แท็ก
คณะกรรมการการเลือกตั้ง
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
พรรคประชาธิปัตย์
นายกรัฐมนตรี
โรงแรมคอนราด
รัฐธรรมนูญ
(27 สค.50) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีหารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ถึงกำหนดวันเลือกตั้ง ว่าทุกฝ่ายก็เรียกร้องถึงความชัดเจนในกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหาไม่ว่าจะกำหนดวันไหน หากเป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ คือภายใน 90 วันหลังจากที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ แต่สิ่งสำคัญคือความชัดเจนแน่นอน เพราะสามารถที่จะดูตารางเวลา และทำปฏิทินรณรงค์การเลือกตั้งได้ ดังนั้นหากวันนี้ (27 ส.ค.)ประกาศได้ก็น่าจะประกาศออกมา เพราะตารางเวลาบังคับอยู่แล้วว่าภายใน 90 วันหลังกฎหมายลูกบังคับใช้ ดังนั้นควรเลือกวันที่เหมาะสมมา ทั้งนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นวันไหน
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวเรื่องการซื้อตัวอดีตส.ส.ว่าพรรคติดตามสถานการณ์อยู่ แต่ทั้งหมดถือเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มาก และอย่ามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา หากอะไรที่เป็นเรื่องที่จะนำไปสู่การใช้เงินแล้วไปถอนทุนคืน เพราะการซื้อตัวผู้แทนก็หมายถึงการลงทุนทางการเมือง เพราะฉะนั้นเมื่อลงทุนทางการเมือง ก็เชื่อว่าวันหนึ่งจะต้องมีการถอนทุนคืน และเชื่อว่าจะเป็นการถอนทุนจากผลประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นหากกต. ได้ตระหนักตรงนี้ตั้งแต่ต้น ก็จะช่วยให้การติตตามมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น ฉะนั้นกกต.ต้องไปดูว่าข้อกฎหมายอะไรที่จะเอาผิดได้หากมีพยานหลักฐาน
“ดูแล้วมีสัญญาณหลายตัวที่บ่งชี้ว่า เงินจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตั้งแต่ข่าวคราวเรื่องการดูดส.ส.กลับพรรคหัวละ 30 ล้าน และยังมีข่าวคราวเรื่องการจ่ายสินบนตุลาการกรณียุบพรรค ซึ่งเป็นข่าวที่แสดงให้เห็นว่าเริ่มมีการใช้เงินต่อเนื่องตามลำดับ จนล่าสุดมีข่าวว่า เงินจะสะพัดถึง 3 หมื่นล้านในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นการเลือกตั้งจะน่ากลัวกว่าปี 48 เพราะผลสำรวจของเอแบคโพลล์บอกว่าตอนนั้นเงินสะพัดหมื่นล้าน ดังนั้นถ้าตัวเลข 3 หมื่นล้านเป็นจริงก็หมายความว่าเงินจะสะพัดมากกว่าการเลือกตั้งปี 48 เป็นสามเท่า ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วงและผมคิดว่าทุกฝ่ายจะต้องตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องจัดการให้หมดไปจากสังคมไทย และกกต.จะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะตรวจสอบอย่างจริงจัง และมีมาตรการที่จะจัดการอย่างจริงจัง”นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนกรณีที่เป็นการยากจะหาใบเสร็จในเรื่องการซื้อตัวส.ส.นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องการซื้อตัวผู้แทนคงไม่มีใบเสร็จ แต่หากกกต.ดำเนินการอย่างจริงจังในการดูแลการเลือกตั้งก็สามารถที่จะตรวจสอบหาข้อมูลการซื้อเสียงได้ เพราะเชื่อว่าต้องมีร่องรอย ซึ่งในอดีตก็เคยจับกุมได้ที่จังหวัดบุรีรัมย์มาแล้ว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการจัดการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นตัวอย่างสำคัญในการทำงานของกกต.ในอนาคต โดยจะเห็นได้จากกรณีจังหวัดบุรีรัมย์ ที่เมื่อกกต.จังหวัดเข้มแข็ง ก็จะเห็นชัดเจนว่าผลจะออกมาในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับผลที่คิดว่าควรจะเป็น และกรณีนี้เป็นสัญญาณที่จะบอกกับกกต.ว่าหากกกต.ดำเนินการอย่างจริงจัง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จมีมาก และเราจะได้ไม่ต้องไปฝ่าพายุไต้ฝุ่น “สีม่วง”กันในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ส.ค. 2550--จบ--
