ข้อมูลการเปิดธุรกิจสปาในสหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 19, 2007 16:30 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          ปัจจุบันธุรกิจสปาในสหรัฐฯมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นธุรกิจที่ติดอันดับสี่ของธุรกิจยอดนิยมและมีการแข่งขันสูงสุดในสหรัฐฯ จากการสำรวจของ International Spa Association ระบุว่าในปี 2006 จำนวนของธุรกิจสปาเพิ่มขึ้นถึง 16 % จากปี 2004 โดยมีจำนวนทั้งหมด 13,757 แห่งทั่วสหรัฐฯจากเดิมมี 10,128 แห่งในปี 2004 นอกจากนั้นจำนวนของคนอเมริกันที่เข้าใช้บริการสปาก็มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจสปาจัดเป็นกลุ่มธุรกิจที่กำลังมีโอกาสในตลาดสูงสุดด้วยเช่นกัน สาเหตุของการเติบโตของธุรกิจสปาในสหรัฐฯส่วนหนึ่งน่าจะมาจากวิถีการดำรงชีวิตของคนอเมริกันในปัจจุบันที่มีความเครียดสูงและให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพอย่างมาก ต้องการดำรงความเป็นหนุ่มเป็นสาวและความแข็งแรงของร่างกายไว้ให้นานที่สุด ความเข้าใจและความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นในคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ประเภทชีวภาพทั้งที่เป็นอาหารและเครื่องสำอางค์ และภาพพจน์การใช้บริการสปาได้เปลี่ยนรูปจากสินค้าบริการฟุ่มเฟือยมาเป็นสินค้าบริการด้านความงาม ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัย และผ่อนคลายความเครียดในชีวิตประจำวัน
ตลาดธุรกิจสปาในสหรัฐฯมีอยู่หลายประเภทหากแบ่งตามชนิดของ Spa จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ Day spa และ Stay spa
1. Day Spa หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Salon spa เป็นธุรกิจที่ให้บริการสปาในวันเดียว เป็นสปาที่มีอยู่มากที่สุดและได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐฯ ธุรกิจ Day spa แบบมาตรฐานทั่วไปจะเน้นการให้บริการบำรุงรักษาร่างกายที่อาจจะมีการเสนอบริการหลายๆอย่างเช่น การนวด การทำผม การดูแลรักษาร่างกายและใบหน้า การทำเล็บมือเล็บเท้า เป็นต้น ในจำนวนนี้ การนวดตัว ดูเหมือนจะเป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
2. Stay Spa คือ บริการสปาตามโรงแรมหรือรีสอร์ท ถือเป็นบริการพิเศษที่โรงแรมหรือรีสอร์ทมักจะนำเสนอให้แก่แขกที่เข้าพัก Stay Spa ให้บริการต่างๆคล้ายคลึงกับ Day spa และในบางครั้ง Stay Spa ของโรงแรมหรือรีสอร์ทบางแห่งก็ยังให้บริการแก่ลูกค้าภายนอกที่ไม่ได้เป็นแขกของโรงแรมอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีการให้บริการสปาประเภทอื่นๆเช่น
- Destination Spa เป็นบริการแขนงหนึ่งของ Stay Spa แต่การให้คำจำกัดความของDestination Spa ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเภทของบริการที่ถูกนำเสนอ แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ กล่าวคือ Destination Spa จะใช้เรียกนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการเข้ารับบริการสปา ในขณะเดียวกันก็ต้องการที่จะได้รับบริการอื่นๆหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ควบคู่ไปด้วยเช่น ตีกอล์ฟ ขี่ม้า เล่นเทนนิส เข้าร่วมสัมมนาหรือกิจกรรมต่างๆด้านสุขภาพ ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตที่ดีของตน (the prime draw is the spa and the focus is on wellness) แต่หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาโดยมีวัตถุประสงค์อื่นเป็นหลักเช่น เดินทางมาเพื่อจะมาตีกอล์ฟในสนามสวยๆหรือต้องการที่จะมาพักในโรงแรมสุดหรู บรรยากาศดีๆ โดยมีการเข้ารับบริการสปาเป็นผลพลอยได้ของการมาเยือน ลักษณะเช่นนี้จะไม่เรียกว่า Destination Spa เพราะ Destination Spa จะเน้นการเข้ารับบริการสปาและการทำกิจกรรมอื่นๆควบคู่ไปเพื่อเป้าหมายหลักในการพัฒนาสุขภาพกายและใจรวมทั้งเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของตน
