นายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคม 2550 คณะพรรคประชาธิปัตย์ภาคอีสานประกอบด้วยนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอิสสระ สมชัย กรรมการบริหารพรรค และผู้ที่ได้รับการวางตัวจะสมัคร ส.ส. อีสานตอนใต้ 30 คน เดินทางไปศึกษาดูงานด้านการเมือง การศึกษา การเกษตร และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ประเทศ สปป.ลาว และ เวียดนาม ทั้งนี้จากการเดินทางไปเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ได้มีข้อสรุปในหัวข้อสำคัญที่ควรนำเสนอต่อพรรคเบื้องต้นดังนี้
1. ด้านการเกษตร ประเทศเพื่อนบ้านคือ เวียดนาม นำหน้าและพัฒนาไปกว่าไทยมาก เพราะ 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้เพิกเฉย ละเลยและให้ความสำคัญในการส่งเสริมทางด้านการเกษตร การชลประทาน น้อยมากเมื่อเปรียบกับการพัฒนาด้านอื่น ทำให้การพัฒนาทางการเกษตร การชลประทานของประเทศไทยล้าหลัง ในขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศเวียดนามในอดีตได้ทำการเกษตรล้าหลังกว่าประเทศไทยมาก แต่ปัจจุบันนี้การเกษตรหลายอย่างได้พัฒนาจนก้าวหน้าไปกว่าประเทศไทยเรามาก เช่น
1.1 กาแฟ แต่เดิมประเทศเวียดนามไม่เคยส่งออกเมล็ดกาแฟ แต่ปัจจุบันประเทศเวียดนามได้ปลูกกาแฟจนส่งสามารถออกไปขายต่างประเทศปีละ 2.5 - 3 แสนตัน (มากกว่าไทยถึง 3 เท่า) พันธ์กาแฟที่ปลูกกันมากคือ พันธ์อราบีก้า และพันธ์โรบัสต้า เช่นเดียวกับที่ปลูกในบ้านเรา
1.2 มันสำปะหลัง มีผลผลิตจำนวนมากและสามารถส่งออกมีปริมาณไกล้เคียงกับไทย
1.3 ยางพารา ทางการเวียดนามกำลังเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเป็นจำนวนมากโดยได้รับการสนับสนุนจากประเทศจีน ปัจจุบันยางพาราที่ผลิตได้ยังมีปริมาณไม่มากแต่ได้ส่งขายเป็นยางแผ่นให้แก่ประเทศจีน ในอนาคตหากประเทศเวียดนามกรีดยางได้เต็มพื้นที่จะส่งขายให้กับประเทศจีนแข่งกับไทย
1.4 ข้าว ในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยเราเป็นอันดับหนึ่งในการส่งออกข้าวมาตลอด ปัจจุบันนี้ประเทศเวียดนามกำลังเป็นคู่แข่งทางการการค้าข้าวกับไทยในตลาดโลกที่น่ากลัวที่สุด เพราะประเทศไทยเราปลูกข้าวได้ปีละ 1—2 ครั้งต่อปีเท่านั้น แต่ในประเทศเวียดนามสามารถปลูกข้าวได้ถึงปีละ 3—4 ครั้งต่อปี และเขามั่นใจว่าภายใน 3-4 ปีเขาจะแซงนำหน้าเป็นที่หนึ่งแทนประเทศไทยได้อย่างแน่นอน แต่เขาได้ยอมรับว่าข้าวหอมมะลิของไทยมีคุณภาพดีมากเขายังผลิตไม่ได้ คนเวียดนามที่มีฐานะดีก็ยังสั่งข้าวหอมมะลิจากไทยไปบริโภค
2. ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ทั้งลาว และเวียดนาม ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์กว่าไทย ทั้งด้านการท่องเที่ยว ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจะมีจำนวนมากกว่าประเทศอื่นเพราะเดินทางสะดวก ค่าใช้จ่ายต่อหัวถูก สินค้าราคาถูกพอ ๆ กับประเทศจีน และเป็นที่น่าสังเกตว่าแม้กระทั่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง อบจ. อบต. ก็นำสมาชิกและเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปศึกษาดูงานเป็นจำนวนมากทุกวัน
โดยสรุปข้อเสนอความเห็นต่อพรรคดังนี้
1. เพื่อเป็นการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและให้ไทยเป็น หนึ่งด้านการเกษตร ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ กำหนดเป็นนโยบาย พัฒนาแหล่งน้ำให้เป็นระบบ ทั้งการเก็บกักน้ำและระบบระบายน้ำ สามารถทำการเกษตรได้ตลอดปี
