1. การผลิต
ไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) มีการผลิตลดลงจาก
ไตรมาสก่อนร้อยละ 1.8 และลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2549 ร้อยละ 1.5 โดยได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลต่อการผลิต
การบริโภค และการส่งออก เช่น ปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาท ปัญหาการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าขนส่ง
ปัญหาการขาดแคลน
แรงงานและปัญหาแรงงานต่างด้าว และการขาดแคลนวัตถุดิบจากภัยธรรมชาติ รวมถึงการประกาศติดฉลากสินค้ารูปแบบใหม่ๆ ของ
ประเทศผู้นำเข้า การบังคับใช้มาตรฐานสุขอนามัยและสวัสดิภาพสัตว์ของ
สหภาพยุโรป และการพิจารณาห้ามนำเข้ากุ้งจากประเทศต่างๆ ของออสเตรเลียจากการตรวจพบเชื้อไวรัส ซึ่งจะกำหนดเป็นระเบียบ
ปฏิบัติเพื่อตรวจสอบก่อนอนุญาตนำเข้า อย่างไรก็ตามมีปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อการผลิตเพื่อส่งออกของไทย ได้แก่ การที่สหรัฐฯ อนุมัติให้นำเข้าผลไม้สด
จากประเทศไทย และข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อวัวบ้าในสหรัฐ และไข้หวัดนกในอินโดนีเซียและรัสเซีย เป็นต้น สำหรับภาวะการผลิตในแต่ละกลุ่ม
สรุปได้ดังนี้
ปศุสัตว์ แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศและต่างประเทศได้เริ่มคลี่คลาย แต่การที่สหภาพยุโรปได้เปลี่ยนแปลง
ปริมาณและอัตราภาษีโควตานำเข้าสินค้าไก่ โดยเฉพาะไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ทำให้ปริมาณการผลิตสินค้าดังกล่าวลดลงจากปีก่อนและไตรมาสก่อนร้อยละ
4.4 และ 3.0 ตามลำดับ ส่งผลต่อภาพรวมการผลิตของกลุ่มปศุสัตว์ในไตรมาสที่ 1 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 4.1 และไตรมาสก่อนร้อยละ 3.0 อย่าง
ไรก็ตามการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมบริโภคมีการขยายตัวตามแนวโน้มของตลาดส่งออกที่หันมานำเข้าไก่แปรรูปมากขึ้น และจากโอกาสการเปิดตลาด
ตามข้อตกลง FTA กับประเทศต่างๆ ทำให้อัตราภาษีของไก่แปรรูปมีแนวโน้มการลดลงได้เร็วกว่าไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง
ผักผลไม้แปรรูป มีการผลิตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 13.8 แต่ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 12.1 โดยสินค้าสำคัญ คือ สับปะรดกระป๋อง
มีการผลิตลดลงจากไตรมาสก่อนและปีก่อน ร้อยละ 10.0 และ 29.4 ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในปีก่อน ทำให้ระดับราคาลดลง
เกษตรกรบางส่วนจึงหันไปปลูกพืชผักอื่นๆ ทดแทน ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตในช่วงฤดูกาลของปี 2550 ลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้มี
การชะลอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ส่วนการผลิตน้ำผักและผลไม้มีขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่มเพื่อการดูแลสุขภาพที่กำลังได้รับ
ความนิยมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างสูง โดยเฉพาะน้ำผักและผลไม้พร้อมดื่ม และนมเปรี้ยวรสผักและผลไม้ต่างๆ
น้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ และธัญพืชและแป้ง มีการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
ร้อยละ 18.9 และ 3.4 ตามลำดับ เนื่องจากวัตถุดิบมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำตาลทรายมีปริมาณอ้อยเข้าโรงงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบ
กับปีก่อน เนื่องจากมีการปรับราคาในประเทศขึ้นตามต้นทุนการผลิต จูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น ส่วนมันสำปะหลังมีการขยายพื้นที่ปลูกทั้งใน
เขตพื้นที่เดิมและพื้นที่ใหม่ตามนโยบายส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนจากพืช เช่น เอทานอล และไบโอดีเซล ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการผลิต
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น เช่น แป้งมันสำปะหลัง ผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.2
