วันนี้ (15 ก.พ.) คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนครั้งที่ 5 ในคดีที่อัยการสูงสุดร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า โดยเป็นการสืบพยานฝ่ายผู้ร้อง คือ อัยการสูงสุด ในประเด็นว่าจ้างพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าส่งผู้ที่ไม่มีสิทธิสมัครลงรับสมัครเลือกตั้งแล้วใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย และว่าจ้างให้พรรคชีวิตที่ดีกว่าใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยรวม 4 ปาก จากทั้งหมด 6 ปาก โดยตัด พ.ต.ต.ถาวร ผลกล้า และ พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในสถานที่สมัครการเลือกตั้งที่ จ.สงขลา เนื่องจากคู่กรณีไม่ติดใจ
จากนั้นได้มีการไต่สวน นายสมชาย พงษธา ตุลาการรัฐธรรมนูญ ผู้ทำหน้าที่ดำเนินการไต่สวนได้สอบถามนายชูชาติ ประธานธรรม หัวหน้าพรรคไทเป็นไท หรือพรรคคนขอปลดหนี้เดิม ว่ารู้จักนายชาลี นพวงศ์ แกนนำกลุ่มคนรักษ์สงขลา หรือไม่ และทราบหรือไม่ว่านายชาลีเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร โดยนายชูชาติ กล่าวว่า รู้จักกับนายชาลี โดยคนหาดใหญ่ทั่วไปจะรู้ว่านายชาลีเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งยังเคยเป็นเลขาธิการพรรคต้นตระกูลไทย และเป็นเจ้าของวิทยุชุมชนของคลื่น 97 ใน จ.สงขลา
นายชูชาติ ยังให้การเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่พรรคคนขอปลดหนี้เดิมส่งผู้สมัครในภาคใต้เพราะเห็นว่ามีโอกาสได้รับเลือกตั้งเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัคร โดยก่อนที่จะพาผู้สมัครไปสมัครได้รับโทรศัพท์จากผู้สมัครของพรรคว่า นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ขอร้องไม่ให้ลงสมัคร และผู้สมัครบางคนก็โทร.มาเล่าว่ามีคนไปข่มขู่ที่บ้าน ถ้าจะให้ลงสมัครขอให้ประกันชีวิตให้ และเมื่อไปยังสถานที่รับสมัครเจอเหตุการณ์ประท้วง แต่ยอมรับว่าผู้สมัครของตนก็สามารถเข้าไปยื่นใบสมัครได้ เมื่อกลับออกมาได้รับการติดต่อจากนายชาลีให้ไปออกรายการวิทยุ เมื่อเดินทางไปถึงสำนักงานนายชาลี พบว่ามีรูปนายไตรงค์ขนาดใหญ่ติดอยู่ ซึ่งสิ่งที่ตนให้การครั้งนี้ไม่เคยให้กับอนุฯ สืบสวน กกต. เพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ กกต.ระดับล่างเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก
ด้าน นายถาวร เสนเนียม ผู้รับมอบอำนาจจากพรรคประชาธิปัตย์ ซักค้านว่า ที่อ้างว่านายชาลี เป็นเลขาฯของนายไตรงค์ทราบได้อย่างไร และรู้หรือไม่ว่านายชาลีเคยเป็นเลขาฯ พรรคต้นตระกูลไทย รวมทั้งทราบว่าหลังยื่นใบสมัครแล้ว มีการพาผู้สมัครไปแจ้งความ ต้องการทราบว่าแจ้งในข้อหาอะไร นายชูชาติ กล่าวว่า ตนรู้เองว่านายชาลีเป็นเลขาส่วนตัวของนายไตรงค์เพราะตนก็เคยเป็น ส.ส.รุ่นเดียวกับนายไตรงค์ และรู้ว่านายชาลีไปเป็นเลขาพรรคต้นตระกูลไทย ตรงนี้เป็นวิธีการของพรรคท่านที่เห็นว่าพรรคไหนทำท่าจะดังก็จะส่งคนเข้าพังเขาหมด พรรคคนขอปลดหนี้ก็เคยโดนมาแล้ว และที่เดินทางไปแจ้งความก็แจ้งในข้อหาขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่ได้แจ้งความในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว
ขณะที่ในการไต่สวนพยานที่เป็นผู้สมัคร ได้แก่ น.ส.ปัทมา นายนิติธรรมวัฒน์ นายเกษมสันต์ ทั้งหมดให้การสอดคล้องกันว่า มาทราบในภายหลังว่านายชาลีเป็นคนสนิทของนายไตรงค์ และเมื่อเดินทางไปที่สำนักงานของนายชาลีก็พบภาพของนายไตรงค์ติดอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการชุมนุมประท้วงในสถานที่รับสมัคร แต่ก็สามารถเข้าไปยื่นใบสมัครต่อ ผอ.กต.เขตได้โดยความช่วยเหลือของนายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้พาเข้าไป และเมื่อสมัครแล้ว ต่อมา ผอ.กต.เขต ก็ประกาศว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติจึงไม่ได้เป็นผู้สมัคร ทั้งนี้ นายเกษมสันต์ได้ยืนยันว่า เป็นผู้ที่ได้พบและถูกนายถาวรขอร้องว่าอย่าลงสมัครเลย เนื่องจากต้องการให้พรรคไทยรักไทยสู้กับคนใน จ.สงขลา
ทั้งนี้ คณะตุลาการได้อนุญาตให้อัยการสูงสุดนำพยานเข้าสืบเพิ่มเติมในกรณีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณแทรกแซงสื่อ คือ นายสุริยา ทรงวิทย์ ประธานอนุฯ สืบสวนยุบพรรคประชาธิปัตย์ของ กกต.ในวันที่ 1 มี.ค. และนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 8 มี.ค.
หลังการไต่สวน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การสืบพยานครั้งนี้พบพิรุธหลายจุด เพราะสำนวนยุบพรรคประชาธิปัตย์ของอัยการสูงสุดระบุว่า อดีต ส.ส.ของพรรคไปขัดขวาง หน่วงเหนี่ยวไม่ให้ผู้สมัครพรรคคนขอปลดหนี้สมัคร แต่การเบิกความกลับชัดเจนว่า ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างกลับไม่ได้ลงสมัคร ไม่ได้เป็นผู้สมัคร
ขณะที่ นายถาวร กล่าวว่า การไต่สวนครั้งนี้อัยการสูงสุดทำหน้าที่ได้ดี ไม่ปล่อยให้พยานให้การเท็จ แต่การที่อัยการสูงสุดกล่าวหาว่าอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ผู้สมัครพรรคเล็กไปลงสมัครนั้นจึงเป็นการฟ้องเท็จ ที่นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดจะต้องรับผิดชอบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ก.พ. 2550--จบ--
จากนั้นได้มีการไต่สวน นายสมชาย พงษธา ตุลาการรัฐธรรมนูญ ผู้ทำหน้าที่ดำเนินการไต่สวนได้สอบถามนายชูชาติ ประธานธรรม หัวหน้าพรรคไทเป็นไท หรือพรรคคนขอปลดหนี้เดิม ว่ารู้จักนายชาลี นพวงศ์ แกนนำกลุ่มคนรักษ์สงขลา หรือไม่ และทราบหรือไม่ว่านายชาลีเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไร โดยนายชูชาติ กล่าวว่า รู้จักกับนายชาลี โดยคนหาดใหญ่ทั่วไปจะรู้ว่านายชาลีเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งยังเคยเป็นเลขาธิการพรรคต้นตระกูลไทย และเป็นเจ้าของวิทยุชุมชนของคลื่น 97 ใน จ.สงขลา
นายชูชาติ ยังให้การเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่พรรคคนขอปลดหนี้เดิมส่งผู้สมัครในภาคใต้เพราะเห็นว่ามีโอกาสได้รับเลือกตั้งเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัคร โดยก่อนที่จะพาผู้สมัครไปสมัครได้รับโทรศัพท์จากผู้สมัครของพรรคว่า นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ขอร้องไม่ให้ลงสมัคร และผู้สมัครบางคนก็โทร.มาเล่าว่ามีคนไปข่มขู่ที่บ้าน ถ้าจะให้ลงสมัครขอให้ประกันชีวิตให้ และเมื่อไปยังสถานที่รับสมัครเจอเหตุการณ์ประท้วง แต่ยอมรับว่าผู้สมัครของตนก็สามารถเข้าไปยื่นใบสมัครได้ เมื่อกลับออกมาได้รับการติดต่อจากนายชาลีให้ไปออกรายการวิทยุ เมื่อเดินทางไปถึงสำนักงานนายชาลี พบว่ามีรูปนายไตรงค์ขนาดใหญ่ติดอยู่ ซึ่งสิ่งที่ตนให้การครั้งนี้ไม่เคยให้กับอนุฯ สืบสวน กกต. เพราะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ กกต.ระดับล่างเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก
