ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ยอดหนี้เอ็นพีแอลของสถาบันการเงินทั้งระบบในไตรมาสแรก ปี 50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.32 เทียบต่อไตรมาส ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) รวมทั้งระบบสถาบันการเงินในไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า
มีจำนวนเอ็นพีแอลรวมทั้งสิ้น 239,918.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 49 ที่มียอดเอ็นพีแอลรวม 236,787.38 ล้านบาท เป็น
จำนวน 3,131.36 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.32 โดยสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อของไตรมาสแรกอยู่ที่ร้อยละ 4.19 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
จากไตรมาส 4 ที่สัดส่วนเอ็นพีแอลอยู่ที่ร้อยละ 4.12 ต่อสินเชื่อรวม ทั้งนี้ จำนวนเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากจำนวนเอ็นพีแอล
ของ ธพ.ที่จดทะเบียนในประเทศไทย ที่มียอดเอ็นพีแอลไตรมาสแรกเป็นจำนวน 234,798.38 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.58 ของ
สินเชื่อ เพิ่มขึ้นจากยอดเอ็นพีแอลเมื่อสิ้นไตรมาส 4 ของปีก่อนที่มียอดเอ็นพีแอล 228,206.83 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.47 ของ
สินเชื่อ หรือเป็นจำนวนเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 6,591.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.89 จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ ธพ.ต่างประเทศมีจำนวน
เอ็นพีแอล 2,975.27 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.52 ลดลงจากสิ้นไตรมาส 4 ปีก่อนที่มียอดเอ็นพีแอลจำนวน 5,932.39 ล้านบาท คิดเป็น
ร้อยละ 1.03 ของสินเชื่อรวม หรือลดลงจำนวน 2,957.12 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันการเงินประเภทอื่นทั้ง บง. และ บค.ที่มียอด
เอ็นพีแอลลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, ข่าวสด, แนวหน้า)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ ระบุไม่ได้แทรกแซงการแต่งตั้งกรรมการ ธ.นครหลวงไทย ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุน ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวถึง การแต่งตั้งกรรมการ ธ.นครหลวงไทย
ในกรณีที่กรรมการ 3 รายเดิมครบวาระว่า การเสนอชื่อกรรมการใหม่ 3 รายของกองทุนฟื้นฟูฯ ก็เพื่อการเสริมภาคธุรกิจ ซึ่งการแต่งตั้ง
กรรมการใหม่ ภายหลังจากที่กรรมการรายเดิมครบวาระแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการผลัดเปลี่ยน กองทุนฟื้นฟูฯ ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง
การทำงานของธนาคารแต่อย่างใด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ธ.นครหลวงไทย แต่งตั้งกรรมการใหม่ 3 ราย คือ นายโชคชัย อักษรนันท์
นายนิพันธ์ จิตรประสงค์ และนายสุชาติ ไตรประสิทธิ์ แทนกรรมการ 3 รายเดิมที่ครบวาระ คือ นางทัศนา รัชตโพธิ์ นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์
และนายเข็มชัย ชุติวงศ์ (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, มติชน)
3. ธปท.ย้ำผู้เจตนาทำธนบัตรปลอมจะได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้เจตนาทำให้ธนบัตรชำรุด โดยการกรีดเนื้อธนบัตรออกและนำชิ้นส่วนธนบัตรที่กรีดออกจากฉบับต่าง ๆ มาปะต่อเป็นฉบับใหม่
ถือเป็นลักษณะของธนบัตรชำรุดที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่มีการนำมาใช้หมุนเวียนในท้องตลาด โดยผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
ในการออกใช้ธนบัตร ถือว่าเป็นการปลอมธนบัตรนั้น ขณะนี้ฝ่ายจัดการธนบัตร ธปท. ได้ออกหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการว่า ผู้ทำธนบัตรปลอม
ดังกล่าวจะได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 240 จำคุกสูงสุดถึงตลอดชีวิต และโทษปรับสูงสุดถึง 40,000 บาท หากผู้ที่นำธนบัตรปลอม
ออกมาใช้ ส่วนผู้เจตนาทำให้ธนบัตรชำรุดโยการกรีดเนื้อธนบัตรออกและนำชิ้นส่วนธนบัตรที่กรีดออกจากฉบับต่าง ๆ มาปะต่อเป็นฉบับใหม่ ถือเป็น
ลักษณะของธนบัตรชำรุดที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่มีการนำมาใช้หมุนเวียนในท้องตลาด จะต้องได้รับโทษอาญามาตรา 244 จำคุก
