วันนี้ (16 ธ.ค. 50) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น นั้น ถือได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศท้าทาย คมช.และรัฐบาลอย่างเต็มที่ เมื่อ คมช. ขอความร่วมมือสื่อในประเทศให้ใช้ดุลยพินิจในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อความสมานฉันท์ของคนในชาติ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับใช้สื่อต่างประเทศ ที่อยู่เหนือการควบคุม ของคมช.และรัฐบาลมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานทางด้านเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ยกธงขาวยอมแพ้เหมือนกับที่คนลิ่วล้อหรือคนใกล้ชิดออกมาให้ข่าว แต่กลับส่งสัญญานชักธงรบ คมช. และรัฐบาลมากกว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้สนใจสื่อในประเทศอีกแล้ว แต่สามารถใช้เงินของคัวเองเป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวผ่านสื่อต่างประเทศ เป็นระยะ ๆ เพื่อประสานกับความเคลื่อนไหวกับสื่อในประเทศของสมาชิกพรรค
พฤติกรรมดังกล่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการแสดงออกให้ คมช.และรัฐบาลทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ยอมเป็นคลื่นใต้น้ำอีกต่อไป และได้ประกาศตัวชัดเจนว่าจะเป็นคลื่นบนน้ำ เพื่อต่อสู้กับ คมช.ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันอย่างแน่นอน จึงอยากเรียกร้องให้ คมช. พิจารณาจับตามองพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณอย่างใกล้ชิด และจะต้องกำหนดท่าทีให้ชัดเจนต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะยอมให้กลับประเทศหรือไม่ และควรจะมีมาตรการอะไรบางอย่างไว้คอยต้อนรับการกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการยื่นข้อหาโกงชาติ โกงแผ่นดิน และข้อหาอื่น ๆ ที่ คตส.และ ปปช.ได้ชี้มูลในฐานะผู้ต้องหาต่อไป
นายเทพไท กล่าวต่อไปว่า กรณี ที่สมาชิกพรรคไทยรักไทยบางคนออกมากล่าวว่า คมช.ไม่สามารถที่จะปราบเครือข่ายของระบอบทักษิณได้หมด แต่ถ้าจะปราบให้หมด จะต้องไปฆ่าประชาชน 14 ล้านเสียงให้ตายให้หมดเสียก่อน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นฉวยโอกาสแอบอ้างเอาเสียงประชาชน 14 ล้านเสียงมาเป็นเครื่องมืออยู่เสมอ อยากจะให้สมาชิกพรรคไทยรักไทยรักไทย ไปตรวจสอบดูว่า เสียง 14 ล้านเสียง ที่กล่าวอ้างอยู่นั้น เป็น 14 ล้านเสียงที่ได้มาอย่างไร เป็นเสียงที่ซื้อขายกันมากี่ล้านเสียง โกงการเลือกตั้งมากี่ล้านเสียง และเสียงที่แท้จริงยังคงเหลืออยู่กี่ล้านเสียง และการท้าทายให้ คมช. ไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชนว่ามีเสียงสนับสนุน คมช.จำนวนเท่าไหรนั้น คิดว่าเป็นการหลงตัวเองของสมาชิกพรรคไทยรักไทยมากกว่า ที่ผ่านมาระบอบทักษิณ ได้โฆษณาชวนเชื่อ ใช้นโยบายประชานิยมมอมเมาประชาชนมาเป็นเวลา 5 ปีแต่เพียงฝ่ายเดียว แม้ว่าระยะเวลาในการเปิดโปงระบอบทักษิณจะได้ดำเนินการมาเพียงไม่กี่เดือนก็ตาม แต่ก็ทำให้ประชาชนหูตาสว่างขึ้น ที่จะหลงเหลืออยู่บ้างก็จะมีเพียงนักการเมืองบางคนและประชาชนบางกลุ่มที่มีความหวังกับเศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ม.ค. 2550--จบ--
พฤติกรรมดังกล่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการแสดงออกให้ คมช.และรัฐบาลทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ยอมเป็นคลื่นใต้น้ำอีกต่อไป และได้ประกาศตัวชัดเจนว่าจะเป็นคลื่นบนน้ำ เพื่อต่อสู้กับ คมช.ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันอย่างแน่นอน จึงอยากเรียกร้องให้ คมช. พิจารณาจับตามองพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณอย่างใกล้ชิด และจะต้องกำหนดท่าทีให้ชัดเจนต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะยอมให้กลับประเทศหรือไม่ และควรจะมีมาตรการอะไรบางอย่างไว้คอยต้อนรับการกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการยื่นข้อหาโกงชาติ โกงแผ่นดิน และข้อหาอื่น ๆ ที่ คตส.และ ปปช.ได้ชี้มูลในฐานะผู้ต้องหาต่อไป
นายเทพไท กล่าวต่อไปว่า กรณี ที่สมาชิกพรรคไทยรักไทยบางคนออกมากล่าวว่า คมช.ไม่สามารถที่จะปราบเครือข่ายของระบอบทักษิณได้หมด แต่ถ้าจะปราบให้หมด จะต้องไปฆ่าประชาชน 14 ล้านเสียงให้ตายให้หมดเสียก่อน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นฉวยโอกาสแอบอ้างเอาเสียงประชาชน 14 ล้านเสียงมาเป็นเครื่องมืออยู่เสมอ อยากจะให้สมาชิกพรรคไทยรักไทยรักไทย ไปตรวจสอบดูว่า เสียง 14 ล้านเสียง ที่กล่าวอ้างอยู่นั้น เป็น 14 ล้านเสียงที่ได้มาอย่างไร เป็นเสียงที่ซื้อขายกันมากี่ล้านเสียง โกงการเลือกตั้งมากี่ล้านเสียง และเสียงที่แท้จริงยังคงเหลืออยู่กี่ล้านเสียง และการท้าทายให้ คมช. ไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชนว่ามีเสียงสนับสนุน คมช.จำนวนเท่าไหรนั้น คิดว่าเป็นการหลงตัวเองของสมาชิกพรรคไทยรักไทยมากกว่า ที่ผ่านมาระบอบทักษิณ ได้โฆษณาชวนเชื่อ ใช้นโยบายประชานิยมมอมเมาประชาชนมาเป็นเวลา 5 ปีแต่เพียงฝ่ายเดียว แม้ว่าระยะเวลาในการเปิดโปงระบอบทักษิณจะได้ดำเนินการมาเพียงไม่กี่เดือนก็ตาม แต่ก็ทำให้ประชาชนหูตาสว่างขึ้น ที่จะหลงเหลืออยู่บ้างก็จะมีเพียงนักการเมืองบางคนและประชาชนบางกลุ่มที่มีความหวังกับเศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ม.ค. 2550--จบ--