วันนี้ (23 พ.ย. 48)เวลา 09.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวในรายการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องถือว่าเป็นสัปดาห์ที่อุณหภูมิการเมืองต้องถือว่าร้อนพอสมควรและเป็นเรื่องที่ขณะนี้อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ผมเลยต้องถือโอกาสนี้ลำดับให้เห็นถึงสภาพปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน สิ่งที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่เราเห็นมีการตอบโต้มีการเผชิญหน้ากันอยู่ในหลายๆ เรื่อง คงจะต้องแยกแยะ เพราะบางเรื่องก็เป็นปัญหาเฉพาะการบริหารจัดการของรัฐบาล ซึ่งอาจจะเป็นความล้มเหลวหรือความล่าช้าในเชิงการบริหารจัดการ หรือในเชิงนโยบายก็แล้วแต่ก็ทำให้เกิดสภาพปัญหาการเผชิญหน้าขึ้นมา
กรณีของการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ในกรณีของการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งทางศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ระงับการกระจายหุ้น แต่ว่าก็ยังมีประเด็นสืบเนื่องต่อเนื่องมา และยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นการที่กลุ่มผู้นำเรื่องไปร้องต่อศาลปกครองก็ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาทั้งในเชิงนโยบายทั้งในเชิงข้อกฎหมายของการดำเนินการของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของพนักงาน หรือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเองที่ได้ไปกู้ยืมเงินมาเพื่อการจองหุ้น และในที่สุดเมื่อศาลสั่งระงับการกระจายหุ้นเป็นการชั่วคราวก็เรียกหาให้มีผู้รับผิดชอบ จากการที่เขาต้องมีต้นทุนในเรื่องของการไปกู้ยืมเงินมา และในส่วนของทางพรรคฝ่ายค้านเอง ผมก็เรียนว่ามีประเด็นที่มีปัญหาข้อสงสัยความไม่ชัดเจนอีกมาก วันนี้ทางคณะกรรมการประสานงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะได้มีเดินทางไปที่กรมธนารักษ์ เพราะว่ากรมธนารักษ์ขณะนี้คือผู้รับโอนเรื่องของเขื่อนไปจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แต่ว่าขณะเดียวกันกรมธนารักษ์นั้นก็กำลังจัดให้มีการเช่าเขื่อนโดยบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งได้แปลงสภาพจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่เป็นรัฐวิสาหกิจเดิมมาเป็นรูปของบริษัท และกำลังมีการกระจายหุ้น ถ้าหากศาลปกครองได้วินิจฉัยให้เดินหน้าต่อไปได้ ประเด็นปัญหาที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ต้องการจะทราบนั่นคือ เงื่อนไขของการเช่าเขื่อนหรือการใช้ประโยชน์จากเขื่อนและทรัพยากรธรรมชาติ เช่นน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนนั้น มีข้อตกลงว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นวันนี้ ทางคณะกรรมการจะส่งตัวแทนไปเพื่อขอให้กรมธนารักษ์ ได้เปิดเผยสิ่งที่เป็นสัญญาหรือข้อตกลงเพื่อจะได้ช่วยกันตรวจสอบว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ให้ความเป็นธรรมแก่พี่น้องประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติและเจ้าของสมบัติของชาติที่เคยอยู่ในความดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่เป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่อย่างไร และเมื่อได้สัญญาตัวนี้มา หรือข้อตกลงตัวนี้มาก็จะได้ศึกษาตรวจสอบเพื่อนำเสนอต่อไป ขณะเดียวกันประเด็นอื่น ๆ ที่เป็นข้อห่วงใยของทางพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้จัดทำเป็นรายงานการศึกษาเพื่อที่จะไปสนับสนุนกลุ่มที่ได้มีการร้องว่าการนำเรื่องของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในขณะนี้น่าจะไม่ชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อค้นพบของคณะกรรมการประสานงานก็มีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจทางกฎหมายและอำนาจในทางเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังจะมีการโอนไปยังบริษัทซึ่งทางเอกชนจะเข้ามาเป็นเจ้าของด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งตั้งบุคคลซึ่งต่อไปก็จะเป็นเหมือนกับลูกจ้างของภาคเอกชน มาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจะมีอำนาจในทางปกครองหรืออำนาจอื่น ๆ ตามกฎหมายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าไปรอนสิทธิ์ หรือแม้กระทั่งจะมีการเวนคืนต่อไป ซึ่งเป็นการทำเพื่อปักเสาพาดสายต่าง ๆ ว่าอำนาจเหล่านี้ที่จะไปรอนสิทธิของประชาชน จะสามารถใช้โดยขณะเดียวกันเป็นไปเพื่อโดยกำไรสำหรับผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเอกชนได้หรือไม่ เพราะว่าโดยหลักอำนาจเหล่านี้ต้องใช้เพื่อสาธารณประโยชน์เท่านั้น ส่วนทางด้านเศรษฐกิจนั้นรูปแบบที่ทางรัฐบาลวางในการแปรรูปครั้งนี้ซึ่งไม่เหมือนกับแนวทางการแปรรูปของรัฐบาลก่อน ๆ ก็คือว่า โอนอำนาจการผูกขาดทั้งอำนาจการซื้อและการขายไฟฟ้าไว้ที่บริษัทนี้ซึ่งจะมีการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ อันนี้คือประเด็นที่ยังคงเป็นเรื่องสืบเนื่องที่จะต้องติดตามตรวจสอบกันต่อไป ขณะเดียวกันในเรื่องเดียวกันนี้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของการกระจายหุ้นหรือการแปรรูปเองก็คงจะมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ก็ขอยืนยันว่าทางพรรคฝ่ายค้านได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าจริง ๆ แล้วการแปรรูปไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ว่าต้องดำเนินการด้วยวิธีการที่ถูกต้องโดยมุ่งในการสร้างการแข่งขันในกิจการที่แข่งขันได้ กิจการที่มีการผูกขาดนั้น อะไรที่เป็นทรัพย์สมบัติที่ใช้ในการผูกขาดต้องเก็บไว้ในส่วนของภาครัฐและมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการนั้น ๆ โดยมีกฎหมายรองรับ
เมื่อวานนี้ทางคณะรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจในฝ่ายบริหาร จัดตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการเรื่องของไฟฟ้า เป็นคณะกรรมการกำกับดูแลชั่วคราวและทันทีที่แต่งตั้งเราก็จะเห็นเสียงวิพากวิจารณ์ทันทีว่าไม่มีหลักประกันเลยว่าคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระเพราะว่าเป็นการแต่งตั้งโดยการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร และที่สำคัญกว่านั้นหลังจากแต่งตั้งเสร็จแล้วรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ยอมรับเองว่าคณะกรรมการชุดนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจในการที่จะตัดสินใจอะไรได้ตามกฎหมายอย่างแท้จริง เพราะว่ายังไม่มีกฎหมายรับซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของผม ของพรรคประชาธิปัตย์ของพรรคร่วมฝ่ายค้านมาตั้งแต่ตอนที่รัฐบาลแถลงในเรื่องของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ นี่ก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งของการชุมนุมหรือการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่อง
การกระจายอำนาจและการถ่ายโอนภาระกิจทางด้านการศึกษา
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจและเรื่องที่เกี่ยวกับการถ่ายโอนภาระกิจทางด้านการศึกษา ขณะนี้ทางพรรคไทยรักไทยได้ตัดสินใจที่จะเสนอกฎหมายเพื่อแก้กฎหมายแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจและปฏิกิริยาจากข้าราชการครู ปฏิกิริยาจากทางองค์กรส่วนท้องถิ่นนั้นก็ดูว่าอาจจะมีส่วนหนึ่งที่พึงพอใจแต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนซึ่งยังไม่มั่นใจหรือไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันจริงๆ แล้วผมได้ย้ำมาหลายครั้งว่า ถ้ารัฐบาลจะจริงจังในเรื่องของการบริหารจัดการตามนโยบายเรื่องของการกระจายอำนาจและปฏิรูปการศึกษา มันไม่ควรที่จะมาอยู่ที่จุดนี้ และความขัดแย้งไม่ควรจะเกิดขึ้นและรัฐบาลจะต้องเร่งปรับท่าทีในการที่จะบริหารงานในเรื่องนี้เพื่อลดความขัดแย้งการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย การแก้กฎหมายอาจจะเป็นการแก้ปัญหาเป็นภาวะชั่วคราว หรือภาวะเฉพาะหน้าไปได้ แต่ปัญหานี้จะไม่หมดไปตราบเท่าที่ความขัดแย้งในทางความคิดยังมีอยู่ ซึ่งรัฐบาลจะมีหน้าที่สำคัญมากในการประสานความคิดของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน เพราะผมเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายคือทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งข้าราชการครู คงมีความมุ่งมั่น คงมีความปรารถนาเหมือนกัน ก็คืออยากจะเห็นบริการด้านการศึกษาเป็นบริการที่ดีมีคุณภาพ ส่วนรายละเอียดวิธีการต่าง ๆ อาจจะมีความเห็นต่างกันบ้าง อาจจะขาดความมั่นใจ อาจจะขาดความเข้าใจซึ่งกันและกันได้ ดังนั้นรัฐบาลยังคงมีหน้าที่สำคัญในเชิงบริหารจัดการที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ลำพังเพียงแต่การไปแก้กฎหมายเพื่อแก้ไขเงื่อนเวลาคงไม่สามารถที่จะเป็นคำตอบที่ดีหรือคำตอบที่ถาวรได้ อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งก็ยังรอการคลี่คลายอยู่
การปิดกั้นสื่อสารมวลชนหรือรายการต่าง ๆ
แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือในช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางภาวะของความเห็นที่หลากหลายความเห็นที่แตกต่าง ก็ปรากฎว่ารัฐบาลได้มีการปิดกั้นสื่อสารมวลชนหรือรายการต่าง ๆ มากขึ้น จนกระทั่งจนมาถึงรายการของเมืองไทยรายสัปดาห์ ก็ปรากฎว่าผู้จัดรายการ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็จึงได้ไปจัดเป็นรายการสัญจรแทน และหาช่องทางในการสื่อสารรายการนี้หรือประเด็นอื่น ๆ ต่อไปตามสื่อต่าง ๆ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่องก็คือรัฐบาลเอง โดยตัวแทนของบุคคลในรัฐบาล ก็มีการทั้งฟ้องร้อง และการฟ้องร้องนั้นก็ไปไกลถึงขั้นการขอวิธีการคำสั่งจากศาล ซึ่งเป็นวิธีการชั่วคราวที่จะห้ามไม่ให้มีการพูดบ้าง ไปจนถึงการที่ใช้อำนาจของกรมประชาสัมพันธ์ โดยอ้างกฎหมายในการที่จะไประงับการถ่ายทอดรายการนี้ตามเคเบิลทีวี หรือโทรทัศน์บอกรับสมาชิกในต่างจังหวัด ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ทางพรรคฝ่ายค้านได้ติดตามตรวจสอบและก็พบว่าไม่ปรากฎชัดเจนว่าอำนาจที่ใช้ไปใช้โดยอ้างอิงเหตุผลอ้างอิงบทบัญญัติข้อใดเพราะว่าแม้กระทั่งจดหมายที่ออกไปจากกรมประชาสัมพันธ์เองก็มีความกำกวมว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กระจายเสียงหรือเผยแพร่ภาพหรือเป็นเรื่องของสาระของรายการซึ่งอันนี้ก็เป็นปัญหาว่ามีการเลือกปฏิบัติแล้วก็เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วก็มีข่าวออกมาว่ามีความพยายามที่จะปิดเวปไซต์ซึ่งเป็นเวปไซต์ข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เมื่อคุณสนธิได้รับทราบข่าวเหล่านี้ก็จึงเชิญผมเข้าไปรับฟังข้อมูลจากฝ่ายสื่อ ผมก็ได้เดินทางไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน สิ่งที่ผมออกมายืนยันกับสาธารณชนก็คือว่า ที่ผมไปนั้นเป็นเรื่องของการไปคุ้มครอง หรือดูแลในเรื่องของสิทธิเสรีภาพของประชาชน ผมพูดตรงไปตรงมากับคุณสนธิด้วยกับข้างนอกด้วยว่า หลายเรื่องที่คุณสนธิพูดผมอาจจะไม่เห็นด้วยแต่ว่าไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญก็คือเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเนี่ย ถ้าคุณสนธิหรือใครก็ตามใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในขอบเขตของกฎหมายมีสิทธิ์ที่จะทำและก็ไม่พึงที่จะมีการปิดกั้น ไม่ควรที่จะมีการท้าทาย หรือยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้ากัน ขณะนี้ก็มีกระบวนการที่บิดเบือนว่า ใครก็ตามที่ไปพบคุณสนธิ หรือใครก็ตามที่ไปฟังรายการคุณสนธิ แปลว่าเป็นแนวร่วมกระบวนการที่จะล้มล้างรัฐบาลพาดพิงกลับมาถึงฝ่ายค้านผมก็อยากจะให้ความมั่นใจว่า ผมและพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคฝ่ายค้านนั้น เราสำนึกในหน้าที่ของเราดีการทำหน้าที่ของเราก็คือการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนของปวงชนชาวไทย เราเดินหน้าทำงานตรวจสอบทำงานอย่างเข้มข้นในรัฐสภาจริง ๆ แล้วเรามีสิทธิ์ที่จะต่อว่ารัฐบาลด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมารัฐบาลเสียอีกที่ไม่ให้ความสำคัญกับกระบวนการของรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการมาตอบกระทู้ถาม ไม่ว่าจะเป็นการเอาเรื่องที่สำคัญ ๆ ของบ้านเมืองหรือนโยบายมาพูดจากันในสภาทั้ง ๆ ที่เราเรียกร้องมาตลอด นอกจากนั้นก็ต้องบอกว่าพวกเราทุกคนก็มีหน้าที่ตามคำปฏิญาณตนว่า รักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในเรื่องของสิทธิเสรีภาพการตรวจสอบทุกฝ่ายต้องเคารพ เมื่อมีการละเมิดเมื่อมีความพยายามที่จะบิดเบือนเบี่ยงเบนนั่นก็เป็นสิ่งที่เรามีหน้าที่ในการที่จะเข้าไปปกป้อง ผมก็ได้เตือนรัฐบาลไปหลายครั้งว่าสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ถ้ารัฐบาลปิดกั้นสื่อมากขึ้นบิดเบือนเบี่ยงเบน ท้าทาย นับวันมีแต่ความอึดอัด ตรึงเครียดในสังคม จะมีมากขึ้น รัฐบาลจะไปเชื่อในทฤษฎีได้มาก ๆ ปิดกั้นสื่อได้มาก ๆ ทุกอย่างจะเรียบร้อยไม่ได้ เพราะว่าในที่สุดความคิดของคนปิดกั้นไม่ได้ ความจริงของสังคมปิดบังไม่ได้ และถ้าหากเราไม่รู้จักที่จะใช้กระบวนการหรือช่องทางของประชาธิปไตยให้กระบวนการของการใช้สิทธิเสรีภาพในขอบเขตนำไปสู่ปัญหา นำไปสู่การเรียนรู้ นำไปสู่ข้อยุติในสังคม ถ้าหากเราไม่รู้จักใช้อันนี้เราก็อันตราย เพราะว่าทำให้สังคมมีแต่การเผชิญหน้ากันด้วยความรุนแรง กล่าวหากันไปมา ผมเองพูดตั้งแต่วันแรกที่ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรมาผมไม่เคยมองว่าหน้าที่ผมไปล้มล้างรัฐบาลหรือไปล้มล้างท่านนายกทักษิณนะครับ แต่ผมมีในการตรวจสอบ ผมมีหน้าที่ในการที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ในวันนี้ผมก็เรียกร้องว่า ขอให้คนในรัฐบาลและส.ส.ที่เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ทุกคน สำนึกในภาระกิจสำคัญที่จะช่วยกันปกป้องเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มิเช่นนั้นแล้วเราก็กำลังนำพาบ้านเมืองไปสู่เงื่อนไขของความขัดแย้งมากขึ้นๆ ซึ่งก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาหรือการแก้ไขราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความยากลำบาก และผมก็ได้เรียกร้องว่าผู้ที่เป็นผู้นำจะต้องแสดงภาวะของความเป็นผู้นำในการเผชิญความจริง ท่านจะพูดเล่นพูดจริง ไปอ้างดวงดาว ไปอ้างเหตุผลอะไร ไม่เป็นผลดี และในขณะนี้ผมขอเตือน เพราะว่าติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ มา 2 — 3 วัน ก็เห็นได้ชัดว่าแนวความคิดของรัฐบาลก็ยังเป็นว่า ขอให้คนในรัฐบาลยึดพื้นที่สื่อให้มาก ๆ สื่อของรัฐตรงไหนที่สามารถนำมาใช้โจมตีคนที่คิดไม่เหมือนรัฐบาลก็จะใช้ช่องทางทุกช่องทางอย่างเต็มที่ อันนี้อันตราย เพราะมีแต่จะทำให้สถานการณ์นั้นมีความตึงเครียดมากขึ้น ผมเองมีความห่วงใยมาโดยตลอด วันที่ไปพบคุณสนธิวันที่พูดในสภา หรือการให้คำสัมภาษณ์ต่าง ๆ ผมย้ำตลอดว่าขอให้ทุกฝ่ายได้มีความพยายามที่จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของฝ่ายที่ไม่หวังดี ไม่ว่าจะเป็นมือที่สาม ที่สี่ มือหนึ่งหรือสอง อาจจะมีความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงได้ และผมได้มีโอกาสพบผู้ว่าฯ วันก่อนก็จึงได้ฝากท่านไปด้วยว่าให้ท่านช่วยดูแลในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย ซึ่งผมก็มั่นใจว่าทางกรุงเทพมหานครก็คงจะได้เตรียมมาตรการต่าง ๆ ในเรื่องของการชุมนุมเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครว่าเราต้องยืนยันในเรื่องของสิทธิเสรีภาพของประชาชนแต่ขณะเดียวกันก็จะดูแลไม่ให้ปัญหาในเรื่องของความรุนแรงหรือความยั่วยุซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นก็อยากจะเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่าท่านมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และการเคลื่อนไหวใด ๆ ตามกรอบของกฎหมายทำได้ แต่ว่าขอให้ได้ช่วยกันระมัดระวังอย่าให้คนที่ไม่หวังดีต่อประชาธิปไตย หรือคนที่ต้องการสร้างสถานการณ์มาเบี่ยงเบนการใช้สิทธิเสรีภาพของท่าน ผมย้ำไปยังรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งว่าวันนี้น่าจะทบทวนแนวคิดวิธีการของการบริหารราชการแผ่นดินความคิดในเชิงอำนาจนิยม ความคิดในเชิงการปิดกั้น ขอให้เลิกเสียเถิด เพราะถ้าเลิกแล้วผมเชื่อว่าโอกาสในการผลักดันนโยบาย ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะง่ายขี้น ขณะเดียวกันเรื่องที่อยู่ในความสงสัย เรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนต้องมีคำตอบโดยเฉพาะปัญหาเรื่องความทุจริต คอรัปชั่น การกระทำที่เหมาะสม สมควรหรือไม่อย่างไร ควรที่จะได้มีการมาเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา อะไรที่ผิดก็ให้ปรับปรุงแก้ไขเสีย ผมเชื่อว่าอันนั้นก็จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของบ้านเมืองต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ย.2548--จบ--
กรณีของการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ในกรณีของการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งทางศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ระงับการกระจายหุ้น แต่ว่าก็ยังมีประเด็นสืบเนื่องต่อเนื่องมา และยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นการที่กลุ่มผู้นำเรื่องไปร้องต่อศาลปกครองก็ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาทั้งในเชิงนโยบายทั้งในเชิงข้อกฎหมายของการดำเนินการของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของพนักงาน หรือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเองที่ได้ไปกู้ยืมเงินมาเพื่อการจองหุ้น และในที่สุดเมื่อศาลสั่งระงับการกระจายหุ้นเป็นการชั่วคราวก็เรียกหาให้มีผู้รับผิดชอบ จากการที่เขาต้องมีต้นทุนในเรื่องของการไปกู้ยืมเงินมา และในส่วนของทางพรรคฝ่ายค้านเอง ผมก็เรียนว่ามีประเด็นที่มีปัญหาข้อสงสัยความไม่ชัดเจนอีกมาก วันนี้ทางคณะกรรมการประสานงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะได้มีเดินทางไปที่กรมธนารักษ์ เพราะว่ากรมธนารักษ์ขณะนี้คือผู้รับโอนเรื่องของเขื่อนไปจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แต่ว่าขณะเดียวกันกรมธนารักษ์นั้นก็กำลังจัดให้มีการเช่าเขื่อนโดยบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งได้แปลงสภาพจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่เป็นรัฐวิสาหกิจเดิมมาเป็นรูปของบริษัท และกำลังมีการกระจายหุ้น ถ้าหากศาลปกครองได้วินิจฉัยให้เดินหน้าต่อไปได้ ประเด็นปัญหาที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ต้องการจะทราบนั่นคือ เงื่อนไขของการเช่าเขื่อนหรือการใช้ประโยชน์จากเขื่อนและทรัพยากรธรรมชาติ เช่นน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนนั้น มีข้อตกลงว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นวันนี้ ทางคณะกรรมการจะส่งตัวแทนไปเพื่อขอให้กรมธนารักษ์ ได้เปิดเผยสิ่งที่เป็นสัญญาหรือข้อตกลงเพื่อจะได้ช่วยกันตรวจสอบว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ให้ความเป็นธรรมแก่พี่น้องประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติและเจ้าของสมบัติของชาติที่เคยอยู่ในความดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่เป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่อย่างไร และเมื่อได้สัญญาตัวนี้มา หรือข้อตกลงตัวนี้มาก็จะได้ศึกษาตรวจสอบเพื่อนำเสนอต่อไป ขณะเดียวกันประเด็นอื่น ๆ ที่เป็นข้อห่วงใยของทางพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้จัดทำเป็นรายงานการศึกษาเพื่อที่จะไปสนับสนุนกลุ่มที่ได้มีการร้องว่าการนำเรื่องของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในขณะนี้น่าจะไม่ชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อค้นพบของคณะกรรมการประสานงานก็มีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจทางกฎหมายและอำนาจในทางเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังจะมีการโอนไปยังบริษัทซึ่งทางเอกชนจะเข้ามาเป็นเจ้าของด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งตั้งบุคคลซึ่งต่อไปก็จะเป็นเหมือนกับลูกจ้างของภาคเอกชน มาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจะมีอำนาจในทางปกครองหรืออำนาจอื่น ๆ ตามกฎหมายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าไปรอนสิทธิ์ หรือแม้กระทั่งจะมีการเวนคืนต่อไป ซึ่งเป็นการทำเพื่อปักเสาพาดสายต่าง ๆ ว่าอำนาจเหล่านี้ที่จะไปรอนสิทธิของประชาชน จะสามารถใช้โดยขณะเดียวกันเป็นไปเพื่อโดยกำไรสำหรับผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเอกชนได้หรือไม่ เพราะว่าโดยหลักอำนาจเหล่านี้ต้องใช้เพื่อสาธารณประโยชน์เท่านั้น ส่วนทางด้านเศรษฐกิจนั้นรูปแบบที่ทางรัฐบาลวางในการแปรรูปครั้งนี้ซึ่งไม่เหมือนกับแนวทางการแปรรูปของรัฐบาลก่อน ๆ ก็คือว่า โอนอำนาจการผูกขาดทั้งอำนาจการซื้อและการขายไฟฟ้าไว้ที่บริษัทนี้ซึ่งจะมีการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ อันนี้คือประเด็นที่ยังคงเป็นเรื่องสืบเนื่องที่จะต้องติดตามตรวจสอบกันต่อไป ขณะเดียวกันในเรื่องเดียวกันนี้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของการกระจายหุ้นหรือการแปรรูปเองก็คงจะมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ก็ขอยืนยันว่าทางพรรคฝ่ายค้านได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าจริง ๆ แล้วการแปรรูปไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ว่าต้องดำเนินการด้วยวิธีการที่ถูกต้องโดยมุ่งในการสร้างการแข่งขันในกิจการที่แข่งขันได้ กิจการที่มีการผูกขาดนั้น อะไรที่เป็นทรัพย์สมบัติที่ใช้ในการผูกขาดต้องเก็บไว้ในส่วนของภาครัฐและมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการนั้น ๆ โดยมีกฎหมายรองรับ
เมื่อวานนี้ทางคณะรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจในฝ่ายบริหาร จัดตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการเรื่องของไฟฟ้า เป็นคณะกรรมการกำกับดูแลชั่วคราวและทันทีที่แต่งตั้งเราก็จะเห็นเสียงวิพากวิจารณ์ทันทีว่าไม่มีหลักประกันเลยว่าคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระเพราะว่าเป็นการแต่งตั้งโดยการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร และที่สำคัญกว่านั้นหลังจากแต่งตั้งเสร็จแล้วรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ยอมรับเองว่าคณะกรรมการชุดนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจในการที่จะตัดสินใจอะไรได้ตามกฎหมายอย่างแท้จริง เพราะว่ายังไม่มีกฎหมายรับซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของผม ของพรรคประชาธิปัตย์ของพรรคร่วมฝ่ายค้านมาตั้งแต่ตอนที่รัฐบาลแถลงในเรื่องของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ นี่ก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งของการชุมนุมหรือการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่อง
การกระจายอำนาจและการถ่ายโอนภาระกิจทางด้านการศึกษา
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจและเรื่องที่เกี่ยวกับการถ่ายโอนภาระกิจทางด้านการศึกษา ขณะนี้ทางพรรคไทยรักไทยได้ตัดสินใจที่จะเสนอกฎหมายเพื่อแก้กฎหมายแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจและปฏิกิริยาจากข้าราชการครู ปฏิกิริยาจากทางองค์กรส่วนท้องถิ่นนั้นก็ดูว่าอาจจะมีส่วนหนึ่งที่พึงพอใจแต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนซึ่งยังไม่มั่นใจหรือไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันจริงๆ แล้วผมได้ย้ำมาหลายครั้งว่า ถ้ารัฐบาลจะจริงจังในเรื่องของการบริหารจัดการตามนโยบายเรื่องของการกระจายอำนาจและปฏิรูปการศึกษา มันไม่ควรที่จะมาอยู่ที่จุดนี้ และความขัดแย้งไม่ควรจะเกิดขึ้นและรัฐบาลจะต้องเร่งปรับท่าทีในการที่จะบริหารงานในเรื่องนี้เพื่อลดความขัดแย้งการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย การแก้กฎหมายอาจจะเป็นการแก้ปัญหาเป็นภาวะชั่วคราว หรือภาวะเฉพาะหน้าไปได้ แต่ปัญหานี้จะไม่หมดไปตราบเท่าที่ความขัดแย้งในทางความคิดยังมีอยู่ ซึ่งรัฐบาลจะมีหน้าที่สำคัญมากในการประสานความคิดของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน เพราะผมเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายคือทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งข้าราชการครู คงมีความมุ่งมั่น คงมีความปรารถนาเหมือนกัน ก็คืออยากจะเห็นบริการด้านการศึกษาเป็นบริการที่ดีมีคุณภาพ ส่วนรายละเอียดวิธีการต่าง ๆ อาจจะมีความเห็นต่างกันบ้าง อาจจะขาดความมั่นใจ อาจจะขาดความเข้าใจซึ่งกันและกันได้ ดังนั้นรัฐบาลยังคงมีหน้าที่สำคัญในเชิงบริหารจัดการที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ลำพังเพียงแต่การไปแก้กฎหมายเพื่อแก้ไขเงื่อนเวลาคงไม่สามารถที่จะเป็นคำตอบที่ดีหรือคำตอบที่ถาวรได้ อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งก็ยังรอการคลี่คลายอยู่