สูงสุด 15 ปี และโทษปรับสูงสุด 30,000 บาท และหากผู้ที่ทำหรือมีเครื่องมือสำหรับปลอมธนบัตร จะได้รับโทษอาญามาตรา 246 จำคุกสูงสุด
15 ปี และโทษปรับสูงสุด 30,000 บาท (ข่าวสด)
4. ครม.มีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินถือเงินเข้าออกประเทศเป็น 5 หมื่นดอลลาร์ สรอ. เมื่อ 24 เม.ย.50 ครม.มีมติอนุมัติแก้ไข
ร่างกฎกระทรวงออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 เพิ่มวงเงินที่ผู้เดินทางนำติดตัวเข้ามาในหรือออกนอก
ราชอาณาจักรต้องแจ้งรายการ จากเดิมที่กำหนดไว้ 1 หมื่นดอลลาร์ สรอ. เป็น 5 หมื่นดอลลาร์ สรอ. ตามที่ ก.คลังเสนอ เพื่อให้การดำเนิน
นโยบายของทางการมีความคล่องตัว ก่อนหน้านี้ ก.คลัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการควบคุมความเคลื่อนไหวทางการเงินเมื่อปี 44 เนื่องจากพบการลักลอบนำเงินตราเข้าออกประเทศเพื่อ
การค้ายาเสพติดและฟอกเงิน จึงต้องให้มีการสำแดงรายการนำเงินเข้าหรือออกจากราชอาณาจักรเกิน 1 หมื่นดอลลาร์ สรอ.ต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่ศุลกากร ขณะที่ ธปท.เพิ่มวงเงินให้บุคคลไทยนำเงินไปลงทุนโดยตรง หรือการให้กู้ยืมแก่ธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน
รายละ 50 ล้านดอลลาร์ สรอ.ต่อปี จาก 10 ล้านดอลลาร์ สรอ.ต่อปี (โพสต์ทูเดย์)
5. ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาสแรก ปี 50 มีจำนวน 16,001 ล้านบาท ผอ.ศูนย์เศรษฐกิจ
การลงทุนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 นครราชสีมา (ศหฉ.1) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภาวะการ
ส่งเสริมการลงทุนในภาคอีสานไตรมาสแรก ปี 50 มีโครงการยื่นคำขอรับการส่งเสริมรวมถึง 56 โครงการ วงเงินลงทุนกว่า 16,001 ล้านบาท
จะก่อให้เกิดการจ้างงาน 9,777 คน ในจำนวนนี้ ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้วรวมทั้งสิ้น 36 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน
6,006 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน 5,957 คน และมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอพิจารณาอีก 20 โครงการ เงินลงทุน 9,995 ล้านบาท
ก่อให้เกิดการจ้างงาน 3,820 คน ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา พบว่า เพิ่มสูงขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน
โดยเฉพาะมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 100 (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าจีดีพีของ สรอ.ในช่วงไตรมาสแรกปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 1.8 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 25 เม.ย.50 รอยเตอร์
เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของ สรอ. ในช่วงไตรมาสแรกปี 50
จะขยายตัวร้อยละ 1.8 ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.5 เป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดบ้านและการใช้จ่ายเพื่อการลงทุน
ของธุรกิจ โดยนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ยอดคำสั่งซื้อใหม่สินค้าคงทนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งร้อยละ 3.4 ในเดือน มี.ค. ก็ไม่เป็นหลักประกัน
ที่เพียงพอในการปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีในช่วงไตรมาสแรกหรือไตรมาสที่สองของปี 50 ทั้งนี้ จีดีพีของ สรอ.เคยขยายตัวที่ระดับร้อยละ 1.8
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 48 และเคยขยายตัวในระดับต่ำกว่าคือร้อยละ 1.2 เมื่อไตรมาสแรกปี 46 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน
มีความเห็นว่าเศรษฐกิจ สรอ.มีโอกาสขยายตัวได้ในช่วงกลางปีนี้ (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจของอังกฤษในไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 0.7 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.50 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษ รายงานว่า เศรษฐกิจของอังกฤษในไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวร้อยละ 0.7 นับเป็นการ
เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 ไตรมาส และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.6 ทำให้อัตราการเติบโตเทียบต่อปีขยายตัวร้อยละ 2.8 ลดลง
