แท็ก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บล.นครหลวงไทย จำกัด
สาทิตย์ วงศ์หนองเตย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จังหวัดอุบลราชธานี
องอาจ คล้ามไพบูลย์
เมื่อเวลา 08.30 น. นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนาย วิฑูร นามบุตร รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค นาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรค น.ส. ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ รองโฆษก และว่าที่ผู้สมัครของพรรคในจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางลงพื้นที่ที่อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี เพื่อพบปะกับเกษตรกรชาวนา ผู้ประกอบการโรงสีข้าว เพื่อรับทราบปัญหาของเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องของข้าว โดยเกษตรกรหลายคน ได้เสนอต่อนาย อภิสิทธิ์ ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ขอให้ดูแลปัญหาราคาข้าว โดยเฉพาะเรื่องการรับจำนำราคาข้าว ที่ควรจะประกาศราคาที่รับจำนำก่อนที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมทั้งการกำหนดราคาข้าวตายตัวในราคาเกวียนละ 12,000 บาท นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ให้เป็นรูปธรรม เพราะก่อนหน้านี้แม้ทุกรัฐบาลจะพูดถึงเรื่องดังกล่าว แต่ยังไม่มีการเข้ามาดูแลอย่างเป็นรูปธรรม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การมาในครั้งนี้ไม่ใช่การมาหาเสียง เพราะการเมืองในปัจจุบันมีแต่เรื่องการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องม็อบ หรือเรื่องการรับร่างไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ว่าจะมีการทะเลาะกันเท่าใดก็ตาม ปัญหาของประชาชนก็ไม่ได้หมดไป เกษตรกรก็ยังคงจนอยู่เท่าเดิม เพราะการเมืองอย่างนั้นไม่ได้มาแก้ปัญหาของประชาชน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง แต่จะชูนโยบายประชาชนต้องมาก่อน เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาโดยอิงกับความเป็นจริง ตอนนี้หมดยุคและที่จะชูนโยบายขายฝัน แต่ชาวนาชาวไร่ก็ยังจนอยู่เหมือนเดิม ประสบปัญหาเดิมๆ เรายืนยันที่จะแก้ปัญหาโดยยึดอยู่กับโลกของความจริง โดยใช้สโลแกนเติมน้ำให้นา เติมราคาให้ข้าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องของราคาข้าว หากเป็นรัฐบาล ตนจะนำเรื่องของระบบประกันภัยเข้ามาใช้ เกษตรกรที่ทำการเกษตรจะต้องลงทะเบียนว่าให้หมดว่าปลูกข้าวเท่าใด หากประสบปัญหานาล่ม ชีวิตคนจะต้องไม่ล่มไปด้วย เพราะหากรอเงินช่วยเหลือในรูปแบบเงินชดเชยให้เกษตรกร ก็จะเหมือนกับที่ผ่านมา คือเมื่อมีปัญหาฝนแล้ง กว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือชาวนาก็จะประสบกับปัญหาน้ำท่วมไปแล้ว นอกจากนี้เราจะพัฒนาเรื่องระบบเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจัง โดยจะให้ทุกหน่วยงานรับประกันคุณภาพและรัฐจะลงมากำกับดูแลอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นหลักประกันกับชาวนาที่ทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ จะมีจุดขายในการตั้งราคากับพ่อค้าคนกลาง เพราะกระแสของความรักสุขภาพกำลังเป็นที่นิยม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องของการพัฒนาลุ่มน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ อย่างจังหวัดอุบลราชธานี ถือว่ามีน้ำตลอดปี แต่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ จึงจะต้องมีการพัฒนาลุ่มน้ำทั่วประเทศอย่างจริงจัง ตนคงไม่สามารถบอกได้ว่าหากเป็นรัฐบาล ราคาข้าวจะขึ้นเท่านั้นเท่านี้ แต่เราจะเน้นให้เกษตรกรได้ผลผลิตอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพิ่มผลผลิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้เกษตรกรมีรายเพิ่มขึ้นไปโดยปริยาย
หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปพบปะตัวแทนโรงสีข้าว พ่อค้าข้าวในจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียงในภาคคะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และเดินทางไปร่วมรับประทานอาหารกับเกษตรกรที่อ.ม่วงสามสิบ โดยนายอภิสิทธิ์ ได้นั่งลงเปิบข้าวเหนียวกับชาวบ้านอย่างคุ้นเคย ซึ่งประชาชนที่มาร่วมต้อนรับ ได้นำผ้าขาวม้ามาเคียนเอวนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งพวงมาลัยดอกไม้มาต้อนรับ พร้อมกันนี้ยังเรียกนายอภิสิทธิ์ว่าว่าที่นายกรัฐมนตรีทุกคำ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านสูงอายุ ถอดแหวนทองสวมให้ที่นิ้วนางมือขวาของนายอภิสิทธิ์ โดยระบุว่าแหวนวงดังกล่าวเป็นแหวนที่สวมติดตัวมาตลอด ซึ่งต่อไปนี้ขอฝากให้อยู่กับนายอภิสิทธิ์ด้วย จากนั้นนายอภิสิทธิ์และคณะได้เดินทางไปที่หอประชุมสวนพญาแถน อ.เมือง จ.ยโสธรเพื่อกล่าวปราศรัยต่อประชาชนที่มาร่วมรับฟังนับ 1,000 คน