ประมง มีปัจจัยสำคัญภายนอกที่ส่งผลต่อการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 1 คือ การที่ออสเตรเลียอยู่ระหว่างพิจารณาประกาศห้ามนำเข้ากุ้งจาก
ต่างประเทศ เนื่องจากตรวจพบเชื้อไวรัสในกุ้งนำเข้า การที่สหรัฐฯ ยังคงเรียกเก็บภาษีทุ่มตลาดสินค้ากุ้ง และให้ผู้ส่งออกต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ในมูลค่ากุ้งร้อยละ 100 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของ WTO เนื่องจากเป็นการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน รวมถึงภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ทำให้เรือประมงไม่สามารถออกทะเลได้ ส่งผลต่อปริมาณสัตว์น้ำที่เข้าสู่ตลาดลดลง และส่งผลให้ภาพรวมของกลุ่มมีการผลิตลดลงจากปี
ก่อนร้อยละ 14.2 จากการผลิตกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลง ร้อยละ 9.7 และปลาทูน่ากระป๋องลดลงร้อยละ 19.4
การผลิตสินค้าในหมวดอื่นๆ ได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์นม และอาหารสัตว์ มีการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เล็กน้อย คือ
ร้อยละ 0.2 และ 0.3 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจาก
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบลดลง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีการผลิตลดลงจากปีก่อนร้อยละ
10.9 ส่วนหนึ่งได้รับกระทบจากการปรับตัวลดลงของราคาเนื้อสัตว์ทำให้มีการบริโภคอาหารสดทดแทน
2. การตลาด
2.1 การจำหน่ายในประเทศ
ไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ภาวะการจำหน่ายในประเทศโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหารได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบใน
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลง แม้ว่าจะการจับจ่ายใช้สอยจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง
เทศกาลตรุษจีน ที่ทำให้ความต้องการบริโภคอาหารเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อรวมทั้งไตรมาสแล้ว ปริมาณการจำหน่ายลดลงจากไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ร้อยละ 4.2 และ 1.3 (ไม่รวมน้ำตาล) ตามลำดับ โดยสินค้าที่มีการจำหน่ายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ กลุ่มปศุสัตว์ ธัญพืชและแป้ง
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำมันพืช ร้อยละ 6.9 9.1 12.5 และ13.0 ตามลำดับ สำหรับสินค้าอาหารที่มีการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผักผล
ไม้ ประมง อาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์นมร้อยละ 5.4 5.1 3.3 และ 1.4 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ปริมาณการจำหน่ายน้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เนื่องจากภาวะการขาดแคลนน้ำตาลในปีก่อน
2.2 การส่งออก-นำเข้า
เนื่องจากกรมศุลกากร ได้นำพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์ฉบับปี 2007 มาใช้ตั้งแต่วันที่
1 มกราคม 2007 ทำให้การจัดเก็บสถิตินำเข้า-ส่งออก ต้องจัดทำโปรแกรมใหม่ทั้งระบบ ซึ่งขณะนี้
อยู่ระหว่างดำเนินการ
3. นโยบายและมาตรการภาครัฐ
3.1 รัฐบาลอนุมัติการจำหน่ายน้ำตาลทรายดิบในราคาส่งออกให้กับบริษัทที่ผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมอ้อย
และน้ำตาลทราย และเป็นการส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศที่ใช้กรดแลคติกเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะ
การผลิตทดแทนผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้
3.2 รัฐบาลเห็นชอบในหลักการของความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น โดยได้มีการลงนามในช่วงเดือนมีนาคม และจะเริ่มมีผลบังคับ
ใช้ช่วงเดือนตุลาคม เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกอาหาร โดยเฉพาะผักผลไม้ ที่จะมีคณะกรรมการร่วม พิจารณาข้อปฏิบัติการนำเข้าไปยัง
ประเทศญี่ปุ่นที่มีขั้นตอนลดลง
3.3 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนกจากโรงฆ่าชำแหละไก่ โดยได้ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการที่มีความ