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวเรื่องการซื้อตัวอดีตส.ส.ว่าพรรคติดตามสถานการณ์อยู่ แต่ทั้งหมดถือเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มาก และอย่ามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา หากอะไรที่เป็นเรื่องที่จะนำไปสู่การใช้เงินแล้วไปถอนทุนคืน เพราะการซื้อตัวผู้แทนก็หมายถึงการลงทุนทางการเมือง เพราะฉะนั้นเมื่อลงทุนทางการเมือง ก็เชื่อว่าวันหนึ่งจะต้องมีการถอนทุนคืน และเชื่อว่าจะเป็นการถอนทุนจากผลประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นหากกต. ได้ตระหนักตรงนี้ตั้งแต่ต้น ก็จะช่วยให้การติตตามมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น ฉะนั้นกกต.ต้องไปดูว่าข้อกฎหมายอะไรที่จะเอาผิดได้หากมีพยานหลักฐาน
“ดูแล้วมีสัญญาณหลายตัวที่บ่งชี้ว่า เงินจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตั้งแต่ข่าวคราวเรื่องการดูดส.ส.กลับพรรคหัวละ 30 ล้าน และยังมีข่าวคราวเรื่องการจ่ายสินบนตุลาการกรณียุบพรรค ซึ่งเป็นข่าวที่แสดงให้เห็นว่าเริ่มมีการใช้เงินต่อเนื่องตามลำดับ จนล่าสุดมีข่าวว่า เงินจะสะพัดถึง 3 หมื่นล้านในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นการเลือกตั้งจะน่ากลัวกว่าปี 48 เพราะผลสำรวจของเอแบคโพลล์บอกว่าตอนนั้นเงินสะพัดหมื่นล้าน ดังนั้นถ้าตัวเลข 3 หมื่นล้านเป็นจริงก็หมายความว่าเงินจะสะพัดมากกว่าการเลือกตั้งปี 48 เป็นสามเท่า ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วงและผมคิดว่าทุกฝ่ายจะต้องตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องจัดการให้หมดไปจากสังคมไทย และกกต.จะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะตรวจสอบอย่างจริงจัง และมีมาตรการที่จะจัดการอย่างจริงจัง”นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนกรณีที่เป็นการยากจะหาใบเสร็จในเรื่องการซื้อตัวส.ส.นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องการซื้อตัวผู้แทนคงไม่มีใบเสร็จ แต่หากกกต.ดำเนินการอย่างจริงจังในการดูแลการเลือกตั้งก็สามารถที่จะตรวจสอบหาข้อมูลการซื้อเสียงได้ เพราะเชื่อว่าต้องมีร่องรอย ซึ่งในอดีตก็เคยจับกุมได้ที่จังหวัดบุรีรัมย์มาแล้ว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการจัดการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นตัวอย่างสำคัญในการทำงานของกกต.ในอนาคต โดยจะเห็นได้จากกรณีจังหวัดบุรีรัมย์ ที่เมื่อกกต.จังหวัดเข้มแข็ง ก็จะเห็นชัดเจนว่าผลจะออกมาในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับผลที่คิดว่าควรจะเป็น และกรณีนี้เป็นสัญญาณที่จะบอกกับกกต.ว่าหากกกต.ดำเนินการอย่างจริงจัง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จมีมาก และเราจะได้ไม่ต้องไปฝ่าพายุไต้ฝุ่น “สีม่วง”กันในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ส.ค. 2550--จบ--