นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนเมษายน 2550 และในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550 พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ในเดือนเมษายน 2550
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้บริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ Samurai Bond โดยการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าระยะยาว (Long Dated Forward) วงเงิน 48,000 ล้านเยน
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้โดยการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตร 12,000 ล้านบาท และ Roll over ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) 10,000 ล้านบาท สำหรับ
รัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ Roll over หนี้เดิม 836 ล้านบาท
1.2 ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศโดยชำระคืนก่อนครบกำหนด 18,707 ล้านบาท และ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 17,200 นอกจากนี้ได้บริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ FRNs โดยการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า และหนี้เงินกู้ Samurai Bond วงเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 48,000 ล้านเยน ตามลำดับ
ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 18,707 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 897 ล้านบาท สำหรับ รัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศวงเงินรวม 9,451 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศโดยการแปลงตั๋วเงินคลังที่ออกเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 44,000 ล้านบาท เป็นพันธบัตร และปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ FIDF1 วงเงิน 45,000 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ Roll over หนี้เดิม 15,701 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
2.1 ในเดือนเมษายน 2550
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศโดยการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงิน 12,395 ล้านบาท และได้จำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง (FIDF3) 500 ล้านบาท นอกจากนี้ การไฟฟ้านครหลวงได้กู้เงินบาทสมทบการดำเนินโครงการเงินกู้ต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท
2.2 ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 152,913 ล้านบาท เป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 135,895 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 17,018 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินจากต่างประเทศ 31,803 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้นอกแผนการก่อหนี้ต่างประเทศ
3. การชำระหนี้ของภาครัฐ
3.1 ในเดือนเมษายน 2550
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 15,327 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 8,792 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 6,534 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 87,867 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 มีจำนวน 3,214,866 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.10 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,056,327 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 888,580 ล้านบาท หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 224,243 ล้านบาท และหนี้องค์กรของรัฐอื่น 45,716 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 43,124 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 64,122 ล้านบาท ส่วนหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และหนี้องค์กรของรัฐอื่นลดลง 14,158 ล้านบาท 3,341 ล้านบาท และ 3,500 ล้านบาท ตามลำดับ
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 447,209 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.91 และหนี้ในประเทศ 2,767,657 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.09 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,752,781 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.63 และหนี้ระยะสั้น 462,085 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.37 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
กลุ่มช่วยอำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร.0-2265-8050 ต่อ 5709
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 44/2550 22 พฤษภาคม 50--
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ในเดือนเมษายน 2550
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้บริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ Samurai Bond โดยการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าระยะยาว (Long Dated Forward) วงเงิน 48,000 ล้านเยน
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้โดยการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตร 12,000 ล้านบาท และ Roll over ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) 10,000 ล้านบาท สำหรับ
รัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ Roll over หนี้เดิม 836 ล้านบาท
1.2 ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศโดยชำระคืนก่อนครบกำหนด 18,707 ล้านบาท และ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 17,200 นอกจากนี้ได้บริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ FRNs โดยการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า และหนี้เงินกู้ Samurai Bond วงเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 48,000 ล้านเยน ตามลำดับ
ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 18,707 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 897 ล้านบาท สำหรับ รัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศวงเงินรวม 9,451 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศโดยการแปลงตั๋วเงินคลังที่ออกเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 44,000 ล้านบาท เป็นพันธบัตร และปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ FIDF1 วงเงิน 45,000 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ Roll over หนี้เดิม 15,701 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
2.1 ในเดือนเมษายน 2550
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศโดยการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงิน 12,395 ล้านบาท และได้จำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง (FIDF3) 500 ล้านบาท นอกจากนี้ การไฟฟ้านครหลวงได้กู้เงินบาทสมทบการดำเนินโครงการเงินกู้ต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท
2.2 ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 152,913 ล้านบาท เป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 135,895 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 17,018 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินจากต่างประเทศ 31,803 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้นอกแผนการก่อหนี้ต่างประเทศ
3. การชำระหนี้ของภาครัฐ
3.1 ในเดือนเมษายน 2550
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 15,327 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 8,792 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 6,534 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 87,867 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 มีจำนวน 3,214,866 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.10 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,056,327 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 888,580 ล้านบาท หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 224,243 ล้านบาท และหนี้องค์กรของรัฐอื่น 45,716 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 43,124 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 64,122 ล้านบาท ส่วนหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และหนี้องค์กรของรัฐอื่นลดลง 14,158 ล้านบาท 3,341 ล้านบาท และ 3,500 ล้านบาท ตามลำดับ
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 447,209 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.91 และหนี้ในประเทศ 2,767,657 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.09 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,752,781 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.63 และหนี้ระยะสั้น 462,085 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.37 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
กลุ่มช่วยอำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร.0-2265-8050 ต่อ 5709
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 44/2550 22 พฤษภาคม 50--