- Medical or Medi-Spa เป็นบริการอีกแขนงหนึ่งที่กำลังอยู่ในความนิยมและมีอยู่ทั้งในธุรกิจแบบ Day Spa และ Stay spa Medical spa จะให้บริการพื้นฐานแบบ day spa ทั่วไปแต่มีการเพิ่มการบำบัดรักษาทางการแพทย์ที่เป็นทางเลือกอื่นเช่นการฝังเข็มหรือการทำ Botox เป็นต้น รวมเข้าไปด้วย
- Mineral Spa เป็นบริการสปาที่เน้นการใช้น้ำแร่จากธรรมชาติมาสร้างความสมดุลให้กับระบบการทำงานของร่างกายเช่น การสร้างสมดุลให้กับผิวพรรณ การกระตุ้นระบบไหวเวียนโลหิต การสร้างเซลล์ใหม่ และการช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับร่างกาย เป็นต้น
- Well-Being and Wellness Centres เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกธุรกิจสปา ในยุคที่ธุรกิจสปามีการเติบโตอย่างสูงและถูกรู้จักในฐานะสถานที่ที่ให้การดูแลด้านสุขภาพและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น สปาหลายแห่งจึงนิยมที่จะเรียกตัวเองว่า Well-Being and Wellness Centres มากกว่าที่จะใช้คำว่า Spa
นอกจากธุรกิจ Spa จะแบ่งออกได้ตามลักษณะของบริการแล้ว ยังสามารถแบ่งออกได้ตามสถานที่ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วย
- หากแบ่งตามสถานที่จะแบ่งได้เป็น Cruise spa, hotel spa, resort spa และ club spa
- หากแบ่งออกตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะแบ่งได้เป็น spas for men, spas for women, spas for kids and teens, spas for family, pregnancy spas, bridal spas เป็นต้น ทั้งนี้แล้วแต่เจ้าของธุรกิจจะมีความคิดสร้างสรรค์ใดๆในการที่จะทำตลาดธุรกิจสปาของตนให้มีความแปลกแยกออกไปหรือเลือกเข้าสู่ niche market แบบใดแบบหนึ่ง
ขั้นตอนการเปิดธุรกิจสปาในสหรัฐ
เนื่องจากลักษณะการปกครองของสหรัฐฯเป็นไปในรูปของการกระจายอำนาจ ดังนั้นกฎหมายของสหรัฐฯในแต่ละพื้นที่จึงอาจจะมีความแตกต่างกันได้ ทั้งนี้รวมถึงกฎหมายการทำธุรกิจ ดังนั้นผู้ที่สนใจจะเปิดธุรกิจในสหรัฐฯรวมถึงธุรกิจสปาจึงจำเป็นที่จะต้องทำการศึกษากฎหมายกฎระเบียบที่ใช้บังคับอยู่ในท้องที่ที่เป็นสถานที่ตั้งของธุรกิจ อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญเบื้องต้นที่ผู้ประสงค์จะเปิดธุรกิจ spa โดยทั่วไปในสหรัฐฯ จะต้องกระทำเหมือนๆกันคือ
1. การหา Location และการวางแผนการปลูกสร้างรวมถึงการวางแผนธุรกิจ เช่นรูปแบบของอาคารและการจัดสัดส่วนของสถานที่ ขนาดของที่จอดรถ ระบบอำนวยความสะดวก และสาธารณูปโภคต่างๆภายในอาคาร สินค้าและบริการต่างๆที่นำเสนอในธุรกิจ เป็นต้น จากนั้นนำแผนการปลูกสร้างและแผนธุรกิจไปเสนอยัง Building/ Zoning Office ในพื้นที่ที่เป็นสถานที่ตั้งของธุรกิจเพื่อขอใบอนุญาตในการปลูกสร้างหรือที่เรียกว่า Zoning Permit โดยส่วนใหญ่แล้ว Building/ Zoning Office จะเป็นหน่วยงานหนึ่งที่สังกัดอยู่ภายใต้ City (เทศบาลเมือง) ดังนั้นการติดต่อกับ Building/ Zoning Office มักจะต้องติดต่อผ่าน City(เทศบาลเมือง)ในท้องที่ที่เป็นสถานที่ตั้งของธุรกิจ เช่น ถ้าจะเปิดธุรกิจสปาใน Los Angeles เจ้าของธุรกิจก็จะต้องติดต่อไปยัง City of Los Angeles เป็นต้น
การขอ Zoning Permit เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจหรือการค้านั้น ทาง Building/ Zoning Office จะต้องส่งเจ้าหน้าที่ (Inspector) เข้าไปตรวจสอบสถานที่ตามแผนที่เสนอมาอย่างเคร่งครัด ระยะเวลาในการตรวจสอบและการออกใบอนุญาตนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว Building/ Zoning Office จะออกใบอนุญาตที่เรียกว่า Zoning Certificate ให้