เสี่ยงที่จะแพร่เชื้อโรคไข้หวัดนก รวมถึงมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดในอนาคต
4. สรุปและแนวโน้ม
แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมอาหารไตรมาสที่ 2 ปี 2550 คาดว่าทั้งภาคการผลิตและการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารจะชะลอตัวลง โดย
คาดว่าในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์สำคัญมีแนวโน้ม ดังนี้
4.1 สินค้าประมง ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลกระป๋อง เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง และอาหารทะเลแปรรูปมีแนวโน้มผลิตและส่งออกชะลอตัวลง
เป็นผลจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งผู้ประกอบการต้องพิจารณาปรับราคา นอกจากนี้ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าอาหารทะเลในภาพ
รวม ได้แก่ การขาดแคลนแรงงาน การลดลงของผลผลิตกุ้งจากปริมาณฟาร์มในประเทศลดลง และการขาดแคลนปริมาณวัตถุดิบอย่างต่อเนื่องจาก
ความสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำที่ลดลง รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งและการทำประมง
4.2 สินค้าพืชผักผลไม้แปรรูป สับปะรดกระป๋องและผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้แปรรูปต่างๆ มีแนวโน้มผลิตและส่งออกขยายตัวได้เพิ่มขึ้นใน
เชิงปริมาณ แต่ในเชิงมูลค่าอาจจะทรงตัว เนื่องจากคาดว่าราคาสับปะรดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะลดลงจากปีก่อน ส่วนการ
จำหน่ายในประเทศราคาผักจะปรับตัวสูงขึ้นตามฤดูกาลและได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น สำหรับผลไม้หลักๆ เช่น ทุเรียน เงาะ และมังคุด คาด
ว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นจากการอนุญาตให้นำเข้าผลไม้สดที่ผ่านการฉายรังสีของสหรัฐฯ
4.3 สินค้าปศุสัตว์แปรรูป ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง มีแนวโน้มที่จะผลิตและส่งออกในปริมาณและมูลค่าที่ขยายตัวเล็กน้อย โดยจะทำการผลิตใน
ลักษณะไก่แปรรูปประเภทไก่ต้มสุกและไก่พร้อมรับประทาน เช่น ไก่คาราเกะ และไก่ปรุงสำเร็จ เพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดญี่ปุ่น ในขณะที่ตลาด
สหภาพยุโรปปรับมาใช้ระบบโควตาภาษีนำข้ำก่และผลิตภัณฑ์ ทำให้ขยายตลาดได้ยากขึ้น
4.4 สินค้าแปรรูปจากธัญพืชและแป้ง มีแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากวัตถุดิบมีมากขึ้น
ซึ่งคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 จากการขยายพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นทั้งในพื้นที่ใหม่และพื้นที่ปลูกข้าวโพด เนื่อง
จากระดับราคาจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการแปรรูป
มันสำปะหลังมีความกังวลในเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบเพื่อรองรับทั้งโรงงานเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังในช่วงเวลาเดียวกัน และการ
เพิ่มระดับราคาประกันหัวมันสำปะหลังสดที่อาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นได้
4.5 สินค้าอื่นๆ ประกอบด้วย
1) สินค้าน้ำตาลทราย คาดว่าผลผลิตอ้อยจะเริ่มลดลง เนื่องจากเป็นช่วงสุดท้ายของฤดูหีบอ้อยปี 2549/50 แต่ปริมาณความต้องการใช้
ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นวัตถุดิบใน
การผลิตกรดแลกติคที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตพลาสติกชีวภาพ
2) นมและผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะผลิตลดลงตามความต้องการบริโภคที่ลดลงในช่วงปิดภาคเรียน
3) อาหารสัตว์ คาดว่าจะชะลอการผลิตลงจากความต้องการใช้เลี้ยงสัตว์ที่ลดลงตามความต้องการบริโภคและการชะลอตัวของระบบ
เศรษฐกิจ
4) น้ำมันพืช คาดว่าการผลิตจะลดลงจากปริมาณวัตถุดิบ เช่น ปาล์มน้ำมัน และถั่วเหลือง มีปริมาณผลผลิตลดลงตามฤดูกาล ซึ่งจะทำให้
ระดับราคาปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน
ตารางที่ 1 ปริมาณการผลิตอุตสาหกรรมอาหาร