จากร้อยละ 3.0 ในไตรมาส 4 ปี 2549 และยังคงทำให้เศรษฐกิจของอังกฤษมีโอกาสสร้างสถิติอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม
G7 ในปีนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าถ้าเศรษฐกิจของอังกฤษยังคงเติบโตต่อเนื่องในระดับนี้ ประกอบกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์ก่อน
ของเดือน มี.ค.50 ที่เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 3.1 อาจจะทำให้ ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็น
ร้อยละ 5.5 ในเดือน พ.ค.นี้ ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษได้กล่าวย้ำความตั้งใจที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง
มาอยู่ที่ระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2.0 (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่าราคาบ้านในอังกฤษจะเริ่มชะลอตัวลงในปี 50 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 25 เม.ย.50 ผลสำรวจความเห็น
ของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ในระหว่างวันที่ 23-25 เม.ย.50 ที่ผ่านมาคาดว่าราคาบ้านในอังกฤษซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 ในขณะนี้
จะเริ่มชะลอตัวลงโดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 7 ในปี 50 และเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4 ในปี 51 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาบ้าน
ที่สูงขึ้นมากถึงเกือบ 3 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจนทำให้ชาวอังกฤษส่วนหนึ่งไม่สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ 21 คน
จาก 25 คนในการสำรวจครั้งนี้เห็นว่าราคาบ้านในอังกฤษมีราคาสูงเกินความเป็นจริง เทียบกับผลสำรวจครั้งก่อนในเดือน ก.พ.50 ที่มี
นักเศรษฐศาสตร์ 15 คนจาก 23 คนเห็นว่าราคาบ้านสูงเกินไปเมื่อประกอบกับมีแนวโน้มที่ ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 5.5
ในเดือน พ.ค.50 และอีกครั้งเป็นร้อยละ 5.75 ในเดือน ส.ค.50 ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าตลาดบ้านในอังกฤษจะถึงจุดอิ่มตัว
และราคาเริ่มชะลอตัวลงในปี 50 นี้ (รอยเตอร์)
4. ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ขาดดุลเป็นจำนวน 446.0 ล.ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน มี.ค.50 รายงานจากโซลเมื่อ
26 เม.ย.50 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.50 ขาดดุลเป็นจำนวน 446.0 ล.ดอลลาร์ สรอ.
จากที่เกินดุลจำนวน 628.1 ล.ดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนหน้า สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดในช่วงไตรมาสแรกของปี ขาดดุลจำนวน
554.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเกินดุลจำนวน 243.5 ล.ดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้
เปิดเผยตัวเลขเงินกู้ยืมจากต่างประเทศในเดือนเดียวกันว่าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 8.10 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากจำนวน 2.80 พัน ล.ดอลลาร์
สรอ.ในเดือนก่อนหน้า โดย ก.คลังได้เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีและผู้ว่าการ ธ.กลางเกาหลีใต้ เพื่อประเมินผลกระทบ
จากการเพิ่มขึ้นของยอดเงินกู้ยืมจากต่างประเทศว่า การขยายตัวของยอดเงินกู้ยืมจากต่างประเทศในระยะสั้นจะยังไม่ก่อให้เกิดความกังวลใดๆ
ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ทางการเกาหลีใต้ระบุว่าจะเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25/4/2493 24/4/2550 29/12/2549 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.838 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.6124/34.9555 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15953 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 690.30/11.15 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,200/11,300 11,200/11,300 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 63.56 63.56 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.19*/25.34* 28.79*/24.94* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ยอดหนี้เอ็นพีแอลของสถาบันการเงินทั้งระบบในไตรมาสแรก ปี 50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.32 เทียบต่อไตรมาส ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) รวมทั้งระบบสถาบันการเงินในไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า