การปิดกั้นสื่อสารมวลชนหรือรายการต่าง ๆ
แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือในช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางภาวะของความเห็นที่หลากหลายความเห็นที่แตกต่าง ก็ปรากฎว่ารัฐบาลได้มีการปิดกั้นสื่อสารมวลชนหรือรายการต่าง ๆ มากขึ้น จนกระทั่งจนมาถึงรายการของเมืองไทยรายสัปดาห์ ก็ปรากฎว่าผู้จัดรายการ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็จึงได้ไปจัดเป็นรายการสัญจรแทน และหาช่องทางในการสื่อสารรายการนี้หรือประเด็นอื่น ๆ ต่อไปตามสื่อต่าง ๆ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่องก็คือรัฐบาลเอง โดยตัวแทนของบุคคลในรัฐบาล ก็มีการทั้งฟ้องร้อง และการฟ้องร้องนั้นก็ไปไกลถึงขั้นการขอวิธีการคำสั่งจากศาล ซึ่งเป็นวิธีการชั่วคราวที่จะห้ามไม่ให้มีการพูดบ้าง ไปจนถึงการที่ใช้อำนาจของกรมประชาสัมพันธ์ โดยอ้างกฎหมายในการที่จะไประงับการถ่ายทอดรายการนี้ตามเคเบิลทีวี หรือโทรทัศน์บอกรับสมาชิกในต่างจังหวัด ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ทางพรรคฝ่ายค้านได้ติดตามตรวจสอบและก็พบว่าไม่ปรากฎชัดเจนว่าอำนาจที่ใช้ไปใช้โดยอ้างอิงเหตุผลอ้างอิงบทบัญญัติข้อใดเพราะว่าแม้กระทั่งจดหมายที่ออกไปจากกรมประชาสัมพันธ์เองก็มีความกำกวมว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กระจายเสียงหรือเผยแพร่ภาพหรือเป็นเรื่องของสาระของรายการซึ่งอันนี้ก็เป็นปัญหาว่ามีการเลือกปฏิบัติแล้วก็เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วก็มีข่าวออกมาว่ามีความพยายามที่จะปิดเวปไซต์ซึ่งเป็นเวปไซต์ข่าวของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เมื่อคุณสนธิได้รับทราบข่าวเหล่านี้ก็จึงเชิญผมเข้าไปรับฟังข้อมูลจากฝ่ายสื่อ ผมก็ได้เดินทางไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน สิ่งที่ผมออกมายืนยันกับสาธารณชนก็คือว่า ที่ผมไปนั้นเป็นเรื่องของการไปคุ้มครอง หรือดูแลในเรื่องของสิทธิเสรีภาพของประชาชน ผมพูดตรงไปตรงมากับคุณสนธิด้วยกับข้างนอกด้วยว่า หลายเรื่องที่คุณสนธิพูดผมอาจจะไม่เห็นด้วยแต่ว่าไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญก็คือเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเนี่ย ถ้าคุณสนธิหรือใครก็ตามใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในขอบเขตของกฎหมายมีสิทธิ์ที่จะทำและก็ไม่พึงที่จะมีการปิดกั้น ไม่ควรที่จะมีการท้าทาย หรือยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้ากัน ขณะนี้ก็มีกระบวนการที่บิดเบือนว่า ใครก็ตามที่ไปพบคุณสนธิ หรือใครก็ตามที่ไปฟังรายการคุณสนธิ แปลว่าเป็นแนวร่วมกระบวนการที่จะล้มล้างรัฐบาลพาดพิงกลับมาถึงฝ่ายค้านผมก็อยากจะให้ความมั่นใจว่า ผมและพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคฝ่ายค้านนั้น เราสำนึกในหน้าที่ของเราดีการทำหน้าที่ของเราก็คือการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนของปวงชนชาวไทย เราเดินหน้าทำงานตรวจสอบทำงานอย่างเข้มข้นในรัฐสภาจริง ๆ แล้วเรามีสิทธิ์ที่จะต่อว่ารัฐบาลด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมารัฐบาลเสียอีกที่ไม่ให้ความสำคัญกับกระบวนการของรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการมาตอบกระทู้ถาม ไม่ว่าจะเป็นการเอาเรื่องที่สำคัญ ๆ ของบ้านเมืองหรือนโยบายมาพูดจากันในสภาทั้ง ๆ ที่เราเรียกร้องมาตลอด นอกจากนั้นก็ต้องบอกว่าพวกเราทุกคนก็มีหน้าที่ตามคำปฏิญาณตนว่า รักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในเรื่องของสิทธิเสรีภาพการตรวจสอบทุกฝ่ายต้องเคารพ เมื่อมีการละเมิดเมื่อมีความพยายามที่จะบิดเบือนเบี่ยงเบนนั่นก็เป็นสิ่งที่เรามีหน้าที่ในการที่จะเข้าไปปกป้อง ผมก็ได้เตือนรัฐบาลไปหลายครั้งว่าสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ถ้ารัฐบาลปิดกั้นสื่อมากขึ้นบิดเบือนเบี่ยงเบน