ปริมาณการผลิต (ตัน) การเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
ไตรมาส1/49 ไตรมาส4/49 ไตรมาส1/50 เทียบกับไตรมาสก่อน เทียบกับปีก่อน
ปศุสัตว์ 230,603.40 227,973.20 221,044.20 -3 -4.1
ประมง 222,479.70 224,782.10 190,819.70 -15.1 -14.2
ผักผลไม้ 295,600.80 228,472.30 259,966.40 13.8 -12.1
น้ำมันพืช 340,061.20 374,311.40 340,187.40 -9.1 0
ผลิตภัณฑ์นม 268,360.90 268,804.40 268,802.40 0 0.2
ธัญพืชและแป้ง 644,904.00 590,577.80 666,615.20 12.9 3.4
อาหารสัตว์ 1,487,397.50 1,579,078.50 1,492,246.00 -5.5 0.3
น้ำตาล 5,910,626.20 1,218,238.50 7,026,315.30 476.8 18.9
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 39,966.00 43,473.20 35,595.80 -18.1 -10.9
รวม 9,439,999.70 4,755,711.50 10,501,592.50 120.8 11.2
รวม(ไม่รวมน้ำตาล) 3,529,373.50 3,537,472.90 3,475,277.20 -1.8 -1.5
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ตารางที่ 2 ปริมาณการจำหน่ายในประเทศอุตสาหกรรมอาหาร
ปริมาณการจำหน่ายในประเทศ (ตัน) การเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
ไตรมาส1/49 ไตรมาส4/49 ไตรมาส1/50 เทียบกับไตรมาสก่อน เทียบกับปีก่อน
ปศุสัตว์ 195,053.50 195,506.10 181,679.50 -7.1 -6.9
ประมง 28,588.70 31,234.60 30,039.50 -3.8 5.1
ผักผลไม้ 34,384.30 42,106.70 36,237.10 -13.9 5.4
น้ำมันพืช 261,113.50 259,906.80 227,171.30 -12.6 -13
ผลิตภัณฑ์นม 225,550.90 228,750.30 228,750.30 0 1.4
ธัญพืชและแป้ง 359,605.50 297,447.10 326,826.80 9.9 -9.1
อาหารสัตว์ 1,361,189.60 1,480,819.70 1,405,744.10 -5.1 3.3
น้ำตาล 1,277,116.90 681,579.50 1,355,955.50 98.9 6.2
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 31,942.80 37,009.30 27,943.50 -24.5 -12.5
รวม 3,774,545.80 3,254,359.90 3,820,347.60 17.4 1.2
รวม (ไม่รวมน้ำตาล) 2,497,428.90 2,572,780.50 2,464,392.10 -4.2 -1.3
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) มีการผลิตลดลงจาก
ไตรมาสก่อนร้อยละ 1.8 และลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2549 ร้อยละ 1.5 โดยได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลต่อการผลิต
การบริโภค และการส่งออก เช่น ปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาท ปัญหาการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าขนส่ง
ปัญหาการขาดแคลน
แรงงานและปัญหาแรงงานต่างด้าว และการขาดแคลนวัตถุดิบจากภัยธรรมชาติ รวมถึงการประกาศติดฉลากสินค้ารูปแบบใหม่ๆ ของ
ประเทศผู้นำเข้า การบังคับใช้มาตรฐานสุขอนามัยและสวัสดิภาพสัตว์ของ
สหภาพยุโรป และการพิจารณาห้ามนำเข้ากุ้งจากประเทศต่างๆ ของออสเตรเลียจากการตรวจพบเชื้อไวรัส ซึ่งจะกำหนดเป็นระเบียบ
ปฏิบัติเพื่อตรวจสอบก่อนอนุญาตนำเข้า อย่างไรก็ตามมีปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อการผลิตเพื่อส่งออกของไทย ได้แก่ การที่สหรัฐฯ อนุมัติให้นำเข้าผลไม้สด
จากประเทศไทย และข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อวัวบ้าในสหรัฐ และไข้หวัดนกในอินโดนีเซียและรัสเซีย เป็นต้น สำหรับภาวะการผลิตในแต่ละกลุ่ม
สรุปได้ดังนี้
ปศุสัตว์ แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศและต่างประเทศได้เริ่มคลี่คลาย แต่การที่สหภาพยุโรปได้เปลี่ยนแปลง
ปริมาณและอัตราภาษีโควตานำเข้าสินค้าไก่ โดยเฉพาะไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ทำให้ปริมาณการผลิตสินค้าดังกล่าวลดลงจากปีก่อนและไตรมาสก่อนร้อยละ
4.4 และ 3.0 ตามลำดับ ส่งผลต่อภาพรวมการผลิตของกลุ่มปศุสัตว์ในไตรมาสที่ 1 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 4.1 และไตรมาสก่อนร้อยละ 3.0 อย่าง
ไรก็ตามการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมบริโภคมีการขยายตัวตามแนวโน้มของตลาดส่งออกที่หันมานำเข้าไก่แปรรูปมากขึ้น และจากโอกาสการเปิดตลาด
ตามข้อตกลง FTA กับประเทศต่างๆ ทำให้อัตราภาษีของไก่แปรรูปมีแนวโน้มการลดลงได้เร็วกว่าไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง
ผักผลไม้แปรรูป มีการผลิตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 13.8 แต่ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 12.1 โดยสินค้าสำคัญ คือ สับปะรดกระป๋อง
มีการผลิตลดลงจากไตรมาสก่อนและปีก่อน ร้อยละ 10.0 และ 29.4 ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในปีก่อน ทำให้ระดับราคาลดลง
เกษตรกรบางส่วนจึงหันไปปลูกพืชผักอื่นๆ ทดแทน ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตในช่วงฤดูกาลของปี 2550 ลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้มี
การชะลอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ส่วนการผลิตน้ำผักและผลไม้มีขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่มเพื่อการดูแลสุขภาพที่กำลังได้รับ
ความนิยมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างสูง โดยเฉพาะน้ำผักและผลไม้พร้อมดื่ม และนมเปรี้ยวรสผักและผลไม้ต่างๆ
น้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ และธัญพืชและแป้ง มีการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
ร้อยละ 18.9 และ 3.4 ตามลำดับ เนื่องจากวัตถุดิบมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำตาลทรายมีปริมาณอ้อยเข้าโรงงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบ
กับปีก่อน เนื่องจากมีการปรับราคาในประเทศขึ้นตามต้นทุนการผลิต จูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น ส่วนมันสำปะหลังมีการขยายพื้นที่ปลูกทั้งใน
เขตพื้นที่เดิมและพื้นที่ใหม่ตามนโยบายส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนจากพืช เช่น เอทานอล และไบโอดีเซล ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการผลิต
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น เช่น แป้งมันสำปะหลัง ผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.2
ประมง มีปัจจัยสำคัญภายนอกที่ส่งผลต่อการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 1 คือ การที่ออสเตรเลียอยู่ระหว่างพิจารณาประกาศห้ามนำเข้ากุ้งจาก
ต่างประเทศ เนื่องจากตรวจพบเชื้อไวรัสในกุ้งนำเข้า การที่สหรัฐฯ ยังคงเรียกเก็บภาษีทุ่มตลาดสินค้ากุ้ง และให้ผู้ส่งออกต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ในมูลค่ากุ้งร้อยละ 100 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของ WTO เนื่องจากเป็นการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อน รวมถึงภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ทำให้เรือประมงไม่สามารถออกทะเลได้ ส่งผลต่อปริมาณสัตว์น้ำที่เข้าสู่ตลาดลดลง และส่งผลให้ภาพรวมของกลุ่มมีการผลิตลดลงจากปี
ก่อนร้อยละ 14.2 จากการผลิตกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลง ร้อยละ 9.7 และปลาทูน่ากระป๋องลดลงร้อยละ 19.4
การผลิตสินค้าในหมวดอื่นๆ ได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์นม และอาหารสัตว์ มีการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เล็กน้อย คือ
ร้อยละ 0.2 และ 0.3 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจาก
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบลดลง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีการผลิตลดลงจากปีก่อนร้อยละ
10.9 ส่วนหนึ่งได้รับกระทบจากการปรับตัวลดลงของราคาเนื้อสัตว์ทำให้มีการบริโภคอาหารสดทดแทน
2. การตลาด
2.1 การจำหน่ายในประเทศ
ไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ภาวะการจำหน่ายในประเทศโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหารได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบใน
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลง แม้ว่าจะการจับจ่ายใช้สอยจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง
เทศกาลตรุษจีน ที่ทำให้ความต้องการบริโภคอาหารเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อรวมทั้งไตรมาสแล้ว ปริมาณการจำหน่ายลดลงจากไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ร้อยละ 4.2 และ 1.3 (ไม่รวมน้ำตาล) ตามลำดับ โดยสินค้าที่มีการจำหน่ายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ กลุ่มปศุสัตว์ ธัญพืชและแป้ง
