อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก
ภาพรวมอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจ
ของประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับ ผู้ประกอบการจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและย่อม นอกจากนี้พลาสติกยัง
เป็นอุตสาหกรรมเชื่อมต่อระหว่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ป้อนวัตถุดิบให้การผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งผลิตต่อเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกรูปแบบต่างๆ กับ
อุตสาหกรรมต่อเนื่องนานาประเภท อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย รองเท้า วัสดุก่อสร้าง
เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องเขียน ของเล่น เครื่องกีฬา บรรจุภัณฑ์ อาหารแปรรูป ฯลฯ ที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นวัตถุดิบ กึ่ง
สำเร็จรูปหรือเป็นส่วนประกอบการผลิต แต่อย่างไรก็ดีในช่วงปี 2549 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกกลับประสบปัญหาต่างๆ
อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มและราคาที่สูงขึ้นตลอดปี 2549 ทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผล
กระทบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาเม็ดพลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับปีอื่นๆ ที่ผ่านมา ประกอบกับคู่แข่ง เช่น จีน และเวียดนาม ได้พัฒนา
อุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกลดลงเป็นอย่างมาก
ผลิตภัณฑ์พลาสติก
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ผลิตในประเทศไทย ที่สำคัญได้แก่ ถุงและกระสอบพลาสติก แผ่นฟิลม์ ฟอยล์ เป็นต้น ผลผลิตร้อยละ 70 จำหน่ายใน
ประเทศ ที่เหลือส่งออก โรงงานส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก และมีเพียงร้อยละ 10 ที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ พลาสติกสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม
ใหญ่ๆ ได้แก่
1. เทอร์โมพลาสติก หรือ พลาสติกชนิดหลอมใหม่ได้ด้วยความร้อนและเมื่อเย็นลงจะแข็งตัว สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง
เช่น โพลีเอทีลีน โพลีโพรพิลีน โพลีไวนิลคลอไรด์
2. เทอร์โมเซตพลาสติก หรือ พลาสติกชนิดที่เมื่อผ่านกระบวนการแล้วจะไม่สามารถนำกลับมาหลอมใหม่ได้ เช่น Phenolies ,
Polyesters , Urea , Melamine เป็นต้น
อุตสาหกรรมที่ใช้พลาสติกเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้แก่ บรรจุภัณฑ์ สิ่งทอ รองเท้า วัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น โครงสร้างต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกประกอบด้วยวัตถุดิบ(เม็ดพลาสติก)ร้อยละ 70
แรงงานร้อยละ 10 — 15 พลังงานร้อยละ 8 ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ร้อยละ 7-12
การตลาด
การส่งออก
ปี 2549 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1,957.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.32 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน
มา ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศในอาเชียน ไต้หวัน อินเดีย และออสเตรเลีย ผลิตภัณฑ์หลักที่มี
มูลค่าส่งออกสูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์ และแถบ ถุงและกระสอบพลาสติก และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก ซึ่งมีสัดส่วนร้อย
ละ 28.18 26.78 และ 5.05 เมื่อเทียบกับยอดรวมการส่งออกผลิตภัณฑ์ในหมวดนี้ คาดว่าผลิตภัณฑ์หลักที่จะมีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นมากได้แก่
หลอดและท่อพลาสติก และ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก โดยคาดว่าจะมีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.48 และ 17.74 ตามลำดับ
มูลค่าส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เปลี่ยนแปลง
ประเภทผลิตภัณฑ์ 2547 2548 2549e 2548 2549 548 เทียบกับ2547 2549 เทียบกับ2548
(ม.ค.-ต.ค.) (ม.ค.-ต.ค.) (ร้อยละ) (ร้อยละ)
ถุงและกระสอบพลาสติก 372.9 518.8 523.2 432.4 444.1 39.13 0.85
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ 466.1 536.7 551.7 447.9 460 15.15 2.79
เครื่องแต่งกายและของใช้ประกอบฯ 25.8 22.6 17.8 19.4 15.2 -12.4 -21.24
กล่องหีบที่ทำด้วยพลาสติก 26.3 30.9 31.3 24.5 24.8 17.49 1.29
เครื่องใช้สำนักงานทำด้วยพลาสติก 21.8 22.6 19.4 18.8 16.6 3.67 -14.16
หลอดและท่อพลาสติก 32.7 41.5 50 32.8 38.6 26.91 20.48
พลาสติกปูพื้นและผนัง 40.1 50.6 55.7 42.3 46.2 26.18 10.08
เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก 68.9 84 98.9 70.2 83.5 21.92 17.74
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 493.2 551.1 609.8 459.4 508.6 11.74 10.65
