นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอแสดงความดีใจกับนายจาตุรนต์ด้วยที่กล้าประกาศนโยบายพรรคออกมาได้ทั้ง 20 ข้อ แต่ตนคิดว่า นโยบายดังกล่าว เป็นการผดุงรักษาระบอบทักษิณให้คงอยู่ในการเมืองต่อไป เพราะเมื่อดูเนื้อหาของนโยบายที่ประกาศแล้ว เช่น นโยบายธนาคารประชาชน ที่ระบุว่า เป็นการสร้างแหล่งเงินทุนให้คนหาเช้ากินค่ำ ในส่วนนี้ตนคิดว่านายจาตุรนต์น่าจะหันหลังกลับไปมองในอดีตที่ผ่านมาว่า โครงการดังกล่าวเกิดปัญหาหนี้เน่า โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทย ที่มีการโกงกินกันอย่างมหาศาล ทั้งนโยบายบ้านเอื้ออาทร — บ้านมั่นคง ก็ยังมีปัญหาการเรียกเก็บเงินจากผู้รับเหมาทำให้ต้นทุนเพิ่ม ทำให้ต้องมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากคนจนอีกหลังละ 1 หมื่นบาท โยบายนี้จึงถือว่าเป็นทำนาบนหลังคนจนอย่างแท้จริง
นายเทพไท กล่าวว่า หากดูในรายละเอียดของนโยบายทั้ง 20 ข้อแล้วจะเห็นว่า เป็นการเดินตามแนวทางนโยบายประชานิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่สร้างชื่อเสียงให้กับพรรคไทยรักไทยในเวลาอันรวดเร็ว แต่สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมหาศาล ทั้งการทำลายระบบคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล และสร้างภาระหนี้ให้กับลูกหลานในอนาคต เป็นการต่อสู้ระหว่างประชานิยมกับระบบเศรษฐกิจพอเพียง
‘ก็ยังไม่เห็นของใหม่เลย แล้วผมคิดว่าการผดุงระบอบทักษิณเอาไว้นั้นเพื่ออะไร เพื่อรอวันทักษิณกลับมาในอีก 5 ปี หรือเปล่า แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบทักษิณ ที่ทำลายระบบคุณธรรม จริยธรรม แต่สร้างระบบอุปถัมภ์ คอร์รัปชั่น ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาภาคใต้ ที่ปล่อยให้อุ้มฆ่ามา 3 ปี และเพิ่งจะมาคิดคำสมานฉันท์เพื่อให้ดูทันสมัย ผมคิดว่าการทำรีแบรนด์ดิ้ง หรือจะพูดคำศัพท์สวยหรูยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วความหมายก็คือต้องการจะชูระบอบทักษิณให้อยู่ในสังคมการเมืองต่อไป’ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายเทพไทกล่าวว่า วันนี้เราต้องมาตั้งหลักกันว่า รัฐบาลทักษิณ นำเงินอนาคตมาใช้ในโครงการประชานิยมมากจน รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ต้องตั้งงบประมาณขาดดุล 2 ปี เพื่อใช้หนี้ที่สร้างไว้นอกบัญชีเกือบ 3 แสนล้านบาท ‘รัฐบาลทักษิณใช้เงินมาก ประชาชนมีรายได้เพียงชั่วคราว แต่มีหนี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ผมคิดว่าวันนี้ต้องพอกินพอใช้ อย่าใช้จ่ายเกินตัว ควรหันมาพึ่งตนเอง กับสิ่งที่ไม่ใช่การฟุ่มเฟือย ผมคิดว่ารักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยชูธงประชานิยมสุดๆ คุณสุดารัตน์ โหนกระแสเศรษฐกิจพอเพียง เห็นแล้วสับสน’
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 เม.ย. 2550--จบ--
นายเทพไท กล่าวว่า หากดูในรายละเอียดของนโยบายทั้ง 20 ข้อแล้วจะเห็นว่า เป็นการเดินตามแนวทางนโยบายประชานิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่สร้างชื่อเสียงให้กับพรรคไทยรักไทยในเวลาอันรวดเร็ว แต่สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมหาศาล ทั้งการทำลายระบบคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล และสร้างภาระหนี้ให้กับลูกหลานในอนาคต เป็นการต่อสู้ระหว่างประชานิยมกับระบบเศรษฐกิจพอเพียง
‘ก็ยังไม่เห็นของใหม่เลย แล้วผมคิดว่าการผดุงระบอบทักษิณเอาไว้นั้นเพื่ออะไร เพื่อรอวันทักษิณกลับมาในอีก 5 ปี หรือเปล่า แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบทักษิณ ที่ทำลายระบบคุณธรรม จริยธรรม แต่สร้างระบบอุปถัมภ์ คอร์รัปชั่น ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาภาคใต้ ที่ปล่อยให้อุ้มฆ่ามา 3 ปี และเพิ่งจะมาคิดคำสมานฉันท์เพื่อให้ดูทันสมัย ผมคิดว่าการทำรีแบรนด์ดิ้ง หรือจะพูดคำศัพท์สวยหรูยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้วความหมายก็คือต้องการจะชูระบอบทักษิณให้อยู่ในสังคมการเมืองต่อไป’ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายเทพไทกล่าวว่า วันนี้เราต้องมาตั้งหลักกันว่า รัฐบาลทักษิณ นำเงินอนาคตมาใช้ในโครงการประชานิยมมากจน รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ต้องตั้งงบประมาณขาดดุล 2 ปี เพื่อใช้หนี้ที่สร้างไว้นอกบัญชีเกือบ 3 แสนล้านบาท ‘รัฐบาลทักษิณใช้เงินมาก ประชาชนมีรายได้เพียงชั่วคราว แต่มีหนี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ผมคิดว่าวันนี้ต้องพอกินพอใช้ อย่าใช้จ่ายเกินตัว ควรหันมาพึ่งตนเอง กับสิ่งที่ไม่ใช่การฟุ่มเฟือย ผมคิดว่ารักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยชูธงประชานิยมสุดๆ คุณสุดารัตน์ โหนกระแสเศรษฐกิจพอเพียง เห็นแล้วสับสน’
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 เม.ย. 2550--จบ--