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำมันพืช ร้อยละ 6.9 9.1 12.5 และ13.0 ตามลำดับ สำหรับสินค้าอาหารที่มีการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผักผล
ไม้ ประมง อาหารสัตว์ และผลิตภัณฑ์นมร้อยละ 5.4 5.1 3.3 และ 1.4 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ปริมาณการจำหน่ายน้ำตาลทรายและผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เนื่องจากภาวะการขาดแคลนน้ำตาลในปีก่อน
2.2 การส่งออก-นำเข้า
เนื่องจากกรมศุลกากร ได้นำพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์ฉบับปี 2007 มาใช้ตั้งแต่วันที่
1 มกราคม 2007 ทำให้การจัดเก็บสถิตินำเข้า-ส่งออก ต้องจัดทำโปรแกรมใหม่ทั้งระบบ ซึ่งขณะนี้
อยู่ระหว่างดำเนินการ
3. นโยบายและมาตรการภาครัฐ
3.1 รัฐบาลอนุมัติการจำหน่ายน้ำตาลทรายดิบในราคาส่งออกให้กับบริษัทที่ผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมอ้อย
และน้ำตาลทราย และเป็นการส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศที่ใช้กรดแลคติกเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะ
การผลิตทดแทนผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้
3.2 รัฐบาลเห็นชอบในหลักการของความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น โดยได้มีการลงนามในช่วงเดือนมีนาคม และจะเริ่มมีผลบังคับ
ใช้ช่วงเดือนตุลาคม เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกอาหาร โดยเฉพาะผักผลไม้ ที่จะมีคณะกรรมการร่วม พิจารณาข้อปฏิบัติการนำเข้าไปยัง
ประเทศญี่ปุ่นที่มีขั้นตอนลดลง
3.3 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนกจากโรงฆ่าชำแหละไก่ โดยได้ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการที่มีความ
เสี่ยงที่จะแพร่เชื้อโรคไข้หวัดนก รวมถึงมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดในอนาคต
4. สรุปและแนวโน้ม
แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมอาหารไตรมาสที่ 2 ปี 2550 คาดว่าทั้งภาคการผลิตและการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารจะชะลอตัวลง โดย
คาดว่าในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์สำคัญมีแนวโน้ม ดังนี้
4.1 สินค้าประมง ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลกระป๋อง เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง และอาหารทะเลแปรรูปมีแนวโน้มผลิตและส่งออกชะลอตัวลง
เป็นผลจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งผู้ประกอบการต้องพิจารณาปรับราคา นอกจากนี้ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าอาหารทะเลในภาพ
รวม ได้แก่ การขาดแคลนแรงงาน การลดลงของผลผลิตกุ้งจากปริมาณฟาร์มในประเทศลดลง และการขาดแคลนปริมาณวัตถุดิบอย่างต่อเนื่องจาก
ความสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำที่ลดลง รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อต้นทุนการขนส่งและการทำประมง
4.2 สินค้าพืชผักผลไม้แปรรูป สับปะรดกระป๋องและผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้แปรรูปต่างๆ มีแนวโน้มผลิตและส่งออกขยายตัวได้เพิ่มขึ้นใน
เชิงปริมาณ แต่ในเชิงมูลค่าอาจจะทรงตัว เนื่องจากคาดว่าราคาสับปะรดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะลดลงจากปีก่อน ส่วนการ
จำหน่ายในประเทศราคาผักจะปรับตัวสูงขึ้นตามฤดูกาลและได้รับผลกระทบจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น สำหรับผลไม้หลักๆ เช่น ทุเรียน เงาะ และมังคุด คาด
ว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นจากการอนุญาตให้นำเข้าผลไม้สดที่ผ่านการฉายรังสีของสหรัฐฯ
4.3 สินค้าปศุสัตว์แปรรูป ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง มีแนวโน้มที่จะผลิตและส่งออกในปริมาณและมูลค่าที่ขยายตัวเล็กน้อย โดยจะทำการผลิตใน