มีจำนวนเอ็นพีแอลรวมทั้งสิ้น 239,918.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 49 ที่มียอดเอ็นพีแอลรวม 236,787.38 ล้านบาท เป็น
จำนวน 3,131.36 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.32 โดยสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อของไตรมาสแรกอยู่ที่ร้อยละ 4.19 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
จากไตรมาส 4 ที่สัดส่วนเอ็นพีแอลอยู่ที่ร้อยละ 4.12 ต่อสินเชื่อรวม ทั้งนี้ จำนวนเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากจำนวนเอ็นพีแอล
ของ ธพ.ที่จดทะเบียนในประเทศไทย ที่มียอดเอ็นพีแอลไตรมาสแรกเป็นจำนวน 234,798.38 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.58 ของ
สินเชื่อ เพิ่มขึ้นจากยอดเอ็นพีแอลเมื่อสิ้นไตรมาส 4 ของปีก่อนที่มียอดเอ็นพีแอล 228,206.83 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.47 ของ
สินเชื่อ หรือเป็นจำนวนเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 6,591.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.89 จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ ธพ.ต่างประเทศมีจำนวน
เอ็นพีแอล 2,975.27 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.52 ลดลงจากสิ้นไตรมาส 4 ปีก่อนที่มียอดเอ็นพีแอลจำนวน 5,932.39 ล้านบาท คิดเป็น
ร้อยละ 1.03 ของสินเชื่อรวม หรือลดลงจำนวน 2,957.12 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันการเงินประเภทอื่นทั้ง บง. และ บค.ที่มียอด
เอ็นพีแอลลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, ข่าวสด, แนวหน้า)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ ระบุไม่ได้แทรกแซงการแต่งตั้งกรรมการ ธ.นครหลวงไทย ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายจัดการกองทุน ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวถึง การแต่งตั้งกรรมการ ธ.นครหลวงไทย
ในกรณีที่กรรมการ 3 รายเดิมครบวาระว่า การเสนอชื่อกรรมการใหม่ 3 รายของกองทุนฟื้นฟูฯ ก็เพื่อการเสริมภาคธุรกิจ ซึ่งการแต่งตั้ง
กรรมการใหม่ ภายหลังจากที่กรรมการรายเดิมครบวาระแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการผลัดเปลี่ยน กองทุนฟื้นฟูฯ ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง
การทำงานของธนาคารแต่อย่างใด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ธ.นครหลวงไทย แต่งตั้งกรรมการใหม่ 3 ราย คือ นายโชคชัย อักษรนันท์
นายนิพันธ์ จิตรประสงค์ และนายสุชาติ ไตรประสิทธิ์ แทนกรรมการ 3 รายเดิมที่ครบวาระ คือ นางทัศนา รัชตโพธิ์ นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์
และนายเข็มชัย ชุติวงศ์ (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์, มติชน)
3. ธปท.ย้ำผู้เจตนาทำธนบัตรปลอมจะได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้เจตนาทำให้ธนบัตรชำรุด โดยการกรีดเนื้อธนบัตรออกและนำชิ้นส่วนธนบัตรที่กรีดออกจากฉบับต่าง ๆ มาปะต่อเป็นฉบับใหม่
ถือเป็นลักษณะของธนบัตรชำรุดที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่มีการนำมาใช้หมุนเวียนในท้องตลาด โดยผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
ในการออกใช้ธนบัตร ถือว่าเป็นการปลอมธนบัตรนั้น ขณะนี้ฝ่ายจัดการธนบัตร ธปท. ได้ออกหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการว่า ผู้ทำธนบัตรปลอม
ดังกล่าวจะได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 240 จำคุกสูงสุดถึงตลอดชีวิต และโทษปรับสูงสุดถึง 40,000 บาท หากผู้ที่นำธนบัตรปลอม
ออกมาใช้ ส่วนผู้เจตนาทำให้ธนบัตรชำรุดโยการกรีดเนื้อธนบัตรออกและนำชิ้นส่วนธนบัตรที่กรีดออกจากฉบับต่าง ๆ มาปะต่อเป็นฉบับใหม่ ถือเป็น
ลักษณะของธนบัตรชำรุดที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่มีการนำมาใช้หมุนเวียนในท้องตลาด จะต้องได้รับโทษอาญามาตรา 244 จำคุก