2. ส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตร ให้ประเทศไทย และเกษตรสามารถอยู่ได้อย่างพอเพียง
3. พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และรักษาคงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 มี.ค. 2550--จบ--
1. ด้านการเกษตร ประเทศเพื่อนบ้านคือ เวียดนาม นำหน้าและพัฒนาไปกว่าไทยมาก เพราะ 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้เพิกเฉย ละเลยและให้ความสำคัญในการส่งเสริมทางด้านการเกษตร การชลประทาน น้อยมากเมื่อเปรียบกับการพัฒนาด้านอื่น ทำให้การพัฒนาทางการเกษตร การชลประทานของประเทศไทยล้าหลัง ในขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศเวียดนามในอดีตได้ทำการเกษตรล้าหลังกว่าประเทศไทยมาก แต่ปัจจุบันนี้การเกษตรหลายอย่างได้พัฒนาจนก้าวหน้าไปกว่าประเทศไทยเรามาก เช่น
1.1 กาแฟ แต่เดิมประเทศเวียดนามไม่เคยส่งออกเมล็ดกาแฟ แต่ปัจจุบันประเทศเวียดนามได้ปลูกกาแฟจนส่งสามารถออกไปขายต่างประเทศปีละ 2.5 - 3 แสนตัน (มากกว่าไทยถึง 3 เท่า) พันธ์กาแฟที่ปลูกกันมากคือ พันธ์อราบีก้า และพันธ์โรบัสต้า เช่นเดียวกับที่ปลูกในบ้านเรา
1.2 มันสำปะหลัง มีผลผลิตจำนวนมากและสามารถส่งออกมีปริมาณไกล้เคียงกับไทย
1.3 ยางพารา ทางการเวียดนามกำลังเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเป็นจำนวนมากโดยได้รับการสนับสนุนจากประเทศจีน ปัจจุบันยางพาราที่ผลิตได้ยังมีปริมาณไม่มากแต่ได้ส่งขายเป็นยางแผ่นให้แก่ประเทศจีน ในอนาคตหากประเทศเวียดนามกรีดยางได้เต็มพื้นที่จะส่งขายให้กับประเทศจีนแข่งกับไทย
1.4 ข้าว ในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยเราเป็นอันดับหนึ่งในการส่งออกข้าวมาตลอด ปัจจุบันนี้ประเทศเวียดนามกำลังเป็นคู่แข่งทางการการค้าข้าวกับไทยในตลาดโลกที่น่ากลัวที่สุด เพราะประเทศไทยเราปลูกข้าวได้ปีละ 1—2 ครั้งต่อปีเท่านั้น แต่ในประเทศเวียดนามสามารถปลูกข้าวได้ถึงปีละ 3—4 ครั้งต่อปี และเขามั่นใจว่าภายใน 3-4 ปีเขาจะแซงนำหน้าเป็นที่หนึ่งแทนประเทศไทยได้อย่างแน่นอน แต่เขาได้ยอมรับว่าข้าวหอมมะลิของไทยมีคุณภาพดีมากเขายังผลิตไม่ได้ คนเวียดนามที่มีฐานะดีก็ยังสั่งข้าวหอมมะลิจากไทยไปบริโภค
2. ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ทั้งลาว และเวียดนาม ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์กว่าไทย ทั้งด้านการท่องเที่ยว ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจะมีจำนวนมากกว่าประเทศอื่นเพราะเดินทางสะดวก ค่าใช้จ่ายต่อหัวถูก สินค้าราคาถูกพอ ๆ กับประเทศจีน และเป็นที่น่าสังเกตว่าแม้กระทั่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง อบจ. อบต. ก็นำสมาชิกและเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปศึกษาดูงานเป็นจำนวนมากทุกวัน
โดยสรุปข้อเสนอความเห็นต่อพรรคดังนี้
1. เพื่อเป็นการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและให้ไทยเป็น หนึ่งด้านการเกษตร ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ กำหนดเป็นนโยบาย พัฒนาแหล่งน้ำให้เป็นระบบ ทั้งการเก็บกักน้ำและระบบระบายน้ำ สามารถทำการเกษตรได้ตลอดปี
2. ส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตร ให้ประเทศไทย และเกษตรสามารถอยู่ได้อย่างพอเพียง
3. พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และรักษาคงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 มี.ค. 2550--จบ--