ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ภาษีสำหรับบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1. ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ สำหรับบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2. ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ สำหรับบริษัท
ที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ MAI
3. บริษัทตามข้อ 1. และ 2. จะได้รับสิทธิเป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่เริ่มในหรือหลังวันที่บริษัทนำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แต่ละแห่ง ทั้งนี้สำหรับบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2550 ถึง 31 ธันวาคม 2550
นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะช่วยให้มีบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ MAI เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มทางเลือกในการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ และจะส่งผลให้อุปทานในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองแห่งเพิ่มขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และเป็นการส่งเสริมให้บริษัทมีการจัดทำระบบบัญชีที่โปร่งใสและเป็นมาตรฐานซึ่งจะส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เพิ่มขึ้นและเต็มเม็ดเต็มหน่วย
สำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร 02-2739020 ต่อ 3514
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 13/2550 20 กุมภาพันธ์ 50--
1. ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิ สำหรับบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2. ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ สำหรับบริษัท
ที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ MAI
3. บริษัทตามข้อ 1. และ 2. จะได้รับสิทธิเป็นเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่เริ่มในหรือหลังวันที่บริษัทนำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แต่ละแห่ง ทั้งนี้สำหรับบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2550 ถึง 31 ธันวาคม 2550
นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะช่วยให้มีบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ MAI เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มทางเลือกในการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ และจะส่งผลให้อุปทานในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองแห่งเพิ่มขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และเป็นการส่งเสริมให้บริษัทมีการจัดทำระบบบัญชีที่โปร่งใสและเป็นมาตรฐานซึ่งจะส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เพิ่มขึ้นและเต็มเม็ดเต็มหน่วย
สำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร 02-2739020 ต่อ 3514
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 13/2550 20 กุมภาพันธ์ 50--