เมื่อวันที่ 15 ก.ค. พรรคประชาธิปัตย์ จัดสัมมนาหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นวันที่สองที่โรงแรมเจบี หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้มีการสรุปความเห็นและแนวทางแก้ปัญหาใน 6 ยุทธศาสตร์ หลังจากแบ่งกลุ่มย่อยระดมความเห็นตั้งแต่วันวาน (14 กค.) อันประกอบด้วย 1. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 2. ยุทธศาสตร์การเมืองการปกครอง 3. ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 4. ยุทธศาสตร์กฎหมายกระบวนการยุติธรรม 5. ยุทธศาสตร์การศึกษา 6. ยุทธศาสตร์ทางสังคม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปิดการสัมมนายุทธศาสตร์การแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าพรรคให้ความสำคัญกับปัญหา 3จังหวัดชายแดนใต้เป็นพิเศษและในนโยบายที่ได้เตรียมไว้หากว่าพรรคชนะการเลือกตั้งและได้มีโอกาสทำหน้าที่ก็ถือว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นปัญหาที่สำคัญอันดับหนึ่งไม่ใช่เฉพาะคนใต้ แต่คนไทยทั้งประเทศรู้สึกอย่างเดียวกัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน และได้ปรึกษาหารือกับประชาชนในภูมิภาคต่างๆ ผลออกมาเหมือนกัน
กล่าวคือ มีความเป็นห่วงกังวลและบอกกับพรรคเป็นเสียงเดียวกันว่าให้พรรคถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา ทั้งนี้บรรดาผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ให้ความสนใจติดตามการแก้ปัญหามาโดยตลอด รวมถึงนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ภาคใต้ทุกเดือนตลอดเวลาที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล
นายสุเทพเห็นว่านายชวนลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนบ่อยครั้งกว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทยคนก่อนๆ นอกจากนี้หัวหน้าพรรคและรองหัวหน้าพรรคยังได้พบประชาชนในโอกาสต่าง ๆ รวมถึงกรณีตากใบก็ได้เข้าพบผู้เสียหายเพื่อรับฟังปัญหาอย่างละเอียด และนำเรื่องร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่การแก้ปัญหาของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่ตรงกับพรรคประชาธิปัตย์และไม่ตรงกับที่ประชาชนต้องการ
นายสุเทพ กล่าวว่าการระดมความเห็นจากทุกภาคส่วน ได้ดำเนินการมาแล้วหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่มีความสำคัญยิ่งยวด เพราะในการสัมมนาครั้งนี้ได้ประมวลรวบยอดเอาปัญหาแนวทางการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมชัดเจนมานำเสนอ อีกทั้งทราบว่าวิทยากรและผู้เข้าร่วมสัมมนาทุ่มเทให้ความสำคัญกับการนำความคิด ความเห็นมาแลกเปลี่ยนกัน จนได้แนวทางการแก้ปัญหา และพรรคจะได้นำแนวทางเหล่านั้นมาสรุป โดยฝ่ายยุทธศาสตร์ของพรรคจะนำข้อเสนอเหล่านี้ไปบรรจุเป็นนโยบาย และจะถือเป็นปัญหาลำดับแรกที่พรรคจะต้องเข้าไปแก้ไข
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ในช่วงรณรงค์หาเสียงจะให้คนทั้งประเทศเห็นแสงสว่างและโอกาสที่จะได้สันติสุขกลับคืนสู่ประเทศไทย คนไทยไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไรได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และหากประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลความคิดเหล่านี้ก็จะถูกนำไปปฏิบัติ
“เราคุยกันในระดับบริหารว่า หากเป็นรัฐบาลจะมีตัวบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีมาเป็นเจ้าภาพดูแลปัญหาอย่างจริงจังในพื้นที่ภาคใต้เป็นพิเศษ ท่านชวน หลีกภัย เคยพูดกับผมว่า ใครที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานตำแหน่งนี้ต้องแสดงความกล้าหาญ และทุ่มเทในการแก้ปัญหาจริง ๆ ไม่ใช่เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่พรรคตั้งใจ ผมขอให้มั่นใจว่าประชาธิปัตย์ต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการหาเสียง แต่เป็นสิ่งที่ประชาธิปัตย์คิดว่าประชาชนต้องมาก่อน เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้พบความผาสุกในชีวิตด้วยความรับผิดชอบของรัฐบาลประชาธิปัตย์ และประชาชนจะได้มีโอกาสพิสูจน์ความจริงใจของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลที่ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในไม่ช้านี้” นายสุเทพ กล่าว
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการสัมมนาครั้งนี้ว่า ได้ข้อสรุปเป็นสองยุทธศาสตร์คือ ยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาความไม่สงบและยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะกำหนดเป็นนโยบายดังนี้คือ
1.จะกำหนดให้มีรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบทำหน้าที่กำกับสำนักงานคณะกรรมการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การใช้กระบวนการยุติธรรมกับผู้ทำผิดอย่างเข้มงวดทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ทำผิดทั่วไป
2.กำหนดเป็นพื้นที่พัฒนาพิเศษมีโครงการรองรับ เช่น สิทธิพิเศษทางภาษีจะยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะของการโอนที่ดิน ยกเว้นภาษีนิติบุคคล จัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการกิจอย่างเพียงพอ เป็นต้น ส่งเสริมสนับสนุนให้มีสถาบันการเงินตามหลักศาสนาอิสลาม เพิ่มทักษะแรงงานให้ไทยไปทำงานในต่างประเทศเพิ่มรายได้ให้พื้นที่ ส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางอิสลามศึกษานานาชาติ จัดตั้งกองทุนซากะในชุมชนมุสลิมอย่างเป็นระบบ ให้คณะกรรมการกลางอิสลามกลางจังหวัดเป็นผู้ดูแล ตั้งศาลซารียะดูแลกรณีพิพาทครอบครัวและมรดก เป็นต้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ก.ค. 2550--จบ--