รวมทั้งสิ้น 1547.8 1,858.80 1,957.80 1,547.70 1,637.60 20.09 5.32
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
2549e : ตัวเลขประมาณการปี 2549
การนำเข้า
ในปี 2549 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 2,264.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.67 เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยมีการนำเข้าแผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.53 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหลอดและท่อพลาสติกมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ
13.80 เมื่อเทียบกับปีก่อน แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เกาหลีใต้ และกลุ่มอาเซียน สำหรับผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่า
นำเข้าสูงสุด คือ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก โดยมีสัดส่วนนำเข้าร้อยละ 34.27 ของการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก
มูลค่าส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เปลี่ยนแปลง
ประเภทผลิตภัณฑ์ 2547 2548 2549e 2548 2549 2548 เทียบกับ2547 2549 เทียบกับ2548
(ม.ค.-ต.ค.) (ม.ค.-ต.ค.) (ร้อยละ) (ร้อยละ)
หลอดและท่อพลาสติก 80.5 79.7 90.7 67.2 75.4 -0.99 13.8
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก 668.9 742.4 776 618.7 648.3 10.99 4.53
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 1,174.00 1,224.00 1397.9 1,013.00 1,144.90 4.26 14.21
รวมทั้งสิ้น 1,923.40 2,046.10 2,264.60 1,698.90 1,868.60 6.38 10.68
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
2549e : ตัวเลขประมาณการปี 2549
แนวโน้ม
จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มและราคาที่สูงขึ้นตลอดปี 2549 ทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผลกระทบ
อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาเม็ดพลาสติกที่ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับปีต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องพยายามลดต้นทุนในการผลิต
รวมทั้งระมัดระวังการสต๊อกวัตถุดิบที่มีราคาผันผวนเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้การเปิดเขตเสรีทางการค้ายังส่งผลให้เกิดการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่โครงสร้างอุตสาหกรรมพลาสติกของไทยยังอ่อนแออยู่ ในส่วนของการส่งออกยังคงมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบสูงต่อยอดการส่งออก เช่น
มาตรการ Anti-Dumping หรือ การตัดสิทธ์จีเอสพี
ค่าเงินบาทที่มีการแข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยสูญเสียความได้เปรียบด้านการแข่งขันเมื่อ
เปรียบเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียด้วยกันนอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาน้ำมัน ค่าระวาง ยังคงส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมชนิดนี้อย่างต่อ
เนื่อง
ดังนั้นจึงควรมีการกำหนดนโยบายอย่างชัดเจน และมีการนำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบในระยะสั้น เช่น การส่ง
เสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศ หรือ การพัฒนาช่องทางการขนส่งใหม่ๆ เพื่อลดระยะทาง ระยะเวลา และต้นทุนค่าขนส่ง รวมทั้งจะต้องมีการผลิตเพื่อ
ทดแทนการนำเข้าและมีการส่งเสริมการส่งออกให้มากยิ่งขึ้น โดยพัฒนาการผลิตให้สามารถผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และ เป็นที่ต้องการของตลาด
ที่ผ่านมาผู้ผลิตของไทยได้ทำการปรับปรุงกระบวนการจัดการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นโดยทำการแก้ปัญหาคอขวดในด้านการผลิตเพิ่มเติม
ส่งผลให้สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตมากขึ้น
แนวโน้มการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมพลาสติกไทยในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเป็นการยกระดับ
ผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทย ให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มและมีการพัฒนาอย่างครบวงจร ตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำไปถึงปลายน้ำตลอดจนด้านการตลาดและการ
รักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการผลิตไบโอพลาสติกนับเป็นอีกธุรกิจทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและควรให้การสนับสนุนเพราะสามารถตอบสนองอุปสงค์ในตลาด
ต่างประเทศที่ได้เริ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมแล้วอย่างต่อเนื่อง เช่น อียูที่เริ่มมาตรการเก็บภาษีผู้ใช้ถุงพลาสติก รณรงค์ให้มีการรีไซเคิล และการใช้ไบ
โอพลาสติกที่มีคุณสมบัติย่อยสลายเร็ว
