บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๒ ปีที่ ๑
ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญทั่วไป)
วันพุธที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ณ ตึกรัฐสภา
--------------------------
เริ่มประชุมเวลา ๐๙.๓๐ นาฬิกา
เมื่อครบองค์ประชุมแล้ว นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ได้ขออนุมัติที่ประชุมดำเนินการตามข้อ ๑๘ ของข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปเรียนเชิญศาสตราจารย์มารุต
บุนนาค ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีอายุสูงสุดในที่ประชุมทำหน้าที่ประธาน
ชั่วคราว
เมื่อประธานชั่วคราวกล่าวเปิดประชุมแล้ว ได้ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
อ่านพระบรมราชโองการประกาศ แต่งตั้ง
๑. นายโภคิน พลกุล เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
๒. นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง
๓. นางลลิตา ฤกษ์สำราญ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง
ที่ประชุมรับทราบ
จากนั้น ประธานชั่วคราวได้ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปเรียนเชิญ
ประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และรองประธาน
สภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ขึ้นบัลลังก์ เพื่อดำเนินการประชุมต่อไป
เมื่อขึ้นบัลลังก์แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต่อที่ประชุม
ความว่า "ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีเกียรติ กระผมและรองประธานทั้งสอง
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง
ให้เป็นประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรตามที่สภามีมติ กระผมและ
รองประธานทั้งสองขอขอบคุณท่านสมาชิกทุกท่าน ที่ได้มอบความไว้วางใจให้
ปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรตินี้
กระผมและรองประธานทั้งสอง ขอให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความเป็นกลาง เที่ยงธรรม ซื่อสัตย์สุจริต จะผดุงรักษาไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี
ของสถาบันสภาผู้แทนราษฎร และจะน้อมรับกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานไว้ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๘
ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ให้สถาบัน
แห่งนี้เป็นที่ยอมรับของสถาบันต่าง ๆ และประชาชนต่อไป การที่จะบรรลุภาระ
หน้าที่นี้ กระผมพร้อมรองประธานทั้งสองคงต้องทำงานร่วมกับท่านสมาชิกและ
ต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากสมาชิกทุกท่าน เพราะในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ด้วยกันต่างก็มีบทบาทเท่า ๆ กัน การปฏิบัติหน้าที่จึงจะบังเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ
และประชาชนต่อไป"
ต่อจากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ได้
ปฏิญาณตนต่อที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ตามมาตรา ๑๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ด้วยถ้อยคำว่า
"ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทยทุกประการ"
ต่อมา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาระเบียบวาระที่ ๖
เรื่องที่เสนอใหม่ คือ เลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา ๒๐๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทย หลังจากนั้น สมาชิกฯ ได้เสนอชื่อ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และที่ประชุมได้ออกเสียง
ลงคะแนนโดยเปิดเผยให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง ๓๗๗ เสียง ไม่เห็นชอบ
ด้วยคะแนนเสียง ๑ เสียง งดออกเสียง ๑๑๖ เสียง ซึ่งคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบ
มีมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(สมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จำนวน ๕๐๐ คน) จึงถือว่า พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
ตามมาตรา ๒๐๒ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนเลิกประชุม ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นัดประชุมสภาผู้แทน
ราษฎร ชุดที่ ๒๒ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญทั่วไป)
วันพุธที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๘ เวลา ๙.๓๐ นาฬิกา
เลิกประชุมเวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา
(นายพิทูร พุ่มหิรัญ)
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
สำนักรายงานการประชุมและชวเลข
กลุ่มงานรายงานการประชุม
โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๓๗๒ - ๓
โทรสาร ๐ ๒๒๔๔ ๒๓๗๓
ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญทั่วไป)
วันพุธที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ณ ตึกรัฐสภา
--------------------------
เริ่มประชุมเวลา ๐๙.๓๐ นาฬิกา
เมื่อครบองค์ประชุมแล้ว นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ได้ขออนุมัติที่ประชุมดำเนินการตามข้อ ๑๘ ของข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปเรียนเชิญศาสตราจารย์มารุต
บุนนาค ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีอายุสูงสุดในที่ประชุมทำหน้าที่ประธาน
ชั่วคราว
เมื่อประธานชั่วคราวกล่าวเปิดประชุมแล้ว ได้ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
อ่านพระบรมราชโองการประกาศ แต่งตั้ง
๑. นายโภคิน พลกุล เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
๒. นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง
๓. นางลลิตา ฤกษ์สำราญ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง
ที่ประชุมรับทราบ
จากนั้น ประธานชั่วคราวได้ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปเรียนเชิญ
ประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และรองประธาน
สภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ขึ้นบัลลังก์ เพื่อดำเนินการประชุมต่อไป
เมื่อขึ้นบัลลังก์แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต่อที่ประชุม
ความว่า "ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีเกียรติ กระผมและรองประธานทั้งสอง
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง
ให้เป็นประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรตามที่สภามีมติ กระผมและ
รองประธานทั้งสองขอขอบคุณท่านสมาชิกทุกท่าน ที่ได้มอบความไว้วางใจให้
ปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรตินี้
กระผมและรองประธานทั้งสอง ขอให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความเป็นกลาง เที่ยงธรรม ซื่อสัตย์สุจริต จะผดุงรักษาไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี
ของสถาบันสภาผู้แทนราษฎร และจะน้อมรับกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานไว้ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๘
ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เพื่อเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ให้สถาบัน
แห่งนี้เป็นที่ยอมรับของสถาบันต่าง ๆ และประชาชนต่อไป การที่จะบรรลุภาระ
หน้าที่นี้ กระผมพร้อมรองประธานทั้งสองคงต้องทำงานร่วมกับท่านสมาชิกและ
ต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากสมาชิกทุกท่าน เพราะในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ด้วยกันต่างก็มีบทบาทเท่า ๆ กัน การปฏิบัติหน้าที่จึงจะบังเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ
และประชาชนต่อไป"
ต่อจากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ได้
ปฏิญาณตนต่อที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ตามมาตรา ๑๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ด้วยถ้อยคำว่า
"ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทยทุกประการ"
ต่อมา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาระเบียบวาระที่ ๖
เรื่องที่เสนอใหม่ คือ เลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา ๒๐๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทย หลังจากนั้น สมาชิกฯ ได้เสนอชื่อ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และที่ประชุมได้ออกเสียง
ลงคะแนนโดยเปิดเผยให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง ๓๗๗ เสียง ไม่เห็นชอบ
ด้วยคะแนนเสียง ๑ เสียง งดออกเสียง ๑๑๖ เสียง ซึ่งคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบ
มีมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(สมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จำนวน ๕๐๐ คน) จึงถือว่า พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
ตามมาตรา ๒๐๒ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนเลิกประชุม ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นัดประชุมสภาผู้แทน
ราษฎร ชุดที่ ๒๒ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญทั่วไป)
วันพุธที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๘ เวลา ๙.๓๐ นาฬิกา
เลิกประชุมเวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา
(นายพิทูร พุ่มหิรัญ)
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
สำนักรายงานการประชุมและชวเลข
กลุ่มงานรายงานการประชุม
โทร. ๐ ๒๒๔๔ ๒๓๗๒ - ๓
โทรสาร ๐ ๒๒๔๔ ๒๓๗๓