ลักษณะไก่แปรรูปประเภทไก่ต้มสุกและไก่พร้อมรับประทาน เช่น ไก่คาราเกะ และไก่ปรุงสำเร็จ เพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดญี่ปุ่น ในขณะที่ตลาด
สหภาพยุโรปปรับมาใช้ระบบโควตาภาษีนำข้ำก่และผลิตภัณฑ์ ทำให้ขยายตลาดได้ยากขึ้น
4.4 สินค้าแปรรูปจากธัญพืชและแป้ง มีแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากวัตถุดิบมีมากขึ้น
ซึ่งคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 จากการขยายพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นทั้งในพื้นที่ใหม่และพื้นที่ปลูกข้าวโพด เนื่อง
จากระดับราคาจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการแปรรูป
มันสำปะหลังมีความกังวลในเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบเพื่อรองรับทั้งโรงงานเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังในช่วงเวลาเดียวกัน และการ
เพิ่มระดับราคาประกันหัวมันสำปะหลังสดที่อาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นได้
4.5 สินค้าอื่นๆ ประกอบด้วย
1) สินค้าน้ำตาลทราย คาดว่าผลผลิตอ้อยจะเริ่มลดลง เนื่องจากเป็นช่วงสุดท้ายของฤดูหีบอ้อยปี 2549/50 แต่ปริมาณความต้องการใช้
ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องอาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อเป็นวัตถุดิบใน
การผลิตกรดแลกติคที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตพลาสติกชีวภาพ
2) นมและผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะผลิตลดลงตามความต้องการบริโภคที่ลดลงในช่วงปิดภาคเรียน
3) อาหารสัตว์ คาดว่าจะชะลอการผลิตลงจากความต้องการใช้เลี้ยงสัตว์ที่ลดลงตามความต้องการบริโภคและการชะลอตัวของระบบ
เศรษฐกิจ
4) น้ำมันพืช คาดว่าการผลิตจะลดลงจากปริมาณวัตถุดิบ เช่น ปาล์มน้ำมัน และถั่วเหลือง มีปริมาณผลผลิตลดลงตามฤดูกาล ซึ่งจะทำให้
ระดับราคาปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน
ตารางที่ 1 ปริมาณการผลิตอุตสาหกรรมอาหาร
ปริมาณการผลิต (ตัน) การเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
ไตรมาส1/49 ไตรมาส4/49 ไตรมาส1/50 เทียบกับไตรมาสก่อน เทียบกับปีก่อน
ปศุสัตว์ 230,603.40 227,973.20 221,044.20 -3 -4.1
ประมง 222,479.70 224,782.10 190,819.70 -15.1 -14.2
ผักผลไม้ 295,600.80 228,472.30 259,966.40 13.8 -12.1
น้ำมันพืช 340,061.20 374,311.40 340,187.40 -9.1 0
ผลิตภัณฑ์นม 268,360.90 268,804.40 268,802.40 0 0.2
ธัญพืชและแป้ง 644,904.00 590,577.80 666,615.20 12.9 3.4
อาหารสัตว์ 1,487,397.50 1,579,078.50 1,492,246.00 -5.5 0.3
น้ำตาล 5,910,626.20 1,218,238.50 7,026,315.30 476.8 18.9
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 39,966.00 43,473.20 35,595.80 -18.1 -10.9
รวม 9,439,999.70 4,755,711.50 10,501,592.50 120.8 11.2
รวม(ไม่รวมน้ำตาล) 3,529,373.50 3,537,472.90 3,475,277.20 -1.8 -1.5
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ตารางที่ 2 ปริมาณการจำหน่ายในประเทศอุตสาหกรรมอาหาร
ปริมาณการจำหน่ายในประเทศ (ตัน) การเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ)
ไตรมาส1/49 ไตรมาส4/49 ไตรมาส1/50 เทียบกับไตรมาสก่อน เทียบกับปีก่อน
ปศุสัตว์ 195,053.50 195,506.10 181,679.50 -7.1 -6.9
ประมง 28,588.70 31,234.60 30,039.50 -3.8 5.1
ผักผลไม้ 34,384.30 42,106.70 36,237.10 -13.9 5.4
น้ำมันพืช 261,113.50 259,906.80 227,171.30 -12.6 -13
ผลิตภัณฑ์นม 225,550.90 228,750.30 228,750.30 0 1.4
ธัญพืชและแป้ง 359,605.50 297,447.10 326,826.80 9.9 -9.1
อาหารสัตว์ 1,361,189.60 1,480,819.70 1,405,744.10 -5.1 3.3
น้ำตาล 1,277,116.90 681,579.50 1,355,955.50 98.9 6.2
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 31,942.80 37,009.30 27,943.50 -24.5 -12.5
รวม 3,774,545.80 3,254,359.90 3,820,347.60 17.4 1.2
รวม (ไม่รวมน้ำตาล) 2,497,428.90 2,572,780.50 2,464,392.10 -4.2 -1.3
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-