หมายเหตุ* ในการเลือกสถานที่ที่จะเปิดธุรกิจสปา จะต้องตระหนักไว้ด้วยว่าธุรกิจสปาเป็นธุรกิจที่ในหลายๆรัฐกำหนดพื้นที่ (zone) ไว้ ซึ่งหมายความว่าจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่รัฐอนุญาตให้มีกิจการสปาได้เท่านั้น
2. ขั้นตอนต่อไปหลังจากได้รับ Zoning Certificate คือการลงทะเบียนเพื่อขอชำระค่าภาษีประกอบการ (Tax registration Certificate) โดยการคิดอัตราภาษี (Tax rates) และอัตราค่าลงทะเบียน (Registration Fees) จะขึ้นอยู่ประเภทของธุรกิจรวมไปถึงจำนวนของสินค้าและบริการที่นำเสนอในธุรกิจนั้นๆ นอกจากนั้นการคิดอัตราภาษีและอัตราค่าลงทะเบียนก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ การลงทะเบียนขอชำระค่าภาษีประกอบการนั้นโดยส่วนใหญ่จะกระทำได้ที่ Office of Finance ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัดอยู่ภายใต้ City (เทศบาลเมือง) ของเมืองต่างๆ
3. หลังจากลงทะเบียนเพื่อชำระค่าภาษีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อยื่นขอ Police Permit ในบางพื้นที่การขอ Police Permit จะกระทำได้โดยการยื่นเรื่องผ่านทาง Office of Finance แต่ในบางรัฐหรือในบางท้องที่ ผู้ประกอบการจะต้องยื่นขอ Police Permit ที่ Police Departmentในพื้นที่ที่เป็นสถานที่ตั้งของธุรกิจ หลังจากได้รับ Police Permit แล้ว ทาง City Hall ก็จะทำการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจให้ (Business license) โดยใบอนุญาตสำหรับการประกอบธุรกิจสปานั้นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ Massage License และ Salon license การขอ Massage License นั้นมีข้อบังคับและขั้นตอนการขอที่ยุ่งยากกว่าการขอ Salon License เนื่องจาก Massage License ให้สิทธิเกี่ยวกับจำนวนและประเภทของบริการด้านสปามากกว่า Salon License กล่าวคือ ธุรกิจสปาใดที่ได้รับ Massage License จะสามารถให้บริการทุกประเภทที่เกี่ยวกับสปาได้ ในขณะที่ Salon License นั้นมีการกำหนดจำนวนและประเภทของบริการ
หมายเหตุ* สำหรับธุรกิจสปานั้น การลงทะเบียนเพื่อขอชำระค่าภาษีและการยื่นขอ Police permit ผู้ประกอบการจำเป็นต้องไปยื่นเรื่องด้วยตนเอง ณ หน่วยงานที่รับผิดชอบ
4. กฎหมายทุกมลรัฐกำหนดให้เจ้าของกิจการสปาและพนักงานที่ให้บริการด้านการบำรุงรักษาและการเสริมความงามของร่างกายจำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพ อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพเสริมความงาม (cosmetology license) และยังอาจจะต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพอื่นๆอีกขึ้นอยู่กับรายละเอียดของการบริการที่ธุรกิจสปานั้นๆนำเสนอ เช่นหากมีบริการนวดหน้า แต่งหน้า การใช้ขี้ผึ้งเพื่อความงาม หรือการให้บริการ hydro-therapy ผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพเป็น aestheticians หรือหากมีบริการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในกำจัดขนที่เป็นส่วนเกินในร่างกาย ผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพเป็น electrologists หากมีบริการทำเล็บมือเล็บเท้า ผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพเป็น manicurists และหากมีบริการนวดตัว ผู้ให้บริการก็จำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพหมอนวด เป็นต้น
5. ความสะอาดและถูกอนามัยของสถานบริการ เครื่องมือเครื่องใช้ และตัวพนักงานที่ให้บริการ เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก และทั้งหมดจะมีกฎหมายและกฎระเบียบของท้องถิ่นควบคุมอยู่ด้วยเช่นกัน
ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเปิด Spa ในสหรัฐฯก็คือ
1. ควรที่จะมีประสบการณ์และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในสายวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านใดด้านหนึ่งที่จะมีการนำเสนอในกิจการที่จะเปิดขึ้น หากยังไม่มี ก็ควรที่จะแสวงหาความรู้และใบอนุญาตที่จำเป็นมาไว้ในครอบครองเสียก่อน
2. ควรที่จะมีการวางแผนธุรกิจอย่างดี เนื่องจากการเปิดธุรกิจสปามีโอกาสที่จะต้องใช้เงิน
ทุนเริ่มต้นในระดับสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือ จากการสำรวจพบว่าค่าใช้จ่ายเริ่มต้นโดยประมาณในการเปิดธุรกิจสปาอยู่ที่ประมาณ 50,000-60,000 เหรียญฯ นอกจากนั้นจะต้องมีฐานเงินหมุนเวียนเข้ามาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันอย่างพอเพียง การวางแผนธุรกิจที่ดีนอกจากจะเป็นการประกันโอกาสประสบความสำเร็จในการหาแหล่งเงินทุนแล้วยังประกันโอกาสประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย
3. จะต้องให้ความสำคัญอย่างสูงต่อการเลือกสถานที่ การเลือกตลาดลูกค้าเป้าหมาย การเลือกประเภทของสปา การเลือกบริการต่างๆที่จะนำเสนอ และการสร้างบรรยากาศสถานที่ประกอบธุรกิจของตนให้เหมาะสมกับตลาดเป้าหมายที่เลือกไว้แล้ว บริการที่นำเสนอไม่
จำเป็นต้องมีหลากหลาย ในบางครั้งการนำเสนอบริการไม่กี่ชนิดที่ตนมีความเชี่ยวชาญมากที่สุดอาจจะเป็นผลดีแก่ธุรกิจและให้ผลกำไรมากกว่าการนำเสนอบริการหลากหลาย
สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขายสินค้าให้แก่ธุรกิจสปา
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงประเภทของธุรกิจสปาที่แตกต่างกันออกไปหลายรูปแบบ ศึกษาดูว่าสปาประเภทใดมีการเสนอบริการอะไรบ้าง เพื่อให้สามารถเลือกกลุ่มลูกค้าตลาดเป้าหมายได้เหมาะสมกับสินค้าที่จะนำเสนอขาย อย่างไรก็ดี สินค้าทั่วๆไปที่ไม่ใช่สินค้าที่ผู้ใช้จำเป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงวิธีการใช้และประสิทธิผลที่จะตามมาเป็นสินค้าที่มีโอกาสมากที่สุด และการเสนอขายสินค้าสมุนไพรต่างๆสำหรับใช้ในการนวด การอบตัวและอื่นๆ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องให้ความสำคัญต่อการปิดฉลากสินค้า ควรหลีกเลี่ยงการกล่าวอ้างสรรพคุณด้านการบำบัดรักษาที่อาจจะส่งผลทำให้สินค้าดังกล่าวถูกจัดเข้าข่ายเป็นยารักษาโรค ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ FDA และจำเป็นต้องมีการจดทะเบียนตัวยาซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและใช้เวลานาน
Website ที่เป็นประโยชน์
1. http://www.wowworks.com (ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Official website ของหน่วยงานราชการที่สำคัญๆ ในทุกๆมลรัฐ ทุกๆเมืองและทุกๆท้องที่ของสหรัฐฯ)
2. http://www.businesslicenses.com (ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่างๆในทุกๆมลรัฐของสหรัฐฯ)
3. http://www.fabjob.com/spaowner.asp (ให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการประกอบธุรกิจสปา)
4. http://www.experienceispa.com/ISPA (เป็น Website เกี่ยวกับ International Spa Association ซึ่งให้ข้อมูลและความรู้โดยทั่วไป รวมทั้งสถิติและข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจสปาในสหรัฐฯ)
5. http://www.ippt.com/licensing.htm (ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันฝึกอบรมการนวดในเมืองสำคัญต่างๆในรัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อได้รับใบอนุญาตในการประกอบอาชีพ)
ที่มา: http://www.depthai.go.th

แท็ก ข้อมูล   สหรัฐ   Spa  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