ด้าน นายถาวร เสนเนียม ผู้รับมอบอำนาจจากพรรคประชาธิปัตย์ ซักค้านว่า ที่อ้างว่านายชาลี เป็นเลขาฯของนายไตรงค์ทราบได้อย่างไร และรู้หรือไม่ว่านายชาลีเคยเป็นเลขาฯ พรรคต้นตระกูลไทย รวมทั้งทราบว่าหลังยื่นใบสมัครแล้ว มีการพาผู้สมัครไปแจ้งความ ต้องการทราบว่าแจ้งในข้อหาอะไร นายชูชาติ กล่าวว่า ตนรู้เองว่านายชาลีเป็นเลขาส่วนตัวของนายไตรงค์เพราะตนก็เคยเป็น ส.ส.รุ่นเดียวกับนายไตรงค์ และรู้ว่านายชาลีไปเป็นเลขาพรรคต้นตระกูลไทย ตรงนี้เป็นวิธีการของพรรคท่านที่เห็นว่าพรรคไหนทำท่าจะดังก็จะส่งคนเข้าพังเขาหมด พรรคคนขอปลดหนี้ก็เคยโดนมาแล้ว และที่เดินทางไปแจ้งความก็แจ้งในข้อหาขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่ได้แจ้งความในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว
ขณะที่ในการไต่สวนพยานที่เป็นผู้สมัคร ได้แก่ น.ส.ปัทมา นายนิติธรรมวัฒน์ นายเกษมสันต์ ทั้งหมดให้การสอดคล้องกันว่า มาทราบในภายหลังว่านายชาลีเป็นคนสนิทของนายไตรงค์ และเมื่อเดินทางไปที่สำนักงานของนายชาลีก็พบภาพของนายไตรงค์ติดอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการชุมนุมประท้วงในสถานที่รับสมัคร แต่ก็สามารถเข้าไปยื่นใบสมัครต่อ ผอ.กต.เขตได้โดยความช่วยเหลือของนายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้พาเข้าไป และเมื่อสมัครแล้ว ต่อมา ผอ.กต.เขต ก็ประกาศว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติจึงไม่ได้เป็นผู้สมัคร ทั้งนี้ นายเกษมสันต์ได้ยืนยันว่า เป็นผู้ที่ได้พบและถูกนายถาวรขอร้องว่าอย่าลงสมัครเลย เนื่องจากต้องการให้พรรคไทยรักไทยสู้กับคนใน จ.สงขลา
ทั้งนี้ คณะตุลาการได้อนุญาตให้อัยการสูงสุดนำพยานเข้าสืบเพิ่มเติมในกรณีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณแทรกแซงสื่อ คือ นายสุริยา ทรงวิทย์ ประธานอนุฯ สืบสวนยุบพรรคประชาธิปัตย์ของ กกต.ในวันที่ 1 มี.ค. และนายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 8 มี.ค.
หลังการไต่สวน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การสืบพยานครั้งนี้พบพิรุธหลายจุด เพราะสำนวนยุบพรรคประชาธิปัตย์ของอัยการสูงสุดระบุว่า อดีต ส.ส.ของพรรคไปขัดขวาง หน่วงเหนี่ยวไม่ให้ผู้สมัครพรรคคนขอปลดหนี้สมัคร แต่การเบิกความกลับชัดเจนว่า ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างกลับไม่ได้ลงสมัคร ไม่ได้เป็นผู้สมัคร
ขณะที่ นายถาวร กล่าวว่า การไต่สวนครั้งนี้อัยการสูงสุดทำหน้าที่ได้ดี ไม่ปล่อยให้พยานให้การเท็จ แต่การที่อัยการสูงสุดกล่าวหาว่าอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ผู้สมัครพรรคเล็กไปลงสมัครนั้นจึงเป็นการฟ้องเท็จ ที่นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดจะต้องรับผิดชอบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ก.พ. 2550--จบ--