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปิดการสัมมนายุทธศาสตร์การแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าพรรคให้ความสำคัญกับปัญหา 3จังหวัดชายแดนใต้เป็นพิเศษและในนโยบายที่ได้เตรียมไว้หากว่าพรรคชนะการเลือกตั้งและได้มีโอกาสทำหน้าที่ก็ถือว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นปัญหาที่สำคัญอันดับหนึ่งไม่ใช่เฉพาะคนใต้ แต่คนไทยทั้งประเทศรู้สึกอย่างเดียวกัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน และได้ปรึกษาหารือกับประชาชนในภูมิภาคต่างๆ ผลออกมาเหมือนกัน
กล่าวคือ มีความเป็นห่วงกังวลและบอกกับพรรคเป็นเสียงเดียวกันว่าให้พรรคถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา ทั้งนี้บรรดาผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ให้ความสนใจติดตามการแก้ปัญหามาโดยตลอด รวมถึงนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ภาคใต้ทุกเดือนตลอดเวลาที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล
นายสุเทพเห็นว่านายชวนลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนบ่อยครั้งกว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทยคนก่อนๆ นอกจากนี้หัวหน้าพรรคและรองหัวหน้าพรรคยังได้พบประชาชนในโอกาสต่าง ๆ รวมถึงกรณีตากใบก็ได้เข้าพบผู้เสียหายเพื่อรับฟังปัญหาอย่างละเอียด และนำเรื่องร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่การแก้ปัญหาของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่ตรงกับพรรคประชาธิปัตย์และไม่ตรงกับที่ประชาชนต้องการ
นายสุเทพ กล่าวว่าการระดมความเห็นจากทุกภาคส่วน ได้ดำเนินการมาแล้วหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่มีความสำคัญยิ่งยวด เพราะในการสัมมนาครั้งนี้ได้ประมวลรวบยอดเอาปัญหาแนวทางการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมชัดเจนมานำเสนอ อีกทั้งทราบว่าวิทยากรและผู้เข้าร่วมสัมมนาทุ่มเทให้ความสำคัญกับการนำความคิด ความเห็นมาแลกเปลี่ยนกัน จนได้แนวทางการแก้ปัญหา และพรรคจะได้นำแนวทางเหล่านั้นมาสรุป โดยฝ่ายยุทธศาสตร์ของพรรคจะนำข้อเสนอเหล่านี้ไปบรรจุเป็นนโยบาย และจะถือเป็นปัญหาลำดับแรกที่พรรคจะต้องเข้าไปแก้ไข
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ในช่วงรณรงค์หาเสียงจะให้คนทั้งประเทศเห็นแสงสว่างและโอกาสที่จะได้สันติสุขกลับคืนสู่ประเทศไทย คนไทยไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไรได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และหากประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลความคิดเหล่านี้ก็จะถูกนำไปปฏิบัติ
“เราคุยกันในระดับบริหารว่า หากเป็นรัฐบาลจะมีตัวบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีมาเป็นเจ้าภาพดูแลปัญหาอย่างจริงจังในพื้นที่ภาคใต้เป็นพิเศษ ท่านชวน หลีกภัย เคยพูดกับผมว่า ใครที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานตำแหน่งนี้ต้องแสดงความกล้าหาญ และทุ่มเทในการแก้ปัญหาจริง ๆ ไม่ใช่เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่พรรคตั้งใจ ผมขอให้มั่นใจว่าประชาธิปัตย์ต้องการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการหาเสียง แต่เป็นสิ่งที่ประชาธิปัตย์คิดว่าประชาชนต้องมาก่อน เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้พบความผาสุกในชีวิตด้วยความรับผิดชอบของรัฐบาลประชาธิปัตย์ และประชาชนจะได้มีโอกาสพิสูจน์ความจริงใจของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลที่ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในไม่ช้านี้” นายสุเทพ กล่าว
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการสัมมนาครั้งนี้ว่า ได้ข้อสรุปเป็นสองยุทธศาสตร์คือ ยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาความไม่สงบและยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะกำหนดเป็นนโยบายดังนี้คือ
1.จะกำหนดให้มีรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบทำหน้าที่กำกับสำนักงานคณะกรรมการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การใช้กระบวนการยุติธรรมกับผู้ทำผิดอย่างเข้มงวดทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ทำผิดทั่วไป
2.กำหนดเป็นพื้นที่พัฒนาพิเศษมีโครงการรองรับ เช่น สิทธิพิเศษทางภาษีจะยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะของการโอนที่ดิน ยกเว้นภาษีนิติบุคคล จัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการกิจอย่างเพียงพอ เป็นต้น ส่งเสริมสนับสนุนให้มีสถาบันการเงินตามหลักศาสนาอิสลาม เพิ่มทักษะแรงงานให้ไทยไปทำงานในต่างประเทศเพิ่มรายได้ให้พื้นที่ ส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางอิสลามศึกษานานาชาติ จัดตั้งกองทุนซากะในชุมชนมุสลิมอย่างเป็นระบบ ให้คณะกรรมการกลางอิสลามกลางจังหวัดเป็นผู้ดูแล ตั้งศาลซารียะดูแลกรณีพิพาทครอบครัวและมรดก เป็นต้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 ก.ค. 2550--จบ--