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขณะนี้การเมืองยังอยู่ในภาวะความวุ่นวาย การเลือกตั้งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เท่าที่พบปะประชาชนในหายพื้นที่พบว่าประชาชนอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมความวุ่นวายใดๆ จะไม่ซ้ำเติมให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้นหากประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ก็ขอให้ไปใช้สิทธิ์ในการลงประชามติในวันที่ 19 ส.ค.นี้ แต่จะลงรับร่างหรือไม่นั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคล โดยในส่วนของพรรคก็เคยยืนยันไปแล้วว่าเราไม่ได้ชอบรัฐธรรมนูญนี้ทุกมาตรา แต่เมื่อดูโดยรวมแล้วก็เป็นรัฐธรรมนูญที่พอใช้ได้ และหากประชาชนลงรับร่าง ก็จะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อประกาศใช้ได้ เมื่อเช่นนั้นความแน่นอนทางการเมืองก็เกิดขึ้น และเชื่อว่าภายในปลายปีก็จะสามารถมีการเลือกตั้งได้ ดังนั้นหากประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วก็ต้องทำให้การเมืองมีความแน่นอน เพราะอย่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงก็ประกาศแล้วว่าหากประชาชนลงติรับร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะยุติการชุมนุม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการแข่งขันนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้มีการแข่งขันกันมากที่สุด เพื่อจะเป็นตัวเลือกให้กับประชาชน และขอให้สบายใจได้ว่าพรรคเราอยู่มา 60 กว่าปี ไม่ได้เกรงกลัวใครที่จะมาแข่งขัน ไม่กลัวที่จะเสียอะไร และยังยึดมั่นว่าจะมุ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนให้มากที่สุด
นอกจากนี้นาย อภิสิทธิ์ ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อรับฟังปัญหาของประชาชน นำไปจัดทำนโยบายของพรรคว่า ตนมั่นใจว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ สามารถทำได้จริง ไม่ใช่เป็นนโยบายขายฝัน เพราะก่อนหน้านั้นพรรคได้มีการสำรวจในการลงทุนเรื่องการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องข้าว ส่วนใหญ่พบว่ามีปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ และต้นทุนการผลิตสูง รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อาทิ เรื่องน้ำ การชลประทาน การเกษตรอินทรีย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าข้าว ดังนั้นจึงมั่นใจว่าพรรคดำเนินนโยบายมาถูกทางแล้ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ส.ค. 2550--จบ--
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การมาในครั้งนี้ไม่ใช่การมาหาเสียง เพราะการเมืองในปัจจุบันมีแต่เรื่องการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องม็อบ หรือเรื่องการรับร่างไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ว่าจะมีการทะเลาะกันเท่าใดก็ตาม ปัญหาของประชาชนก็ไม่ได้หมดไป เกษตรกรก็ยังคงจนอยู่เท่าเดิม เพราะการเมืองอย่างนั้นไม่ได้มาแก้ปัญหาของประชาชน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง แต่จะชูนโยบายประชาชนต้องมาก่อน เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาโดยอิงกับความเป็นจริง ตอนนี้หมดยุคและที่จะชูนโยบายขายฝัน แต่ชาวนาชาวไร่ก็ยังจนอยู่เหมือนเดิม ประสบปัญหาเดิมๆ เรายืนยันที่จะแก้ปัญหาโดยยึดอยู่กับโลกของความจริง โดยใช้สโลแกนเติมน้ำให้นา เติมราคาให้ข้าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องของราคาข้าว หากเป็นรัฐบาล ตนจะนำเรื่องของระบบประกันภัยเข้ามาใช้ เกษตรกรที่ทำการเกษตรจะต้องลงทะเบียนว่าให้หมดว่าปลูกข้าวเท่าใด หากประสบปัญหานาล่ม ชีวิตคนจะต้องไม่ล่มไปด้วย เพราะหากรอเงินช่วยเหลือในรูปแบบเงินชดเชยให้เกษตรกร ก็จะเหมือนกับที่ผ่านมา คือเมื่อมีปัญหาฝนแล้ง กว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือชาวนาก็จะประสบกับปัญหาน้ำท่วมไปแล้ว นอกจากนี้เราจะพัฒนาเรื่องระบบเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจัง โดยจะให้ทุกหน่วยงานรับประกันคุณภาพและรัฐจะลงมากำกับดูแลอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นหลักประกันกับชาวนาที่ทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ จะมีจุดขายในการตั้งราคากับพ่อค้าคนกลาง เพราะกระแสของความรักสุขภาพกำลังเป็นที่นิยม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องของการพัฒนาลุ่มน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ อย่างจังหวัดอุบลราชธานี ถือว่ามีน้ำตลอดปี แต่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ จึงจะต้องมีการพัฒนาลุ่มน้ำทั่วประเทศอย่างจริงจัง ตนคงไม่สามารถบอกได้ว่าหากเป็นรัฐบาล ราคาข้าวจะขึ้นเท่านั้นเท่านี้ แต่เราจะเน้นให้เกษตรกรได้ผลผลิตอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพิ่มผลผลิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้เกษตรกรมีรายเพิ่มขึ้นไปโดยปริยาย
หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปพบปะตัวแทนโรงสีข้าว พ่อค้าข้าวในจังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียงในภาคคะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และเดินทางไปร่วมรับประทานอาหารกับเกษตรกรที่อ.ม่วงสามสิบ โดยนายอภิสิทธิ์ ได้นั่งลงเปิบข้าวเหนียวกับชาวบ้านอย่างคุ้นเคย ซึ่งประชาชนที่มาร่วมต้อนรับ ได้นำผ้าขาวม้ามาเคียนเอวนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งพวงมาลัยดอกไม้มาต้อนรับ พร้อมกันนี้ยังเรียกนายอภิสิทธิ์ว่าว่าที่นายกรัฐมนตรีทุกคำ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านสูงอายุ ถอดแหวนทองสวมให้ที่นิ้วนางมือขวาของนายอภิสิทธิ์ โดยระบุว่าแหวนวงดังกล่าวเป็นแหวนที่สวมติดตัวมาตลอด ซึ่งต่อไปนี้ขอฝากให้อยู่กับนายอภิสิทธิ์ด้วย จากนั้นนายอภิสิทธิ์และคณะได้เดินทางไปที่หอประชุมสวนพญาแถน อ.เมือง จ.ยโสธรเพื่อกล่าวปราศรัยต่อประชาชนที่มาร่วมรับฟังนับ 1,000 คน
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขณะนี้การเมืองยังอยู่ในภาวะความวุ่นวาย การเลือกตั้งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เท่าที่พบปะประชาชนในหายพื้นที่พบว่าประชาชนอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมความวุ่นวายใดๆ จะไม่ซ้ำเติมให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้นหากประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ก็ขอให้ไปใช้สิทธิ์ในการลงประชามติในวันที่ 19 ส.ค.นี้ แต่จะลงรับร่างหรือไม่นั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคล โดยในส่วนของพรรคก็เคยยืนยันไปแล้วว่าเราไม่ได้ชอบรัฐธรรมนูญนี้ทุกมาตรา แต่เมื่อดูโดยรวมแล้วก็เป็นรัฐธรรมนูญที่พอใช้ได้ และหากประชาชนลงรับร่าง ก็จะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อประกาศใช้ได้ เมื่อเช่นนั้นความแน่นอนทางการเมืองก็เกิดขึ้น และเชื่อว่าภายในปลายปีก็จะสามารถมีการเลือกตั้งได้ ดังนั้นหากประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วก็ต้องทำให้การเมืองมีความแน่นอน เพราะอย่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงก็ประกาศแล้วว่าหากประชาชนลงติรับร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะยุติการชุมนุม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการแข่งขันนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้มีการแข่งขันกันมากที่สุด เพื่อจะเป็นตัวเลือกให้กับประชาชน และขอให้สบายใจได้ว่าพรรคเราอยู่มา 60 กว่าปี ไม่ได้เกรงกลัวใครที่จะมาแข่งขัน ไม่กลัวที่จะเสียอะไร และยังยึดมั่นว่าจะมุ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนให้มากที่สุด
นอกจากนี้นาย อภิสิทธิ์ ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อรับฟังปัญหาของประชาชน นำไปจัดทำนโยบายของพรรคว่า ตนมั่นใจว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ สามารถทำได้จริง ไม่ใช่เป็นนโยบายขายฝัน เพราะก่อนหน้านั้นพรรคได้มีการสำรวจในการลงทุนเรื่องการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องข้าว ส่วนใหญ่พบว่ามีปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ และต้นทุนการผลิตสูง รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อาทิ เรื่องน้ำ การชลประทาน การเกษตรอินทรีย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าข้าว ดังนั้นจึงมั่นใจว่าพรรคดำเนินนโยบายมาถูกทางแล้ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ส.ค. 2550--จบ--