิจ มหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารโลกปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของไทยจาก 4.6% เหลือเพียง 4.3% ว่า ในส่วนของ ก.คลังจะประเมินตัวเลขจีดีพี
อีกครั้งในเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากต้องรอดูตัวเลขต่างๆ ในช่วงเดือน มี.ค.และ เม.ย.ก่อน รวมทั้งรอดูผลของการเร่งเบิกจ่าย งปม. อีกทั้งยังรอดูผลการ
ปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.ก่อนว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขการลงทุน การนำเข้าเครื่องจักรที่ติดลบ และการ
บริโภคที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะต่ำกว่า 4% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ในระดับ 4-4.5% (ข่าวสด)
4. การจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 อยู่ระหว่างเสนอ ก.คลังพิจารณา กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี ในฐานะผู้จัดการ
กองทุนวายุภักษ์ 1 เปิดเผยความคืบหน้าแนวทางการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ว่า หลังคณะทำงานของกองทุนวายุภักษ์ 1 ได้นำเสนอแนวคิดในการจัดตั้ง
กองทุนวายุภักษ์ 2 ต่อสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ก.คลัง เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดคณะทำงาน
ได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวต่อที่ปรึกษา รมว.คลังเพื่อพิจารณาแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ)
5. เครดิตบูโรเสนอขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจ ผู้จัดการใหญ่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้
เสนอคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต ที่มีผู้ว่าการ ธปท.เป็นประธาน เพื่อให้พิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบข้อมูลเครดิต ให้บริษัทสามารถขยายขอบเขต
การประกอบธุรกิจได้มากขึ้นจากปัจจุบันที่เครดิตบูโรทำหน้าที่เพียงเปิดเผยข้อมูลลูกค้าให้สมาชิกทราบเท่านั้น โดยการขยายธุรกิจที่พิจารณาไว้มีหลายด้าน
เช่น การนำข้อมูลมาประมวลและวิเคราะห์ผล (Credit Scoring) ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับสถาบันการเงินในการกำหนดนโยบายทางการตลาด และยังเป็น
ประโยชน์กับระดับการกำหนดนโยบายอีกด้วย (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค สรอ.ในเดือน มี.ค.50 จะขยายตัวร้อยละ 0.6 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 16 เม.ย.50 ผลสำรวจนักวิเคราะห์
ของวอลล์สตรีทโดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน มี.ค.50 จะขยายตัวร้อยละ 0.6 โดยมีการคาดคะเนกันระหว่างร้อยละ
0.3-1.0 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.พ.50 เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารเพิ่มสูงขึ้น ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในเดือน มี.ค.50
ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ก.พ.50 ที่ขยายตัวร้อยละ 0.2 โดยมีการคาดการณ์ระหว่างร้อยละ 0.1-0.3
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเป็นตัวเลขปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ ธ.กลาง สรอ. ใช้เฝ้าติดตามสถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งหากเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
จะเพิ่มความกังวลว่า ธ.กลาง สรอ.อาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อนึ่ง จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของ ธ.กลาง สรอ.ครั้งล่าสุด
เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ธ.กลางยังคงให้ความสนใจภาวะเงินเฟ้อมากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น ธ.กลาง สรอ.
จึงจะยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้ ทั้งนี้ รัฐบาล สรอ.จะรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 17 เม.ย.นี้
เวลา 8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน มี.ค.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ดีกว่าที่คาดไว้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 16 เม.ย.50 ยอดค้าปลีกของ
สรอ.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน มี.ค.50 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน สูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะสูงขึ้นร้อยละ 0.6 ต่อเดือน โดยส่วนใหญ่เป็นผลจาก
ราคาขายปลีกน้ำมันที่สูงขึ้นร้อยละ 3.1 ทำให้ยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค.50 สูงขึ้น โดยหากไม่รวมยอดขายน้ำมันแล้ว ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.4
และหากไม่รวมยอดขายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.4 แล้ว ยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค.50 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ต่ำกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่า
จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ต่อเดือน แต่สิ่งที่ทำให้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปี 50 จะขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้ก็คือการปรับตัวเลขอัตราการ
ขยายตัวของยอดค้าปลีกใน ก.พ.50 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.5 จากร้อยละ 0.1 ที่รายงานไว้ครั้งแรก และยอดค้าปลีกไม่รวมยอดขายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.4 จากที่รายงานไว้ครั้งแรกว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ต่อเดือน สะท้อนให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของ
ผลผลิตรวมในประเทศยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง (รอยเตอร์)
3. คาดว่าเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2.7 รายงานจากกรุงนิวยอร์ก สรอ. เมื่อวันที่ 16 เม.ย.50 Joaquin
Almunia กรรมาธิการด้านกิจการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป กล่าวว่า เศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรปได้เริ่มฟื้นตัวแล้วโดยจีดีพีในปี 49
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 สูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 และคาดว่าในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 2.7 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่เศรษฐกิจของ สรอ. ชะลอตัวลงน้อยกว่าที่
คาดการณ์ไว้ รวมถึงค่าเงินยูโรและนโยบายต่าง ๆ ที่ช่วยปกป้องเศรษฐกิจจากความผันผวนและผลกระทบ ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจยุโรปควรจะมีการปฏิรูประบบ
เศรษฐกิจล่วงหน้าเพื่อป้องกันผลกระทบจากจีนและอินเดียที่กำลังจะมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจของโลก โดยจีนจะเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออก
รายใหญ่ ขณะที่อินเดียจะเป็นศูนย์รวมอุตสาหกรรมการบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันในการแข่งขันต่อบริษัทของ สรอ. และ
สหภาพยุโรป (รอยเตอร์)
4. ในช่วงครึ่งหลังปี 49 ธ.เพื่อการก่อสร้างของจีนมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 รายงานจากฮ่องกง เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 50 นาย Zhang Jianguo
ประธาน ธ. เพื่อการก่อสร้างของจีนเปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 49 ธนาคารฯ ซึ่งเป็น ธ.ที่ให้กู้ยืมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของจีน มีกำไรเพิ่มขึ้นจาก
ช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าร้อยละ 23 เป็นจำนวน 23.1 พัน ล.หยวน (2.99 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) เทียบกับ 18.75 พัน ล. หยวนเมื่อปีก่อนหน้า เนื่องจาก
มีรายได้จากค่าธรรมเนียมและส่วนต่างเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ธ.เพื่อการก่อสร้างมีเป้าหมายที่จะขยายฐานรายได้เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจที่
ต้องลดลงเนื่องจากนโยบายของทางการจีนต้องการชะลอการขยายตัวอย่างร้อนแรงของเศรษฐกิจ ธ.เพื่อการก่อสร้างจึงให้ความสนใจกับการบริหารสินเชื่อ
บัตรเครดิตซึ่งในปี 49 มีมูลค่าถึง 6.34 ล้าน นอกจากนี้การให้กู้ยืมแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก็เป็นเป้าหมายของธนาคารเช่นกัน โดยธนาคารตั้งเป้า
ไว้ว่า ธนาคารจะต้องเป็นผู้นำในธุรกิจประเภทนี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 เม.ย. 50 12 เม.ย. 50 29 ธ.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.976 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.7614/35.0964 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.18531 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 692.46/6.66 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,300/11,400 11,100/11,200 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 63.45 61.4 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 28.79*/24.94* 28.79*/24.94* 26.49/23.34 ปตท
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 11 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--