ชิลีเป็นตลาดการค้าที่น่าสนใจแห่งหนึ่งในภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยรัฐบาลชิลีเน้นการส่งออกเป็นตัวนำการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น
จึงมีนโยบายส่งเสริมการค้าเสรีกับนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในลักษณะทวิภาคีและพหุภาคี อาทิ การทำ FTA กับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น หรือการลง
นามในความตกลงทางการค้าร่วมกับเกาหลีใต้และกลุ่ม MERCOSUR ฯลฯ ซึ่งเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจชิลีเติบโตค่อนข้างมีเสถียรภาพและทำให้ประชากรมี
รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นราว 8,900 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2549 ทั้งนี้ เมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา The World Economic
Forum ได้จัดอันดับให้ชิลีเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมากที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา ประจำปี 2549-2550 อีกด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจาก
การที่ชิลีมีระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ครบครัน และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าต่อไปยัง
ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยมีท่าเรืออิกิเก้ (Iquique Port) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ใกล้ชายแดนเปรูเป็นศูนย์กลาง
จากการที่ชิลีตั้งอยู่ห่างจากไทยค่อนข้างมาก ทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทางนานและมีต้นทุนการขนส่งสูงอีกทั้งผู้ประกอบการไทยยังมี
ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดชิลีค่อนข้างน้อย รวมทั้งความไม่คุ้นเคยทั้งในด้านภาษา (ชิลีใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาประจำชาติ) และวัฒนธรรม ส่งผลให้ในช่วงที่
ผ่านมา การค้าระหว่างไทยกับชิลียังมีมูลค่าน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของไทยไปชิลีขยายตัวสูงถึงกว่า 100 % สำหรับ
สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดชิลี อาทิ
- รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ปัจจุบันมีผู้ผลิตอุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ รวมถึงการประกอบรถยนต์ในชิลีเพียง
ไม่กี่ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการจากยุโรปและสหรัฐฯ ดังนั้น สินค้าที่ผลิตจึงมีราคาค่อนข้างสูง ทั้งนี้ ผู้ผลิตมักใช้ชิลีเป็นฐานการผลิตและ
ประกอบรถยนต์เพื่อส่งออกต่อเท่านั้น อย่างไรก็ตามตลาดภายในของชิลียังมีความต้องการใช้รถยนต์และอุปกรณ์ที่มีราคาไม่แพงและมีคุณภาพอีกมาก โดย
เฉพาะรถกระบะและรถบรรทุกขนาดเล็ก เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ ในประเทศ นอกจากนี้รถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัด
พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Eco Car ก็กำลังเป็นที่นิยมในชิลี เนื่องจากชาวชิลีเริ่มหันมาคำนึงถึงความคล่องตัวในการขับขี่และใส่ใจกับ
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลชิลียังมีการออกกฎหมายควบคุมมลภาวะ (Emission Regulations) เข้มงวดมากขึ้นด้วย โดยห้ามนำ
เข้ารถโดยสารใช้แล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบันรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับ 2 ของไทยไปชิลี ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 30% ของมูลค่า
การส่งออกทั้งหมดของไทยไปชิลี นอกจากนี้ ชิลียังมีความต้องการนำเข้ายางรถยนต์อีกมากซึ่งอาจเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะขยายตลาด
ยางรถยนต์ในชิลีได้เพิ่มขึ้นด้วย
- เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน ปัจจุบันชาวชิลีนิยมสร้างครอบครัวเดี่ยวมากขึ้นอีกทั้งเศรษฐกิจที่เติบ
โตดี ทำให้ประชากรมีกำลังซื้อสูงขึ้น ประกอบกับชาวชิลีมีนิสัยชอบปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยของตน ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อ
เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนิยมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือเป็นของเก่า อาทิ ตู้ไม้
โบราณ เฟอร์นิเจอร์หวายเทียมรวมถึงของตกแต่งที่มีดีไซน์แปลกตา สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นิยมซื้อมักเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ
ภายในบ้าน อาทิ เครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้า ซึ่งไทยครองตลาดในชิลีมากเป็นอันดับ 1 หรือราว 30% ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าประเภทนี้ทั้งหมด
ของชิลี นอกจากนี้ ยังมีเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ทั้งนี้ชาวชิลีมักซื้อสินค้าที่มีคุณภาพปานกลางและราคาไม่แพงนัก อีกทั้งยังชอบซื้อ
สินค้าที่มีรูปแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอทำให้สินค้าที่วางจำหน่ายในร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าทั่วไปในชิลีจะมีอายุเพียง 3 เดือนเท่านั้น โดยผู้จำหน่าย
สินค้าในชิลีมักสั่งสินค้าในแต่ละครั้งจำนวนไม่มากนัก แต่บ่อยครั้ง เพื่อไม่ให้สินค้าค้างสต๊อกและล้าสมัย
- สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม แม้ว่าปัจจุบันไทยจะครองส่วนแบ่งตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในชิลีเพียง 1% ของทั้งหมด แต่ก็มี
สินค้าบางรายการที่ไทยยังมีโอกาสขยายตลาดในชิลีได้อีกมาก อาทิ ผ้าลายปักและผ้าถักลูกไม้ ฯลฯ เนื่องจากชาวชิลีนิยมสวมใส่เสื้อผ้าถักหรือมีลวด
ลายสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีสินค้าบางรายการที่ไทยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในชิลีได้มากกว่า 10% อาทิ ด้ายฝ้าย ด้ายใยยาวสังเคราะห์ ด้ายใย
สั้นสังเคราะห์และถุงเท้าเด็กถัก ฯลฯ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ส่งออกไทยที่ต้องการขยายตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในชิลี ควรเน้นสินค้าระดับบนที่มี
คุณภาพสูง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนที่มีคุณภาพต่ำกว่า ซึ่งเป็นผู้นำตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในชิลีอยู่ในขณะนี้
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2550--
-พห-
จึงมีนโยบายส่งเสริมการค้าเสรีกับนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในลักษณะทวิภาคีและพหุภาคี อาทิ การทำ FTA กับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น หรือการลง
นามในความตกลงทางการค้าร่วมกับเกาหลีใต้และกลุ่ม MERCOSUR ฯลฯ ซึ่งเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจชิลีเติบโตค่อนข้างมีเสถียรภาพและทำให้ประชากรมี
รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นราว 8,900 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2549 ทั้งนี้ เมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา The World Economic
Forum ได้จัดอันดับให้ชิลีเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมากที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา ประจำปี 2549-2550 อีกด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจาก
การที่ชิลีมีระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ครบครัน และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าต่อไปยัง
ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยมีท่าเรืออิกิเก้ (Iquique Port) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ใกล้ชายแดนเปรูเป็นศูนย์กลาง
จากการที่ชิลีตั้งอยู่ห่างจากไทยค่อนข้างมาก ทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทางนานและมีต้นทุนการขนส่งสูงอีกทั้งผู้ประกอบการไทยยังมี
ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดชิลีค่อนข้างน้อย รวมทั้งความไม่คุ้นเคยทั้งในด้านภาษา (ชิลีใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาประจำชาติ) และวัฒนธรรม ส่งผลให้ในช่วงที่
ผ่านมา การค้าระหว่างไทยกับชิลียังมีมูลค่าน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของไทยไปชิลีขยายตัวสูงถึงกว่า 100 % สำหรับ
สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดชิลี อาทิ
- รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ปัจจุบันมีผู้ผลิตอุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ รวมถึงการประกอบรถยนต์ในชิลีเพียง
ไม่กี่ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการจากยุโรปและสหรัฐฯ ดังนั้น สินค้าที่ผลิตจึงมีราคาค่อนข้างสูง ทั้งนี้ ผู้ผลิตมักใช้ชิลีเป็นฐานการผลิตและ
ประกอบรถยนต์เพื่อส่งออกต่อเท่านั้น อย่างไรก็ตามตลาดภายในของชิลียังมีความต้องการใช้รถยนต์และอุปกรณ์ที่มีราคาไม่แพงและมีคุณภาพอีกมาก โดย
เฉพาะรถกระบะและรถบรรทุกขนาดเล็ก เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ ในประเทศ นอกจากนี้รถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัด
พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Eco Car ก็กำลังเป็นที่นิยมในชิลี เนื่องจากชาวชิลีเริ่มหันมาคำนึงถึงความคล่องตัวในการขับขี่และใส่ใจกับ
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลชิลียังมีการออกกฎหมายควบคุมมลภาวะ (Emission Regulations) เข้มงวดมากขึ้นด้วย โดยห้ามนำ
เข้ารถโดยสารใช้แล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบันรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับ 2 ของไทยไปชิลี ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 30% ของมูลค่า
การส่งออกทั้งหมดของไทยไปชิลี นอกจากนี้ ชิลียังมีความต้องการนำเข้ายางรถยนต์อีกมากซึ่งอาจเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะขยายตลาด
ยางรถยนต์ในชิลีได้เพิ่มขึ้นด้วย
- เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน ปัจจุบันชาวชิลีนิยมสร้างครอบครัวเดี่ยวมากขึ้นอีกทั้งเศรษฐกิจที่เติบ
โตดี ทำให้ประชากรมีกำลังซื้อสูงขึ้น ประกอบกับชาวชิลีมีนิสัยชอบปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยของตน ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อ
เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนิยมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือเป็นของเก่า อาทิ ตู้ไม้
โบราณ เฟอร์นิเจอร์หวายเทียมรวมถึงของตกแต่งที่มีดีไซน์แปลกตา สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นิยมซื้อมักเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ
ภายในบ้าน อาทิ เครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้า ซึ่งไทยครองตลาดในชิลีมากเป็นอันดับ 1 หรือราว 30% ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าประเภทนี้ทั้งหมด
ของชิลี นอกจากนี้ ยังมีเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ทั้งนี้ชาวชิลีมักซื้อสินค้าที่มีคุณภาพปานกลางและราคาไม่แพงนัก อีกทั้งยังชอบซื้อ
สินค้าที่มีรูปแบบใหม่ ๆ อยู่เสมอทำให้สินค้าที่วางจำหน่ายในร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าทั่วไปในชิลีจะมีอายุเพียง 3 เดือนเท่านั้น โดยผู้จำหน่าย
สินค้าในชิลีมักสั่งสินค้าในแต่ละครั้งจำนวนไม่มากนัก แต่บ่อยครั้ง เพื่อไม่ให้สินค้าค้างสต๊อกและล้าสมัย
- สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม แม้ว่าปัจจุบันไทยจะครองส่วนแบ่งตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในชิลีเพียง 1% ของทั้งหมด แต่ก็มี
สินค้าบางรายการที่ไทยยังมีโอกาสขยายตลาดในชิลีได้อีกมาก อาทิ ผ้าลายปักและผ้าถักลูกไม้ ฯลฯ เนื่องจากชาวชิลีนิยมสวมใส่เสื้อผ้าถักหรือมีลวด
ลายสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีสินค้าบางรายการที่ไทยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในชิลีได้มากกว่า 10% อาทิ ด้ายฝ้าย ด้ายใยยาวสังเคราะห์ ด้ายใย
สั้นสังเคราะห์และถุงเท้าเด็กถัก ฯลฯ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ส่งออกไทยที่ต้องการขยายตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในชิลี ควรเน้นสินค้าระดับบนที่มี
คุณภาพสูง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนที่มีคุณภาพต่ำกว่า ซึ่งเป็นผู้นำตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในชิลีอยู่ในขณะนี้
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2550--
-พห-