ท้าทาย นับวันมีแต่ความอึดอัด ตรึงเครียดในสังคม จะมีมากขึ้น รัฐบาลจะไปเชื่อในทฤษฎีได้มาก ๆ ปิดกั้นสื่อได้มาก ๆ ทุกอย่างจะเรียบร้อยไม่ได้ เพราะว่าในที่สุดความคิดของคนปิดกั้นไม่ได้ ความจริงของสังคมปิดบังไม่ได้ และถ้าหากเราไม่รู้จักที่จะใช้กระบวนการหรือช่องทางของประชาธิปไตยให้กระบวนการของการใช้สิทธิเสรีภาพในขอบเขตนำไปสู่ปัญหา นำไปสู่การเรียนรู้ นำไปสู่ข้อยุติในสังคม ถ้าหากเราไม่รู้จักใช้อันนี้เราก็อันตราย เพราะว่าทำให้สังคมมีแต่การเผชิญหน้ากันด้วยความรุนแรง กล่าวหากันไปมา ผมเองพูดตั้งแต่วันแรกที่ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรมาผมไม่เคยมองว่าหน้าที่ผมไปล้มล้างรัฐบาลหรือไปล้มล้างท่านนายกทักษิณนะครับ แต่ผมมีในการตรวจสอบ ผมมีหน้าที่ในการที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ในวันนี้ผมก็เรียกร้องว่า ขอให้คนในรัฐบาลและส.ส.ที่เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ทุกคน สำนึกในภาระกิจสำคัญที่จะช่วยกันปกป้องเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มิเช่นนั้นแล้วเราก็กำลังนำพาบ้านเมืองไปสู่เงื่อนไขของความขัดแย้งมากขึ้นๆ ซึ่งก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาหรือการแก้ไขราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความยากลำบาก และผมก็ได้เรียกร้องว่าผู้ที่เป็นผู้นำจะต้องแสดงภาวะของความเป็นผู้นำในการเผชิญความจริง ท่านจะพูดเล่นพูดจริง ไปอ้างดวงดาว ไปอ้างเหตุผลอะไร ไม่เป็นผลดี และในขณะนี้ผมขอเตือน เพราะว่าติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ มา 2 — 3 วัน ก็เห็นได้ชัดว่าแนวความคิดของรัฐบาลก็ยังเป็นว่า ขอให้คนในรัฐบาลยึดพื้นที่สื่อให้มาก ๆ สื่อของรัฐตรงไหนที่สามารถนำมาใช้โจมตีคนที่คิดไม่เหมือนรัฐบาลก็จะใช้ช่องทางทุกช่องทางอย่างเต็มที่ อันนี้อันตราย เพราะมีแต่จะทำให้สถานการณ์นั้นมีความตึงเครียดมากขึ้น ผมเองมีความห่วงใยมาโดยตลอด วันที่ไปพบคุณสนธิวันที่พูดในสภา หรือการให้คำสัมภาษณ์ต่าง ๆ ผมย้ำตลอดว่าขอให้ทุกฝ่ายได้มีความพยายามที่จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของฝ่ายที่ไม่หวังดี ไม่ว่าจะเป็นมือที่สาม ที่สี่ มือหนึ่งหรือสอง อาจจะมีความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงได้ และผมได้มีโอกาสพบผู้ว่าฯ วันก่อนก็จึงได้ฝากท่านไปด้วยว่าให้ท่านช่วยดูแลในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย ซึ่งผมก็มั่นใจว่าทางกรุงเทพมหานครก็คงจะได้เตรียมมาตรการต่าง ๆ ในเรื่องของการชุมนุมเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครว่าเราต้องยืนยันในเรื่องของสิทธิเสรีภาพของประชาชนแต่ขณะเดียวกันก็จะดูแลไม่ให้ปัญหาในเรื่องของความรุนแรงหรือความยั่วยุซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นก็อยากจะเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่าท่านมีสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และการเคลื่อนไหวใด ๆ ตามกรอบของกฎหมายทำได้ แต่ว่าขอให้ได้ช่วยกันระมัดระวังอย่าให้คนที่ไม่หวังดีต่อประชาธิปไตย หรือคนที่ต้องการสร้างสถานการณ์มาเบี่ยงเบนการใช้สิทธิเสรีภาพของท่าน ผมย้ำไปยังรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งว่าวันนี้น่าจะทบทวนแนวคิดวิธีการของการบริหารราชการแผ่นดินความคิดในเชิงอำนาจนิยม ความคิดในเชิงการปิดกั้น ขอให้เลิกเสียเถิด เพราะถ้าเลิกแล้วผมเชื่อว่าโอกาสในการผลักดันนโยบาย ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะง่ายขี้น ขณะเดียวกันเรื่องที่อยู่ในความสงสัย เรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนต้องมีคำตอบโดยเฉพาะปัญหาเรื่องความทุจริต คอรัปชั่น การกระทำที่เหมาะสม สมควรหรือไม่อย่างไร ควรที่จะได้มีการมาเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา อะไรที่ผิดก็ให้ปรับปรุงแก้ไขเสีย ผมเชื่อว่าอันนั้นก็จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของบ้านเมืองต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ย.2548--จบ--