แท็ก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พรรคประชาธิปัตย์
ประเทศเวียดนาม
ชวลิต ยงใจยุทธ
นายกรัฐมนตรี
การเลือกตั้ง
23 สค. 50 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ชูทฤษฎีโซ่ข้อกลางสร้างความปรองดองระหว่างพรรคการเมืองเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า เป้าหมายความปรองดองเป็นสิ่งที่ตรงกันแต่มุมมองต่างกัน โดยตนเชื่อว่าถ้าไม่ให้ประชาชนมาก่อนจะปรองดองกันยากเพราะแต่ละคนจะมีปัญหาของตัวเองแล้วจะเกิดข้อขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทุกพรรคการเมืองมีความสมานฉันท์ต่อกันแบบสร้างสรรค์ เช่นแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่นำเรื่องนี้มาเล่นการเมืองกัน
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าแต่ละพรรคมีความหลากหลายทางความคิดต้องการที่จะแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าทุกพรรคเหมือนกันหมดเราจะไม่เห็นคุณค่าของประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้คือเราหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เพราะยุคนี้เราต้องเดินไปข้างหน้า พัฒนาคนและประเทศของเรา จุดนี้จะช่วยให้เกิดความสมานฉันท์ได้ง่ายที่สุด
"ผมยืนยันว่าถ้าเราผลักดันวาระประชาชนสำเร็จทั้งด้านการศึกษา การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ความปรองดองเกิดขึ้นแน่นอน เพราะความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อกระบวนการประชาธิปไตย มีการเคารพกฎหมาย และการเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นหัวใจในการคืนความสงบให้กับพื้นที่ในภาคใต้ด้วย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พล.อ.ชวลิต เสนอตัวมาเป็นนายกฯจะถือว่าเป็นงานหนักสำหรับประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดี ที่มีการเสนอตัวเพราะประชาชนจะมีทางเลือกมากขึ้น แล้วทุกฝ่ายก็มาแข่งขันกันตามกติกา ส่วนขั้วการเมืองที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นนั้นตนไม่สามารถพูดได้ ต้องไปถามคนที่พยายามจะสร้างว่าหมายถึงอะไร วันนี้ยังมองไม่เห็น
เมื่อถามว่า หากมีการรวมขั้วการเมืองกันจริงๆกลัวหรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะถูกโดดเดี่ยว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่กลัวการถูกโดดเดี่ยว เพราะเชื่อมั่นว่าแนวทางที่เราเสนอนั้นประชาชนจะให้คำตอบกับทุกพรรคการเมืองเอง ทั้งนี้ รัฐบาลที่จะเข้ามาหลังการเลือกตั้งมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นรัฐบาล ดังนั้นถึงอย่างไรก็ต้องมีโซ่มีการเชื่อมกันอยู่แล้ว แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ประชาชนสำคัญที่สุดไม่ใช่กลุ่มการเมืองใดๆ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ส.ค. 2550--จบ--
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าแต่ละพรรคมีความหลากหลายทางความคิดต้องการที่จะแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าทุกพรรคเหมือนกันหมดเราจะไม่เห็นคุณค่าของประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้คือเราหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เพราะยุคนี้เราต้องเดินไปข้างหน้า พัฒนาคนและประเทศของเรา จุดนี้จะช่วยให้เกิดความสมานฉันท์ได้ง่ายที่สุด
"ผมยืนยันว่าถ้าเราผลักดันวาระประชาชนสำเร็จทั้งด้านการศึกษา การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ความปรองดองเกิดขึ้นแน่นอน เพราะความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อกระบวนการประชาธิปไตย มีการเคารพกฎหมาย และการเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นหัวใจในการคืนความสงบให้กับพื้นที่ในภาคใต้ด้วย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พล.อ.ชวลิต เสนอตัวมาเป็นนายกฯจะถือว่าเป็นงานหนักสำหรับประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดี ที่มีการเสนอตัวเพราะประชาชนจะมีทางเลือกมากขึ้น แล้วทุกฝ่ายก็มาแข่งขันกันตามกติกา ส่วนขั้วการเมืองที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นนั้นตนไม่สามารถพูดได้ ต้องไปถามคนที่พยายามจะสร้างว่าหมายถึงอะไร วันนี้ยังมองไม่เห็น
เมื่อถามว่า หากมีการรวมขั้วการเมืองกันจริงๆกลัวหรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะถูกโดดเดี่ยว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่กลัวการถูกโดดเดี่ยว เพราะเชื่อมั่นว่าแนวทางที่เราเสนอนั้นประชาชนจะให้คำตอบกับทุกพรรคการเมืองเอง ทั้งนี้ รัฐบาลที่จะเข้ามาหลังการเลือกตั้งมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นรัฐบาล ดังนั้นถึงอย่างไรก็ต้องมีโซ่มีการเชื่อมกันอยู่แล้ว แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ประชาชนสำคัญที่สุดไม่ใช่กลุ่มการเมืองใดๆ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ส.ค. 2550--จบ--