กรุงเทพ--2 ก.ค--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ที่เมือง Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์ ได้มีมติเกี่ยวกับการที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยเห็นว่าปราสาทพระวิหารมีคุณค่าที่เป็นสากลอย่างเด่นชัด และสมควรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและรับทราบว่าขั้นตอนการขึ้นทะเบียนอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งไทยและกัมพูชาตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการจัดทำแผนอนุรักษ์และบริหารจัดการบริเวณปราสาทพระวิหาร โดยเห็นชอบให้มีการพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนอีกครั้งหนึ่งในการประชุมคณะกรรมการ ฯ สมัยที่ 32 ในปี 2551
ในโอกาสนี้ ประเทศไทยขอแสดงความยินดีต่อคณะกรรมการมรดกโลก และต่อประเทศและประชาชนกัมพูชาสำหรับคำตัดสินดังกล่าว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการอนุรักษ์และการทำนุบำรุงรักษาโบราณสถานที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งนี้ ประเทศไทยเห็นพ้องและพึงพอใจต่อข้อมติดังกล่าว เพราะมีส่วนสำคัญในการช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับกัมพูชาในการพัฒนาอนุรักษ์ และบริหารจัดการปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ
ทั้งนี้ ประเทศและประชาชนไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนกัมพูชาและประชาคมระหว่างประเทศในเรื่องนี้อย่างจริงจังและโดยทันที เพื่อพัฒนาให้ปราสาทพระวิหารเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าสมกับเป็นมรดกโลก ตลอดจนเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างประเทศและประชาชนไทยกับกัมพูชาสืบไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยที่ 31 ที่เมือง Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์ ได้มีมติเกี่ยวกับการที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยเห็นว่าปราสาทพระวิหารมีคุณค่าที่เป็นสากลอย่างเด่นชัด และสมควรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและรับทราบว่าขั้นตอนการขึ้นทะเบียนอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งไทยและกัมพูชาตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการจัดทำแผนอนุรักษ์และบริหารจัดการบริเวณปราสาทพระวิหาร โดยเห็นชอบให้มีการพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนอีกครั้งหนึ่งในการประชุมคณะกรรมการ ฯ สมัยที่ 32 ในปี 2551
ในโอกาสนี้ ประเทศไทยขอแสดงความยินดีต่อคณะกรรมการมรดกโลก และต่อประเทศและประชาชนกัมพูชาสำหรับคำตัดสินดังกล่าว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการอนุรักษ์และการทำนุบำรุงรักษาโบราณสถานที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งนี้ ประเทศไทยเห็นพ้องและพึงพอใจต่อข้อมติดังกล่าว เพราะมีส่วนสำคัญในการช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับกัมพูชาในการพัฒนาอนุรักษ์ และบริหารจัดการปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ
ทั้งนี้ ประเทศและประชาชนไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนกัมพูชาและประชาคมระหว่างประเทศในเรื่องนี้อย่างจริงจังและโดยทันที เพื่อพัฒนาให้ปราสาทพระวิหารเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าสมกับเป็นมรดกโลก ตลอดจนเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างประเทศและประชาชนไทยกับกัมพูชาสืบไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-