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ภาพรวมอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจ
ของประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับ ผู้ประกอบการจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและย่อม นอกจากนี้พลาสติกยัง
เป็นอุตสาหกรรมเชื่อมต่อระหว่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ป้อนวัตถุดิบให้การผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งผลิตต่อเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกรูปแบบต่างๆ กับ
อุตสาหกรรมต่อเนื่องนานาประเภท อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย รองเท้า วัสดุก่อสร้าง
เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องเขียน ของเล่น เครื่องกีฬา บรรจุภัณฑ์ อาหารแปรรูป ฯลฯ ที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นวัตถุดิบ กึ่ง
สำเร็จรูปหรือเป็นส่วนประกอบการผลิต แต่อย่างไรก็ดีในช่วงปี 2549 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกกลับประสบปัญหาต่างๆ
อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มและราคาที่สูงขึ้นตลอดปี 2549 ทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผล
กระทบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาเม็ดพลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับปีอื่นๆ ที่ผ่านมา ประกอบกับคู่แข่ง เช่น จีน และเวียดนาม ได้พัฒนา
อุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกลดลงเป็นอย่างมาก
ผลิตภัณฑ์พลาสติก
ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ผลิตในประเทศไทย ที่สำคัญได้แก่ ถุงและกระสอบพลาสติก แผ่นฟิลม์ ฟอยล์ เป็นต้น ผลผลิตร้อยละ 70 จำหน่ายใน
ประเทศ ที่เหลือส่งออก โรงงานส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก และมีเพียงร้อยละ 10 ที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ พลาสติกสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม
ใหญ่ๆ ได้แก่
1. เทอร์โมพลาสติก หรือ พลาสติกชนิดหลอมใหม่ได้ด้วยความร้อนและเมื่อเย็นลงจะแข็งตัว สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง
เช่น โพลีเอทีลีน โพลีโพรพิลีน โพลีไวนิลคลอไรด์
2. เทอร์โมเซตพลาสติก หรือ พลาสติกชนิดที่เมื่อผ่านกระบวนการแล้วจะไม่สามารถนำกลับมาหลอมใหม่ได้ เช่น Phenolies ,
Polyesters , Urea , Melamine เป็นต้น
อุตสาหกรรมที่ใช้พลาสติกเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้แก่ บรรจุภัณฑ์ สิ่งทอ รองเท้า วัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น โครงสร้างต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกประกอบด้วยวัตถุดิบ(เม็ดพลาสติก)ร้อยละ 70
แรงงานร้อยละ 10 — 15 พลังงานร้อยละ 8 ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ร้อยละ 7-12
การตลาด
การส่งออก
ปี 2549 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1,957.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.32 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน
มา ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศในอาเชียน ไต้หวัน อินเดีย และออสเตรเลีย ผลิตภัณฑ์หลักที่มี
มูลค่าส่งออกสูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์ และแถบ ถุงและกระสอบพลาสติก และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก ซึ่งมีสัดส่วนร้อย
ละ 28.18 26.78 และ 5.05 เมื่อเทียบกับยอดรวมการส่งออกผลิตภัณฑ์ในหมวดนี้ คาดว่าผลิตภัณฑ์หลักที่จะมีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นมากได้แก่
หลอดและท่อพลาสติก และ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก โดยคาดว่าจะมีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.48 และ 17.74 ตามลำดับ
มูลค่าส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เปลี่ยนแปลง
ประเภทผลิตภัณฑ์ 2547 2548 2549e 2548 2549 548 เทียบกับ2547 2549 เทียบกับ2548
(ม.ค.-ต.ค.) (ม.ค.-ต.ค.) (ร้อยละ) (ร้อยละ)
ถุงและกระสอบพลาสติก 372.9 518.8 523.2 432.4 444.1 39.13 0.85
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ 466.1 536.7 551.7 447.9 460 15.15 2.79
เครื่องแต่งกายและของใช้ประกอบฯ 25.8 22.6 17.8 19.4 15.2 -12.4 -21.24
กล่องหีบที่ทำด้วยพลาสติก 26.3 30.9 31.3 24.5 24.8 17.49 1.29
เครื่องใช้สำนักงานทำด้วยพลาสติก 21.8 22.6 19.4 18.8 16.6 3.67 -14.16
หลอดและท่อพลาสติก 32.7 41.5 50 32.8 38.6 26.91 20.48
พลาสติกปูพื้นและผนัง 40.1 50.6 55.7 42.3 46.2 26.18 10.08
เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพลาสติก 68.9 84 98.9 70.2 83.5 21.92 17.74
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 493.2 551.1 609.8 459.4 508.6 11.74 10.65