สูงสุด 15 ปี และโทษปรับสูงสุด 30,000 บาท และหากผู้ที่ทำหรือมีเครื่องมือสำหรับปลอมธนบัตร จะได้รับโทษอาญามาตรา 246 จำคุกสูงสุด
15 ปี และโทษปรับสูงสุด 30,000 บาท (ข่าวสด)
4. ครม.มีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินถือเงินเข้าออกประเทศเป็น 5 หมื่นดอลลาร์ สรอ. เมื่อ 24 เม.ย.50 ครม.มีมติอนุมัติแก้ไข
ร่างกฎกระทรวงออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 เพิ่มวงเงินที่ผู้เดินทางนำติดตัวเข้ามาในหรือออกนอก
ราชอาณาจักรต้องแจ้งรายการ จากเดิมที่กำหนดไว้ 1 หมื่นดอลลาร์ สรอ. เป็น 5 หมื่นดอลลาร์ สรอ. ตามที่ ก.คลังเสนอ เพื่อให้การดำเนิน
นโยบายของทางการมีความคล่องตัว ก่อนหน้านี้ ก.คลัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการควบคุมความเคลื่อนไหวทางการเงินเมื่อปี 44 เนื่องจากพบการลักลอบนำเงินตราเข้าออกประเทศเพื่อ
การค้ายาเสพติดและฟอกเงิน จึงต้องให้มีการสำแดงรายการนำเงินเข้าหรือออกจากราชอาณาจักรเกิน 1 หมื่นดอลลาร์ สรอ.ต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่ศุลกากร ขณะที่ ธปท.เพิ่มวงเงินให้บุคคลไทยนำเงินไปลงทุนโดยตรง หรือการให้กู้ยืมแก่ธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน
รายละ 50 ล้านดอลลาร์ สรอ.ต่อปี จาก 10 ล้านดอลลาร์ สรอ.ต่อปี (โพสต์ทูเดย์)
5. ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาสแรก ปี 50 มีจำนวน 16,001 ล้านบาท ผอ.ศูนย์เศรษฐกิจ
การลงทุนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 นครราชสีมา (ศหฉ.1) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภาวะการ
ส่งเสริมการลงทุนในภาคอีสานไตรมาสแรก ปี 50 มีโครงการยื่นคำขอรับการส่งเสริมรวมถึง 56 โครงการ วงเงินลงทุนกว่า 16,001 ล้านบาท
จะก่อให้เกิดการจ้างงาน 9,777 คน ในจำนวนนี้ ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้วรวมทั้งสิ้น 36 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน
6,006 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน 5,957 คน และมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอพิจารณาอีก 20 โครงการ เงินลงทุน 9,995 ล้านบาท
ก่อให้เกิดการจ้างงาน 3,820 คน ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา พบว่า เพิ่มสูงขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน
โดยเฉพาะมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 100 (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าจีดีพีของ สรอ.ในช่วงไตรมาสแรกปี 50 จะขยายตัวร้อยละ 1.8 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 25 เม.ย.50 รอยเตอร์
เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของ สรอ. ในช่วงไตรมาสแรกปี 50
จะขยายตัวร้อยละ 1.8 ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.5 เป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดบ้านและการใช้จ่ายเพื่อการลงทุน
ของธุรกิจ โดยนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ยอดคำสั่งซื้อใหม่สินค้าคงทนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งร้อยละ 3.4 ในเดือน มี.ค. ก็ไม่เป็นหลักประกัน
ที่เพียงพอในการปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีในช่วงไตรมาสแรกหรือไตรมาสที่สองของปี 50 ทั้งนี้ จีดีพีของ สรอ.เคยขยายตัวที่ระดับร้อยละ 1.8
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 48 และเคยขยายตัวในระดับต่ำกว่าคือร้อยละ 1.2 เมื่อไตรมาสแรกปี 46 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน
มีความเห็นว่าเศรษฐกิจ สรอ.มีโอกาสขยายตัวได้ในช่วงกลางปีนี้ (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจของอังกฤษในไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 0.7 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.50 สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษ รายงานว่า เศรษฐกิจของอังกฤษในไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวร้อยละ 0.7 นับเป็นการ
เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 ไตรมาส และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.6 ทำให้อัตราการเติบโตเทียบต่อปีขยายตัวร้อยละ 2.8 ลดลง