รวมทั้งสิ้น 1547.8 1,858.80 1,957.80 1,547.70 1,637.60 20.09 5.32
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
2549e : ตัวเลขประมาณการปี 2549
การนำเข้า
ในปี 2549 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 2,264.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.67 เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยมีการนำเข้าแผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.53 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหลอดและท่อพลาสติกมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ
13.80 เมื่อเทียบกับปีก่อน แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เกาหลีใต้ และกลุ่มอาเซียน สำหรับผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่า
นำเข้าสูงสุด คือ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก โดยมีสัดส่วนนำเข้าร้อยละ 34.27 ของการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก
มูลค่าส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เปลี่ยนแปลง
ประเภทผลิตภัณฑ์ 2547 2548 2549e 2548 2549 2548 เทียบกับ2547 2549 เทียบกับ2548
(ม.ค.-ต.ค.) (ม.ค.-ต.ค.) (ร้อยละ) (ร้อยละ)
หลอดและท่อพลาสติก 80.5 79.7 90.7 67.2 75.4 -0.99 13.8
แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก 668.9 742.4 776 618.7 648.3 10.99 4.53
ผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ 1,174.00 1,224.00 1397.9 1,013.00 1,144.90 4.26 14.21
รวมทั้งสิ้น 1,923.40 2,046.10 2,264.60 1,698.90 1,868.60 6.38 10.68
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
2549e : ตัวเลขประมาณการปี 2549
แนวโน้ม
จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มและราคาที่สูงขึ้นตลอดปี 2549 ทำให้ต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผลกระทบ
อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาเม็ดพลาสติกที่ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับปีต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องพยายามลดต้นทุนในการผลิต
รวมทั้งระมัดระวังการสต๊อกวัตถุดิบที่มีราคาผันผวนเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้การเปิดเขตเสรีทางการค้ายังส่งผลให้เกิดการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่โครงสร้างอุตสาหกรรมพลาสติกของไทยยังอ่อนแออยู่ ในส่วนของการส่งออกยังคงมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบสูงต่อยอดการส่งออก เช่น
มาตรการ Anti-Dumping หรือ การตัดสิทธ์จีเอสพี
ค่าเงินบาทที่มีการแข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยสูญเสียความได้เปรียบด้านการแข่งขันเมื่อ
เปรียบเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียด้วยกันนอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาน้ำมัน ค่าระวาง ยังคงส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมชนิดนี้อย่างต่อ
เนื่อง
ดังนั้นจึงควรมีการกำหนดนโยบายอย่างชัดเจน และมีการนำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบในระยะสั้น เช่น การส่ง
เสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศ หรือ การพัฒนาช่องทางการขนส่งใหม่ๆ เพื่อลดระยะทาง ระยะเวลา และต้นทุนค่าขนส่ง รวมทั้งจะต้องมีการผลิตเพื่อ
ทดแทนการนำเข้าและมีการส่งเสริมการส่งออกให้มากยิ่งขึ้น โดยพัฒนาการผลิตให้สามารถผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และ เป็นที่ต้องการของตลาด
ที่ผ่านมาผู้ผลิตของไทยได้ทำการปรับปรุงกระบวนการจัดการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นโดยทำการแก้ปัญหาคอขวดในด้านการผลิตเพิ่มเติม
ส่งผลให้สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตมากขึ้น
แนวโน้มการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมพลาสติกไทยในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเป็นการยกระดับ
ผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทย ให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มและมีการพัฒนาอย่างครบวงจร ตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำไปถึงปลายน้ำตลอดจนด้านการตลาดและการ
รักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการผลิตไบโอพลาสติกนับเป็นอีกธุรกิจทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและควรให้การสนับสนุนเพราะสามารถตอบสนองอุปสงค์ในตลาด
ต่างประเทศที่ได้เริ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมแล้วอย่างต่อเนื่อง เช่น อียูที่เริ่มมาตรการเก็บภาษีผู้ใช้ถุงพลาสติก รณรงค์ให้มีการรีไซเคิล และการใช้ไบ
โอพลาสติกที่มีคุณสมบัติย่อยสลายเร็ว
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-