จากร้อยละ 3.0 ในไตรมาส 4 ปี 2549 และยังคงทำให้เศรษฐกิจของอังกฤษมีโอกาสสร้างสถิติอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม
G7 ในปีนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าถ้าเศรษฐกิจของอังกฤษยังคงเติบโตต่อเนื่องในระดับนี้ ประกอบกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์ก่อน
ของเดือน มี.ค.50 ที่เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 3.1 อาจจะทำให้ ธ.กลางอังกฤษตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็น
ร้อยละ 5.5 ในเดือน พ.ค.นี้ ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษได้กล่าวย้ำความตั้งใจที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง
มาอยู่ที่ระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2.0 (รอยเตอร์)
3. รอยเตอร์คาดว่าราคาบ้านในอังกฤษจะเริ่มชะลอตัวลงในปี 50 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 25 เม.ย.50 ผลสำรวจความเห็น
ของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ในระหว่างวันที่ 23-25 เม.ย.50 ที่ผ่านมาคาดว่าราคาบ้านในอังกฤษซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 ในขณะนี้
จะเริ่มชะลอตัวลงโดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 7 ในปี 50 และเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4 ในปี 51 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาบ้าน
ที่สูงขึ้นมากถึงเกือบ 3 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจนทำให้ชาวอังกฤษส่วนหนึ่งไม่สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ 21 คน
จาก 25 คนในการสำรวจครั้งนี้เห็นว่าราคาบ้านในอังกฤษมีราคาสูงเกินความเป็นจริง เทียบกับผลสำรวจครั้งก่อนในเดือน ก.พ.50 ที่มี
นักเศรษฐศาสตร์ 15 คนจาก 23 คนเห็นว่าราคาบ้านสูงเกินไปเมื่อประกอบกับมีแนวโน้มที่ ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 5.5
ในเดือน พ.ค.50 และอีกครั้งเป็นร้อยละ 5.75 ในเดือน ส.ค.50 ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าตลาดบ้านในอังกฤษจะถึงจุดอิ่มตัว
และราคาเริ่มชะลอตัวลงในปี 50 นี้ (รอยเตอร์)
4. ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ขาดดุลเป็นจำนวน 446.0 ล.ดอลลาร์ สรอ. ในเดือน มี.ค.50 รายงานจากโซลเมื่อ
26 เม.ย.50 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ในเดือน มี.ค.50 ขาดดุลเป็นจำนวน 446.0 ล.ดอลลาร์ สรอ.
จากที่เกินดุลจำนวน 628.1 ล.ดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนหน้า สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดในช่วงไตรมาสแรกของปี ขาดดุลจำนวน
554.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเกินดุลจำนวน 243.5 ล.ดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้
เปิดเผยตัวเลขเงินกู้ยืมจากต่างประเทศในเดือนเดียวกันว่าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 8.10 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. จากจำนวน 2.80 พัน ล.ดอลลาร์
สรอ.ในเดือนก่อนหน้า โดย ก.คลังได้เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีและผู้ว่าการ ธ.กลางเกาหลีใต้ เพื่อประเมินผลกระทบ
จากการเพิ่มขึ้นของยอดเงินกู้ยืมจากต่างประเทศว่า การขยายตัวของยอดเงินกู้ยืมจากต่างประเทศในระยะสั้นจะยังไม่ก่อให้เกิดความกังวลใดๆ
ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ทางการเกาหลีใต้ระบุว่าจะเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25/4/2493 24/4/2550 29/12/2549 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.838 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.6124/34.9555 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15953 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 690.30/11.15 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,200/11,300 11,200/11,300 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 63.56 63.56 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.19*/25.34* 28.79*/24.94* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--